การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง กรณีศึกษา ร้านถ่ายเอกสารพรชัย ก็อปปี้

Abstract

การวิจัยเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง กรณีศึกษาร้านถ่ายเอกสารพรชัย ก็อปปี้ โดยในการวิจัยนี้กลุ่มผู้วิจัยได้ทำการศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลภายในเดือนมกราคม-ธันวาคม พ.ศ.2559 จากการสัมภาษณ์เจ้าของร้าน ผู้ใช้บริการและผู้ปฏิบัติงาน แล้วจึงทำการวิเคราะห์หาปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยวิธีการระดมความคิดร่วมกับเจ้าของร้านกรณีศึกษา โดยใช้แผนผังเหตุและผล พบว่าสาเหตุที่ส่งผลมากที่สุดที่ทำให้เกิดปัญหา มาจากวัตถุดิบที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน ผู้วิจัยจึงใช้การพยากรณ์เข้ามาช่วยในการคาดคะเนว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการแล้วทำให้มีความต้องการใช้กระดาษ A4 เท่าไหร่ล่วงหน้า โดยเลือกรูปแบบการพยากรณ์ด้วยวิธีปรับเรียบเอกซ์โพเนนเชียล แล้วทำการเปรียบเทียบความคลาดเคลื่อนด้วยค่าความคลาดเคลื่อนสมบูรณ์ (MAD) โดยการเปรียบเทียบค่า α ที่ 0.1 และ 0.5 ว่าค่าไหนมีคลาดเคลื่อนน้อยกว่ากัน ได้ผลว่าที่ α 0.1 มีค่าความคลาดเคลื่อน 18.68 ที่ 0.5 มีค่าความคลาดเคลื่อน 13.17 ผู้วิจัยจึงเลือกค่า α ที่ 0.5 เป็นรูปแบบการพยากรณ์ที่เหมาะสมกับร้านกรณีศึกษานี้ และ ได้ทำการสร้างแบบจำลองระบบการจัดการสินค้าคงคลังเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลังของร้านกรณีศึกษา ซึ่งประกอบไปด้วย (1) ปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสม (EOQ) โดยสั่งซื้อครั้งละ 150 รีม จึงจะประหยัดที่สุด ส่งผลให้ปีหนึ่งจะมีการสั่งซื้อ 14 ครั้ง (2) ปริมาณสินค้าคงคลังที่มีไว้เผื่อของขาด (SS) จากความต้องการใช้กระดาษของร้านถ่ายเอกสารพรชัย ก็อปปี้ในปี 2559 ที่ผ่านมาทั้งหมดมี 38 สัปดาห์ หรือ 266 วัน โดยประมาณการเฉพาะช่วงเปิดเทอมที่ร้านถ่ายเอกสารพรชัย ก็อปปี้ เปิดให้บริการ ซึ่งมีอัตราการใช้ กระดาษอยู่ที่ 8 รีมต่อวัน สินค้าคงคลังสำรอง (SS) เท่ากับ 8 รีม และ (3) หาจุดสั่งซื้อที่เหมาะสม (ROP) คือ 16 รีม ดังนั้นถ้าสินค้าลดลงเหลือเพียง 16 รีมต่อสัปดาห์ จะต้องรีบทำการสั่งเพิ่มทันที และ ผู้วิจัยทำการทดสอบแบบจำลองสินค้าคงคลัง โดยอาศัยข้อมูลการใช้งานจริงของกระดาษ A4 ในอดีตมาทดสอบด้วยวิธีการทดสอบย้อนหลัง (Back Test) ได้ผลลัพธ์สรุปดังนี้ (1) จำนวนครั้งที่สั่งซื้อทั้งหมดเท่ากับ 14 ครั้งต่อปี จากเดิม 50 ครั้ง (2) ไม่มีจำนวนครั้งที่ของขาด จากเดิม 4 ครั้ง (3) ปริมาณสินค้าคงคลังเฉลี่ยเท่ากับ 63 รีมต่อปี จากเดิม 20 รีม และ (4) ต้นทุนค่าเสียโอกาสเท่ากับ 376 บาทต่อปี จากเดิม 1,455 บาท หลังจากการเปรียบเทียบต้นทุนสินค้าคงคลังทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริงในปี พ.ศ. 2559 (เดิม) มีต้นทุนเท่ากับ 4,400 บาท และ ต้นทุนสินค้าคงคลังที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมดที่ได้จากแบบจำลองการจัดการสินค้าคงคลังมีต้นทุนเท่ากับ 826 บาท เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พบว่าแบบจำลองการจัดการสินค้าคงคลังที่สร้างขึ้นสามารถลดต้นทุนได้เท่ากับ 3,574 บาท หรือร้อยละ 81 ของต้นทุนเดิม ดังนั้นร้านถ่ายเอกสารพรชัย ก็อปปี้ ควรจะมีการจัดการสินค้าคงคลังดังนี้คือ ควรทำการวิเคราะห์รูปแบบของการสั่งซื้อวัตถุดิบใหม่ในทุกๆ ปี ด้วยการพยากรณ์แบบเอกซ์โพเนนเชียล โดยใช้ค่า α 0.5 ค่าพยากรณ์ที่ได้ทำให้คาดคะเนว่าจะมีปริมาณความต้องการกระดาษในปีถัดไปเท่าไหร่ แล้วนำมาหาว่าจะต้องมีการจัดซื้อกระดาษช่วงไหนบ้างเพื่อนำมาวางแผนในการจัดการสินค้าคงคลังล่วงหน้า โดยใช้แบบจำลองสินค้าคงคลังที่สร้างขึ้น ทำให้ร้านถ่ายเอกสารพรชัย ก็อปปี้ สามารถวางแผนการจัดซื้อ การจัดวางและการจัดการสินค้าคงคลังให้เหมาะสม