Abstract:
การพัฒนากระบวนการเรียนการสอนโดยใช้ชิปปาโมเดลเรือง “การประยุกต์ใช้สถิติเพื่อการคาดการณ์และการแก้ปัญหา” มีวัตถุประสงค์ 3 ประการดังนี้ เพื่อสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ชิปปาโมเดลเรือง “การประยุกต์ใชสถิติเพื่อการคาดการณ์และการแก้ปัญหา"เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาก่อนและหลังการเรียนโดยใช้ซิปปาโมเดล และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการเรียนโดยใช้ชิปปาโมเดล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ใน การวิจัยครั้งนี้คือนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชา "วิทยาศาสตร์ ะคณิตศาสตร์พื้นฐานในชีวิตประจำวัน" ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 จำนวน 49 คน การพัฒนากระบวนการเรียนการสอนโดยใช้ชิปปาโมเดลตามแนวคิดของ ทิศนา แขมมณี ดำเนินการโดยผ่านกระบวนการทำวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนตามแนวคิดของ Kemmis and McTaggart ซึ่งมี 4 ขั้นตอนคือการวางแผน การปฏิบัติการ การสังเกตและการสะท้อนผล เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการวิจัย ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ แบบทดสอบแบบสังเกตพฤติกรรมแบบสัมภาษณ์และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ประกอบด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test จากการใช้แผนการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นและใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาโมเดล โดยผ่านกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชันเรียนผลพบว่า คะแนนเฉลี่ยของนักศึกษาหลังเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบซิปปาโมเดล มีคะแนนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเกินกว่าร้อยละ 30 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักศึกษามากกว่าร้อยละ 80 มีความพึงพอใจในระดับมาก ถึงมากที่สุด นอกจากนียังพบว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ซิปปาโมเด ที่เน้นผู้เรียนเป็น สำคัญ โดยผู้วิจัยแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มๆ ละ 7 คน เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนมีโอกาสสร้างความรู้ ด้วยตนเอง มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยเป็นลักษณะของการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน เป็นการเรียนรู้ กระบวนการต่าง ๆ เช่นกระบวนการทำงานกระบวนการแสวงหาความรู้ ผู้เรียนมีโอกาสเคลื่อนไหวไปมาเนืองจากเป็นการจัดการนั่งเรียนแบบวงกลมผู้เรียนหันหน้าเข้าหากัน และสามารถประยุกต์เนื้อหาใช้กับชีวิต