Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1)พัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เรื่องยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2)เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาก่อนและหลังเรียนจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เรื่องยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 3)ศึกษาความพึงพอใจในการเรียนรู้โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เรื่องยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนนางรองพิทยาคม อำเอนางรอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 จำนวน 36 คน ได้มาโดยการเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เรื่องยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 5 แผน แบบทดสอบย่อย 5 ชุด เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก ใช้ทดสอบเมื่อสิ้นสุดการเรียนในแต่ละแผ่น แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ โดยมีค่าอำนาจจำนกตั้งแต่ 0.26-0.79 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.79 และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช่ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และการทดสอบสมมุติฐานการวิจัย โดยใช้ค่าสถิติ t(One-Sample T-test) ผลการวิจัยสรุปว่า 1. แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เรื่องยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ประสิทธิภาพ เท่ากับ 82.94/80.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนมีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 นั่นคือนักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนางรองพิทยาคม ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เรื่องยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ พบว่า มีความพึงพอใจตั้งแต่ระดับพึงพอใจมาก มากกว่าร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งนี้คือ ควรสนับสนุน ส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและนักเรียน ควรจัดการเรียน เตรียมเอกสารใบงาน กำกับดูแลเอาใจใส่นักเรียนอย่างสม่ำเสมอ และควรแทรกการปลูกฝังคุณธรรมความซื่อสัตย์ ความสามัคคี จิตอาสา ควรมีเวลาให้นักเรียนได้สอบถามในเนื้อหาที่สงสัย จะช่วยให้นักเรียนที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้ได้พัฒนาตนเอง ทำให้ผลการเรียนดีขึ้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูงขึ้น นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาที่เรียนและเรียนรู้อย่างมีความสุข