Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 ที่มีต่อสุขภาพจิตของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ประชากรในการศึกษาวิจัย คือ นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ชั้นปีที่ 1 ถึงชั้นปีที่ 3 ปีการศึกษา 2563 จำนวนประชากรในการศึกษาทั้งสิ้น 98 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling) จากประชากรทั้งหมด โดยทำการศึกษาระหว่างเดือน ตุลาคม 2563 ถึง กันยายน 2564 รูปแบบของการศึกษาวิจัย เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย (Descriptive Research) เพื่อสำรวจข้อมูลของประชากร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเองจากการทบทวนวรรณกรรมและเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Likert’s scale) 5 ระดับ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 ถึง ชั้นปีที่ 3 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปีการศึกษา 2563 ใช้ระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งสิ้นรวม 3 เดือน ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ถึง กรกฎาคม 2563
ผลการวิจัย พบว่า ข้อมูลทั่วไปของนักศึกษาศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ พบว่า นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่เข้าร่วมการวิจัยครั้งนี้จำนวนทั้งสิ้น 98 คน คิดเป็นร้อยละ 100.0 เป็นนักศึกษาชาย จำนวน 6 คน (ร้อยละ 6.12) นักศึกษาหญิง จำนวน 92 คน (ร้อยละ 93.88) ด้านภาวะสุขภาพ พบว่า มีนักศึกษาส่วนใหญ่ จำนวน 93 คน (ร้อยละ 94.90) ไม่มีปัญหาสุขภาพ ส่วนนักศึกษาจำนวน 5 คน (ร้อยละ 5.10) มีปัญหาสุขภาพ โดยพบว่ามีปัญหาสุขภาพทางกายด้วยการเจ็บป่วยตามฤดูกาลที่ไม่รุนแรงและไม่เป็นโรคติดต่อ จำนวน 3 คน (ร้อยละ 3.06) และมีปัญหาสุขภาพจิตจำนวน 2 คน (ร้อยละ 2.04) เช่น มีความเครียดต่าง ๆ ด้านผลกระทบทางด้านสุขภาพจิตจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 ทั้ง 4 ระยะมีลักษณะเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ได้แก่ ระยะที่ 1 คือ ช่วง 1-3 เดือนแรกที่เริ่มมีโรคระบาด ระยะที่ 2 คือ ช่วง 2-4 เดือนหลังเริ่มมีโรคระบาด ระยะที่ 3 คือ ช่วง 4-9 เดือนหลังเริ่มมีโรคระบาด และระยะที่ 4 คือช่วง 1-3 ปี หลังมีโรคระบาดนั้น มีนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบอยู่ในระยะที่ 1-3 จำนวน 29 คน (ร้อยละ 29.59) ซึ่งมีผลกระทบ 3 ด้าน ได้แก่ ผลกระทบด้านปัญหาส่วนตัว เศรษฐกิจและผลกระทบด้านการศึกษา ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพจิต เช่น เกิดความเครียดในสถานการณ์ที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ค่าใช้จ่ายในการศึกษา และการเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งมีนักศึกษาจำนวน 2 คน (ร้อยละ 2.04) มีความเครียดระดับปานกลาง นักศึกษาส่วนใหญ่มีวิธีการป้องกันแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต โดยส่วนใหญ่ จำนวน 90 คน (ร้อยละ 91.84) ใช้สื่อออนไลน์ในการปรึกษาผู้ปกครอง อาจารย์ผู้สอน ญาติ และเพื่อน เช่น เฟซบุ๊ค ไลน์ เป็นต้น