Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสภาพจัดการนวัตกรรมเทคโนโลยีการศึกษาโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับสภาพจัดการนวัตกรรมเทคโนโลยีการศึกษาโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 จำแนกตามตำแหน่งและขนาดโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บริหาร จำนวน 132 คน และครู จำนวน 331 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 463 คน โดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ (Stratified random sampling) จากการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .896 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีและการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เมื่อพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จึงทำการทดสอบรายคู่ด้วยวีธีการของเชฟเฟ่ โดยกำหนดที่นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพการจัดการนวัตกรรมเทคโนโลยีการศึกษาโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง
2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับสภาพจัดการนวัตกรรมเทคโนโลยีการศึกษาโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 จำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
3. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับสภาพจัดการนวัตกรรมเทคโนโลยีการศึกษาโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 จำแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวมและรายด้านแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05
4. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสภาพจัดการนวัตกรรมเทคโนโลยีการศึกษาโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 พบว่าควรพัฒนาระบบบริหารและการจัดการสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการสอนของโร
เรียนให้สนองตอบต่อภาระงานที่ปฏิบัติ โดยบูรณาการกับปัจจัยสภาพแวดล้อมที่หลากหลายที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เป็นระบบสามารถตรวจสอบและรายงานต่อสารธารณชนได้