Abstract:
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาสมรรถนะวิจัยครูพลศึกษา 2. เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะวิจัยครูพลศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร และ 3. เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะวิจัยครูพลศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการสำรวจสมรรถนะวิจัยเป็นครูกลุ่มสาระวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ระดับปฐมวัย ประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่เป็นโรงเรียนร่วมวิชาชีพครูของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย จำนวน 186 คน และนำกลุ่มตัวอย่างที่มีคะแนนต่ำกว่าเปอร์เซนไทล์ที่ 30 มาเป็นอาสาสมัครในการทดลอง จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็น รูปแบบการฝึกอบรมแบบ STAR และแบบวัดสมรรถนะวิจัย ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบ t – test dependent และการหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ผลการวิจัยพบว่า 1) พบว่าสมรรถนะวิจัยครูพลศึกษาโดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 19.03 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านทัศนคติต่อการวิจัย และทักษะการวิจัย อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.94 และ 3.73 แต่ความรู้เกี่ยวกับการวิจัย อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 11.34 2) รูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะวิจัยครูพลศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร มีคะแนนประสิทธิภาพ เท่ากับ 92.96 / 84.86 3) หลังจากที่กลุ่มตัวอย่างได้รับการฝึกอบรมด้วยรูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะวิจัยครูพลศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกิจกรรมการฝึกอบรมแบบ STAR มีคะแนนสมรรถนะวิจัยครูพลศึกษาโดยรวม สูงกว่าก่อนการฝึกอบรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (X = 23.87 >X = 19.04)