Description:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนในสังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้า
เจ้าหน้าที่พัสดุ จำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงานและขนาดของโรงเรียนที่ปฏิบัติงาน กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย
ผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้า เจ้าหน้าที่พัสดุ จำนวน 214 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม มีค่าอำนาจ
จำแนกอยู่ระหว่าง 2.248 ถึง 22.000 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .9903 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ
ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้ Independent Samples t-test และการวิเคราะห์ความ
แปรปรวนทางเดียว (One - Way Analysis of Variance) เมื่อพบควาแตกต่าง จึงทำการเปรียบเทียบเป็นรายคู่ในแต่ละ
ด้านตามวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe′ ) กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัย พบว่า
1. ปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต
2 ตามความคิดเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุทั้งโดยรวมและรายขั้นตอนอยู่ในระดับปาน
กลาง
2. เปรียบเทียบปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
บุรีรัมย์ เขต 2 จำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง คือ ผู้อำนวยการสถานศึกษากับหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุและจำแนกตาม
ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ ทั้งโดยรวมและรายขั้นตอนไม่
แตกต่างกัน
3. เปรียบเทียบปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
บุรีรัมย์ เขต 2ตามความคิดเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษาที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดต่างกัน โดยรวมไม่
แตกต่างกัน แต่เมื่อพิจารณาเป็นรายขั้นตอน พบว่า การจัดหาพัสดุ การควบคุมพัสดุ และการจำหน่ายพัสดุ แตกต่างกัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนขั้นตอนอื่น ๆไม่แตกต่างกัน
4. เปรียบเทียบปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ตามความคิดเห็นของหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดต่างกัน
โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณาเป็นรายขั้นตอน พบว่า การบำรุงรักษาพัสดุ
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 การจัดหาพัสดุ และการควบคุมพัสดุ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนขั้นตอนอื่น ๆ ไม่แตกต่างกัน
5. ผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สรุปเป็น
รายขั้นตอนที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ดังนี้ 1) การวางแผนกำหนดความต้องการพัสดุ ควรมีการประชุมวางแผนกำหนดความ
ต้องการพัสดุในแต่ละปีงบประมาณโดยให้บุคลากรทุกคนมีส่วนร่วมกำหนดความต้องการพัสดุ 2) การจัดหาพัสดุ ควรมี
การจัดหาพัสดุให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และมีการปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการอย่างถูกต้องและโปร่งใส 3)
การแจกจ่ายพัสดุ ควรแจกจ่ายพัสดุตามความต้องการและความจำเป็นตามระเบียบการเบิก-จ่ายพัสดุ 4) การควบคุมพัสดุ ควรมีการทำทะเบียนควบคุมพัสดุให้ชัดเจนและเป็นปัจจุบัน 5) การบำรุงรักษาพัสดุ เจ้าหน้าพัสดุไม่มีความรู้ใน
เรื่องการซ่อมบำรุงพัสดุจึงควรมีเจ้าหน้าที่เฉพาะมาทำหน้าที่ซ่อมบำรุงพัสดุ 6) การจำหน่ายพัสดุ เจ้าหน้าที่พัสดุขาด
ความรู้เรื่องการจำหน่ายพัสดุ ควรจัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ปีละ 1 ครั้ง