ผลการใช้การสอนแบบผสมผสานเพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การสอนแบบผสมผสานเพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 7575 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การสอนแบบผสมผสานก่อนเรียนและหลังเรียนและ 3) เพื่อสำรวจความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้วิธีการสอนแบบผสมผสานกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จํานวน39 คน ซึ่งเรียนวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ.32102) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสตึกอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่ายเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้วิธีการสอนแบบผสมผสานสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ Dependent Samples t-test โดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ. 05. ผลการศึกษาพบว่า 1. แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้การสอนแบบผสมผสานสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 77. 46/85. 04 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้ 2. เปรียบเทียบนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนภาษาอังกฤษโดยใช้การสอนผสมผสานมีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ. 05. 3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้การสอนแบบผสมผสานในระดับมากสี่สุด ผลจากการศึกษาจะเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับครูและนักเรียนในการพัฒนาการเรียนการสอนทักษะการอ่านโดยใช้การสอนแบบผสมผสานของการเรียนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพต่อไป

This study aimed 1) to explore the efficiency of blended learning model in developing reading comprehension for grade 11 students to meet the criterion set at 75/75; 2) to compare students' learning achievement before and after learning through blended learning model utilization to develop reading comprehension for grade 11 students; and 3) to survey students' satisfaction with reading comprehension skill after using blended learning model. The samples of this study were 39 grade 11 students who took the Fundamental English Course (E32102) in the second semester of academic year 2016 at Satuek School, Satuek District, Buriram Province under The Secondary Educational Service Area Office 32, selected by using simple random sampling technique. The research instruments were lesson plans, achievement tests and satisfaction questionnaire. The statistics used to analyze the collected data were percentage, mean, and standard deviation. The hypothesis was tested by dependent samples t-test with the statistical significance at .05 level. The findings were as follows: 1. The efficiency of blended learning model in developing reading comprehension for grade 11 students was 77.46/85.04 which as higher than the criterion set at 75/75. 2. The grade 11 students' reading comprehension post-test mean scores were higher than the pre-test mean scores with statistically significant difference at .05 level. 3. The grade 1l students' satisfaction with reading English after learning through the blended learning model was at the most satisfactory. The findings can be significant data for teachers and students to develop effective teaching and learning of reading comprehension through blended learning model in the EFL settings.