Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 และ 2)เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้รับผิดชอบ จำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง และขนาดของสถานศึกษา การศึกษาครั้งนี้ศึกษาจากประชากรคือ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 231 คน และครูผู้รับผิดชอบจำนวน 231 คน รวม 462 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบทดสอบถามมี 3 ลักษณะคือ แบบตรวจสอบรายการ แบบมาตราส่วนประมาญฃณค่า 5 ระดับ คำถามปลายเปิดและแบบสัมภาษณ์ แบบมีโครงสร้าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยวิเคราะห์ด้วยค่า ใช้ Independent Samples t-test กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 และการวิเคราะห์ด้วยค่าความแปรปรวนทางเดียว (One-way Analysis of Variance) ผลการวิจัย พบว่า 1.การบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้านเช่นกัน โดยด้านการเป็นผู้นำในการใช้ ICT มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา ด้านผลิตและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรบุคคล สำหรับด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านการสร้างโอกาส 2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของบผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้รับผิดชอบที่มีต่อการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 2 จำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง โดยรวมไม่แต่กต่างกัน เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายด้านพบว่า ด้านการสร้างโอกาสแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัษ ทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่นๆไม่แตกต่างกัน 3. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของบผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้รับผิดชอบที่มีต่อการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 2 จำแนกตามขนาดโรงเรียนที่ปฎิบัติงาน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนับยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการสร้างโอกาส แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ด้านการเป็นผู้นำในการใช้ ICT แตกต่างกันอย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านผลิตและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรบุลด้าน ICT ไม่แตกต่างกัน 4. ผลการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนามีดังนี้ การบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ด้านการสร้างโอกาส ควรส่งเสริมให้โรงเรียนสามารถระดมทุนเพื่อจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างจิงจัง มีหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณเพื่อเทคโนโลยีสารสนเทศที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละโรงเรียน ด้านการเป็นผู้นำในการใช้ ICT ควรมีการอบรมณ์เชิงปฎิบัติการให้ครูมีความรู้และทักษะ ในการใช้ ICT เพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีการอำนวยความสะดวกในการใช้ ICT เพื่อการเรียนการสอนอย่างทั่วถึ่ง และด้านการผลิตและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรบุคคลด้าน ICT ควรจัดให้ครูที่รับผิดชอบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารโดยตรงในโรงเรียน มีการประเมิณการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อปรับปรุงและพัฒนาสื่อต่างๆ สำรวจความต้องการของครูผูสอน เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้อย่างทั่วถึงวางแผนจัดทำระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งภายในสถานศึกษาและการเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอกและสถานศึกษาบูรณาการหลักสูตรให้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ในสาขาวิชาต่างๆตามความสามารถของผู้เรียน