dc.contributor.author |
สานุสันต์, สุชาดา |
|
dc.date.accessioned |
2018-03-06T05:54:34Z |
|
dc.date.available |
2018-03-06T05:54:34Z |
|
dc.date.issued |
2557-04-23 |
|
dc.identifier.citation |
วารสารเกษตรราชพฤกษ์ ฉบับปฐมฤกษ์ |
en_US |
dc.identifier.uri |
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/3998 |
|
dc.description.abstract |
การจัดการวัชพืชโดยใช้สารเคมีนับเป็นวิธีที่นิยมปฏิบัติกันมากในปัจจุบันเนื่องจากมีความรวดเร็วมีประสิทธิภาพสามารถเลือกทำลายวัชพืชได้อีกทั้งยังใช้ได้ดีกับพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีรายงานว่า ในแต่ละปีมีการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชสูงถึง 3 ล้านตันในระบบการเกษตร (Stephenson, 2000) แต่หากการใช้สารเคมีควบคุมวัชพืชติดต่อกันนานๆนั้น นอกจากจะเป็นอันตรายโดยตรงต่อผู้ใช้ยังมีผลทำให้เกิดปัญหาต่อสภาพแวดล้อม ในปัจจุบันการพยายามใช้สารที่ได้จากพืชหรือวัชพืชมาควบคุมการเจริญเติบโตของพืชข้างเคียงเป็นวิธีการที่น่าสนใจ
ปัจจุบันมีรายงานค่อนข้างมากที่ยืนยันว่าพืชและวัชพืชหลายชนิดมีสารอยู่ในตัวเองและสามารถขับหรือปลดปล่อยสารนั้นออกมาแล้วไปมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชข้างเคียงหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ เรียกกระบวนการนี้ว่า allelopathy และเรียกสารที่มีในต้นพืชนั้นว่าสาร allelopathic ซึ่งถูกค้นพบโดย Molisch ในปี 1937 ซึ่งคุณสมบัตินี้มีผลได้ทั้งทางบวกหรือทางลบคืออาจจะกระตุ้นหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของอีกพืชหนึ่ง
ดังนั้นการนำความรู้ความเข้าใจด้านนี้มาใช้ประโยชน์ในการควบคุมและวางแผนการจัดการวัชพืชให้อยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตของพืชปลูกในระดับเศรษฐกิจ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและสามารถนำมาใช้ในการจัดการและควบคุมวัชพืชได้เพื่อเป็นการลดการใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืช อีกทั้งยังเป็นการลดปริมาณสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อมและในสินค้าเกษตรได้อีกทางหนึ่งด้วย |
en_US |
dc.language.iso |
th_TH |
en_US |
dc.publisher |
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ |
en_US |
dc.subject |
allelopathi,การควบคุมวัชพืช |
en_US |
dc.title |
Allelopathy : อีกหนึ่งทางเลือกในการควบคุมวัชพืช |
en_US |
dc.title.alternative |
Allelopathy : an alternative in weed control |
en_US |
dc.type |
Article |
en_US |
dc.contributor.emailauthor |
sanusan@gmail.com |
en_US |