dc.contributor.author | วันชัย, รินทะ | |
dc.date.accessioned | 2017-09-27T07:50:57Z | |
dc.date.available | 2017-09-27T07:50:57Z | |
dc.date.issued | 2016 | |
dc.identifier.citation | การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ "ราชภัฏวิจัยครั้งที่ 4" | en_US |
dc.identifier.uri | http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/2471 | |
dc.description.abstract | บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานตามความคิดเห็นของพนักงานราชการโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 จาแนกตาม เพศ สถานภาพการสมรส อายุ และขนาดของโรงเรียน โดยมีขอบเขตของเนื้อหา 10 ด้าน กลุ่มตัวอย่าง จานวน 136 คน ได้จากการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่และมอร์แกน แล้วใช้วิธีสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่ามีค่าอานาจจาแนกอยู่ระหว่าง 2.246 - 8.205 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .9831 สถิติที่ใช้ในการวิจัยข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานใช้การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ในการเปรียบเทียบรายคู่ในแต่ละด้าน ใช้วิธีการของเชฟเฟ โดยกาหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสาคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่า 1. พนักงานราชการโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 มีความคิดเห็นโดยรวมและรายด้านเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมากโดยเรียงลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านสภาพการทางาน (เงินเดือนและประโยชน์เกื้อกูล) ด้านนโยบายและการบริหาร ด้านความสาเร็จของงาน ด้านความก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าที่การงาน ด้านความรับผิดชอบ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล /สภาพแวดล้อมในการทางาน ด้านลักษณะของงาน ด้านสัมพันธภาพกับผู้ร่วมงาน ด้านการยอมรับนับถือ และด้านสัมพันธภาพกับผู้บังคับบัญชา 2. พนักงานราชการโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ที่มีเพศ สภาพการสมรส และอายุ ต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานทั้งโดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 3. พนักงานราชการโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจาณารายด้าน พบว่า ด้านการยอมรับนับถือ ด้านลักษณะของงานและด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล / สภาพแวดล้อมในการทางาน แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน 4. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ที่มีจานวนมากที่สุดในแต่ละด้านมีดังนี้ ผู้บริหารส่งเสริม และให้กาลังใจในการปฏิบัติงานดี และให้ความช่วยเหลือในการปฏิบัติงานที่มีปัญหาจนสามารถสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี ผู้ร่วมงานให้การยอมรับนับถือในการทางานร่วมกัน ทาให้ทางานด้วยความสุข งานที่ได้รับโดยส่วนใหญ่จะตรงกับความรู้ความสามารถ ถ้างานใดที่ไม่มีความถนัดก็จะส่งเสริมให้ไปศึกษาดูงานและเรียนรู้จากการอบรมเชิงปฏิบัติการ มีความรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกาลังความสามารถและเสียสละเวลาเพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายออกมาดีที่สุด ผู้บริหารสนับสนุนในการส่งเสริมให้ความรู้แก่บุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และเปิดโอกาสให้บุคลากรทุกคนร่วมกันกาหนดนโยบายในการบริหาร เพื่อให้เข้าใจตรงกัน และปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจและมีความสุข ผู้บังคับบัญชาปกครองด้วยความยุติธรรมและมีความเป็นกันเองก่อให้เกิดขวัญและกาลังใจในการปฏิบัติงาน มีการอยู่แบบพี่แบบน้องส่งเสริมและสนับสนุนในการปฏิบัติงานร่วมกัน เงินเดือนต้องเหมาะสมกับการปฏิบัติงานและค่าครองชีพในปัจจุบัน สภาพแวดล้อมที่ดี ส่งผลให้การทางานมีประสิทธิภาพ | en_US |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ | en_US |
dc.title | ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานราชการโรงเรียน มัธยมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 | en_US |
dc.type | Article | en_US |