Abstract:
บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กับการเรียนแบบปกติ 3) เปรียบเทียบความคงทนในการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กับการเรียนแบบปกติ และ4) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนรวมมิตรวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 จานวน 2 ห้องเรียน เป็นห้องกลุ่มทดลอง จานวน 17 คน และห้องกลุ่มควบคุม จานวน 17 คน เครื่องมือใช้ในการวิจัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 30 ข้อ มีค่าอานาจจาแนกรายข้อตั้งแต่ 0.20 - 0.73 ค่าความยากรายข้อตั้งแต่ 0.23 - 0.77 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.98 ผลการวิจัยพบว่า
1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.30/82.17 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กาหนด
2. นักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนแบบปกติ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ มีความคงทนในการเรียนรู้สูงกว่านักเรียนที่เรียนแบบปกติ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ มีค่าเท่ากับ 0.73 แสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.73 หรือคิดเป็นร้อยละ 73.00