dc.contributor.advisor | ศิราณี จุโฑปะมา | en_US |
dc.contributor.advisor | ประคอง กาญจนการุณ | en_US |
dc.contributor.author | ชลีพร, พินาศภัย | |
dc.date.accessioned | 2017-09-16T03:39:58Z | |
dc.date.available | 2017-09-16T03:39:58Z | |
dc.date.issued | 2559 | |
dc.identifier.uri | http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/1518 | |
dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 จำแนกตามสภาพตำแหน่ง และขนาดของโรเรียน กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้บริหารจำนวนจำนวน 127 ตน และครูจำนวน 341 คน รวม 468 คนได้จากกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างแล้วทำการสุ่มแบบแบ่งชั้นอย่างเป็นสัดส่วนตามขนาดของโรงเรียนเครื่องที่ใช้ในการวิจัย แบบสอบถาม มี 3 ลักษณะ คือ แบบตรวจสอบรายการ แบบมาตราส่วนประมาณค่า และแบบปลายเปิด มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .884 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดย t-test และ F-test เมื่อพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จึงทำการทดสอบรายคู่ด้วยวิธีการเชฟเฟ่ กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1.ความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนการศึกของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านมีการใช้อยู่ในระดับมากเช่นกัน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านบริหารวิชาการ รองลงมา คือ ด้านบริหารงบประมาณ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ด้านบริหารทั่วไป 2. เปรียบเทียมความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 จำแนกตามาสถานภาพตำแหน่ง โดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 จำแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายได้พบว่า ด้านบริหารวิชาการ และด้านบริหารทั่วไป แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ด้านบริหารงานงบประมาณ และบริหารงานบุคคล แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. ความคิดเห็นผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ที่มีจำนวนมากที่สุด และรองลงมาในแต่ละด้านมีดังนี้ ด้านบริหารวิชาการ ได้แก่ ควรจัดโปรแกรมวัดผลประเมินผล ให้นักเรียนและผู้ปกครอง ได้เข้าถึงข้อมูลผลการเรียนของนักเรียน ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา รองลงมา คือ ควรใช้อินเตอร์เน็ตติดต่อประสานงานด้านงานวิชาการของโรงเรียน ในสหวิทยาเขตให้ครอบคลุมทุกคนเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ด้านบริหารงบประมาณ ได้แก่ ควรใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการเก็บรวบรวมข้อมูลรายรับ รายจ่ายของสถานศึกษาในทุกด้าน รองลงมา คือการจัดซื้อ จัดจ้าง ควรมีลักษณะเป็นมาตรฐาน ข้อมูลชัดเจน สามารถบันทึกข้อมูลได้โดยตรงผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ด้านบริหารบุคคล ได้แก่ควรมีการจัดบัญชีรายรับ รายจ่ายของข้าราชการในสังกัดผ่านเว็บไซร์ ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ให้ละเอียด รองลงมาคือ ควรมีการจัดเก็บข้อมูลระบบเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นฐานข้อมูลของสถานศึกษา และด้านบริหารทั่วไปได้แก่ ควรมีการจัดกลุ่มไลน์ในการติดต่อสื่อสารประสานระหว่างบุคลากรรองลงมาคือ ควรมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในกลุ่ม บริหารทั่วไป เพื่อการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว และมีความเข้าใจตรงกันผ่านระบบออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา " | en_US |
dc.language.iso | th_TH | en_US |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ | en_US |
dc.title | การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 | en_US |
dc.title.alternative | USE OF INFORMATION TECHNOLOGY FOR EDUCATION UNDER THE SECONDARY EDUCATIONAL SERVICE ARE OFFICE 32 | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
dc.degree.discipline | การบริหารการศึกษา | |
dc.degree.level | ปริญญาโท | |
dc.degree.name | ครุศาสตรมหาบัณฑิต |