Description:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของ
พระสงฆ์ที่มีต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ของเจ้าอาวาส ในเขตอำเภอเมือง
จังหวัดบุรีรัมย์ และ 2) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของ
เจ้าอาวาสในวัดในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยจำแนกออกเป็น 6 ด้าน คือ ด้านนิติ
ธรรม ด้านคุณธรรม ด้านความโปร่งใส ด้านการมีส่วนร่วม ด้านความรับผิดชอบและด้านความ
คุ้มค่า กลุ่มตัวอย่างได้แก่ พระสงฆ์ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 300 รูปโดยการ
กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ เครซีและมอร์แกน (Krejcie & Morgan) ตาม
สัดส่วนโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตรา
ส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่น .8930 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ
ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยค่าคะแนนทีที่เป็นอิสระต่อกัน
(Independent Samples t – test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One – way
ANOVA)
1. ระดับความคิดเห็นของพระสงฆ์ที่มีต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล
ของเจ้าอาวาส ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับ
มาก
2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของพระสงฆ์ที่มีต่อการบริหารงานตามหลัก
ธรรมาภิบาลของเจ้าอาวาส ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยรวมมีระดับความคิดเห็นไม่
แตกต่างกัน และเมื่อจำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ด้านคุณธรรมและด้านความโปร่งใส
โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อจำแนกตามอายุพรรษา
พบว่า ทุกด้านโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลของ
เจ้าอาวาส ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ต้องการให้เจ้าอาวาสมีการส่งเสริมบทบาทของพระสงฆ์ในวัดให้มีระเบียบวินัย ประพฤติตนตามระเบียบแบบแผนของทางวัด ควรกำหนด
มาตรฐานการแก้ปัญหาของพระสงฆ์ในวัด ที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ให้ชัดเจน ควรเอาใจ
ใส่ ดูแล ซ่อมแซมเสนาสนะ ที่อยู่อาศัย ให้สะอาดร่มรื่น และปลอดภัยอยู่เสมอ ควรให้
ไวยาวัจกรมีส่วนรับรู้ปัญหาการบริหารการใช้จ่ายของวัด และติดตามประเมินผล ตามลำดับ