Description:
เรียนสูงขึ้น เพื่อใช้ไปพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนเพื่อ
การสอนทักษะการอ่านภาษาอังกฤษแก่นักเรียนยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งอาจ
เนื่องมาจาก เนื้อหาที่นำมาใช้สอนอ่านเป็นเรื่องที่ไกลตัวหรือไม่คุ้นเคย ส่งผลให้นักเรียน
เข้าใจเนื้อหานั้นได้ยาก ดังนั้น การเลือกเนื้อหามาเป็นสื่อในการพัฒนาทักษะการอ่าน จะ
ช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะพัฒนา
แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนด้วยบทอ่านโดยการใช้แบบฝึกทักษะการ
เรียนรู้แบบร่วมมือกันเรียนรู้ ซึ่งเป็นการวิจัยปฏิบัติการแบบร่วมมือ (Collaborative Action
Research) โดยยึดหลักการของ เคมมิสและ แมคแทคการ์ท ( Kemmis and
McTaggart ) มีความมุ่งหมายเพื่อ (1) พัฒนาแบบฝึกทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษแบบ
กลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (2) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้และ
เอกสารประกอบการอ่านที่มีประสิทธิภาพ 70/70 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทาง การ
เรียนแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้ (STAD)
ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 ก่อนและหลังเรียน และ (4) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ
การอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
กลุ่มเป้าหมายและ ให้ข้อมูลในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียน
นางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานเขตพื้นที่บุรีรัมย์ เขต 3 ภาคเรียนที่ 1/2552
จำนวน 45 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบ
ฝึกทักษะ แบบทดสอบ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบสังเกต แบบ
สัมภาษณ์ แบบประเมินการทำงานกลุ่ม แบบบันทึกประจำวัน และ แบบบันทึกการสังเกต
พฤติกรรมนักเรียน สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ ดัชนี
ประสิทธิผล และการทดสอบสมมุติฐานใช้ t-test (Dependent Samples) ผลการวิจัยที่คาด
ว่าจะได้รับมีดังต่อไปนี้
การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้กลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผลการวิจัยที่คาดว่าจะได้รับมีดังต่อไปนี้
1. ผู้วิจัยและผู้ช่วยวิจัยได้นำข้อมูลจากการประเมินการทำงานกลุ่ม การสังเกต
การสัมภาษณ์นักเรียนและการบันทึกประจำวันมาร่วมกันวิเคราะห์เมื่อเสร็จสิ้นแต่ละวงจร
ปฏิบัติการในการสะท้อนผลเพื่อปรับปรุงในแต่ละวงจรปฏิบัติการ ในภาพรวม วงจรปฏิบัติการ
ที่ 1 – 2 นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำงานรับผิดชอบในกิจกรรม สมาชิกในกลุ่มมีการ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกลุ่ม กล้าแสดงความคิดเห็น และ นำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
นักเรียนให้ความช่วยเหลือกันทำงาน สามารถส่งงานทันตามกำหนดเวลา นักเรียนในกลุ่มมี
ความรับผิดชอบร่วมกันและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น
2. การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเรียนรู้และเอกสารประกอบการอ่าน
ภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหา การอ่านโดยใช้การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้ มีประสิทธิภาพ
87.59/82.00 ซึ่งคาดว่าจะได้ทราบผล สูงกว่าเกณฑ์ 70/70 ที่ตั้งไว้
3.นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึก
ทักษะกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้ คาดว่าจะได้ทราบผล หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหาการอ่านสำหรับชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่ 5 แบบร่วมมือกันเรียนรู้ มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ .6338 หมายความว่าผู้เรียนมี
ความรู้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 63.38
5. นักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้การเรียนรู้แบบฝึกทักษะกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้
มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
โดยภาพรวมคาดว่า การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้กลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้
ทำให้นักเรียนมีทักษะในการอ่านภาษาอังกฤษดีขึ้น และมีผลสัมฤทธิ์ทางการให้บรรลุ
วัตถุประสงค์การเรียนรู้สืบไป