dc.contributor.author |
เมธปิยา, ชูศรีทอง |
|
dc.date.accessioned |
2017-09-25T07:11:54Z |
|
dc.date.available |
2017-09-25T07:11:54Z |
|
dc.date.issued |
2015 |
|
dc.identifier.citation |
การประชุมเสนอผลงานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ พ.ศ. 2558 |
en_US |
dc.identifier.uri |
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/2310 |
|
dc.description |
บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีความมุ ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน สังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 จำแนกตามระดับการศึกษาและขนาดของโรงเรียน
กลุ่ มตัวอย่ างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ประกอบด้วย ครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ร้อยเอ็ด เขต 3 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 331 คน ซึ่งได้จากการสุ ่มจากประชากร โดยกำหนดขนาดของกลุ่ ม
ตัวอย่างตามตารางของเครจซี่มอร์แกนโดยใช้วิธีสุ ่มแบบแบ ่งชั้นอย่ างมีสัดส ่วนตามขนาดของโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมี 3 ลักษณะ ได้แก่ แบบตรวจสอบรายการ แบบมาตราส ่วนประมาณ
ค่ า 5 ระดับ และแบบปลายเปิด มีค ่าความเชื่อมั่น 0.934 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ
ค ่าเฉลี่ย ส ่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานโดยใช้การทดสอบค ่าที และการวิเคราะห์ความ
แปรปรวนทางเดียว เมื่อพบความแตกต ่างอย ่างมีนัยสำคัญทางสถิติในแต่ ละด้าน จะทำการเปรียบเทียบเป็นรายคู ่
ตามวิธีการของเชฟเฟ่โดยกำหนดค ่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัยพบว่ า
1. ครูมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 โดยรวมอยู ่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว ่า อยู่ ในระดับมากที่สุด 2
ด้าน และอยู ่ในระดับมาก 6 ด้าน โดยด้านที่มีค่ าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ รองลงมาคือ
ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ส ่วนด้านที่มีค ่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ด้านการพัฒนาส ่งเสริมชุมชนให้มีความเข้มแข็ง
ทางวิชาการ
2. ครูที่มีระดับการศึกษาต ่างกันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน สังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 โดยรวมไม ่แตกต ่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ด้านการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา ด้านการ
พัฒนาสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแตกต่ างกันอย ่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส ่วนด้านอื่น ๆ ไม่แตกต่ าง
กัน
3. ครูที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดต ่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการ
ในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 โดยรวมแตกต ่างกันอย ่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว า ทุกด้านแตกต ่างกันอย่ างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
เช่ นเดียวกัน
4. ครูได้แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน สังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 ที่มีจำนวนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ครูมี
ภาระงานมากและมีหน้าที่รับผิดชอบหลายด้าน รวมทั้งมีภารกิจด้านอื่นที่ไม่ เกี่ยวกับการเรียนการสอนมากเกินไป
2) ครูไม่ มีความรู้ความเข้าใจในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียน และ 3) ขาดการวางแผนในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียนตามลำดับ |
en_US |
dc.publisher |
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ |
en_US |
dc.subject |
การบริหารงานวิชาการในโรงเรียน |
en_US |
dc.subject |
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา |
en_US |
dc.subject |
การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ |
en_US |
dc.subject |
Academic Administration in Schools |
en_US |
dc.subject |
The curriculum development |
en_US |
dc.subject |
The development of the learning process |
en_US |
dc.title |
การบริหารงานวิชาการในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 |
en_US |
dc.title.alternative |
Academic Administration in Schools under Roi-et Primary Educational Service Area Office 3 |
en_US |
dc.type |
Proceedings |
en_US |