รายงานการวิจัย (Research reports)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/47
2024-03-28T11:16:14Z
-
ผลการจดักจิกรรมศิลปะสร้างสรรค ์ จากวสัดุธรรมชาติพฒั นาทกัษะสมอง EF (Executive Functions) ของเดก็ ปฐมวยั ช้ันอนุบาลปีที่3/2 โรงเรียนสาธิตมหาวทิยาลยัราชภัฏบุรีรัมย ์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7328
ผลการจดักจิกรรมศิลปะสร้างสรรค ์ จากวสัดุธรรมชาติพฒั นาทกัษะสมอง EF (Executive Functions) ของเดก็ ปฐมวยั ช้ันอนุบาลปีที่3/2 โรงเรียนสาธิตมหาวทิยาลยัราชภัฏบุรีรัมย ์
สุนิสา ก่ำแก้ว; วิภารัตน์ อิ่มรัมย์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลการพัฒนาทักษะสมอง EF (Executive
Functions) ของเด็กปฐมวัย ด้านความจําเพื่อนํามาใช้งาน ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์จาก
วัสดุธรรมชาติ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการพัฒนาทักษะสมอง EF (Executive Functions) ของเด็กปฐมวัย ด้านการยั้งคิดไตร่ตรอง ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ เด็กปฐมวัยที่มีอายุระหว่าง 5-6 ปี ซึ่งกําลังศึกษาอยู่ชั้น
อนุบาลปีที่ 3 ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ตําบลในเมือง อําเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง จํานวน 1 ห้องเรียน เด็กปฐมวัย จํานวน 24 คน ซึ่งได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติและแบบทดสอบวัดทักษะสมอง EF (Executive Functions) ของเด็กปฐมวัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน ค่าความยากง่าย ค่าอํานาจจําแนก และค่าความเชื่อมั่น
ผลการวิจัยพบว่า
1. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ มีทักษะสมอง EF
(Executive Functions) ของเด็กปฐมวัย ด้านความจําเพื่อนํามาใช้งาน ก่อนและหลังการทดลองมีคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลอง เท่ากับ 5.21 และ 7.92 ตามลําดับ
2. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ มีทักษะสมอง EF
(Executive Functions) ของเด็กปฐมวัย ด้านการยั้งคิดไตร่ตรอง ก่อนและหลังการทดลอง มีคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลอง เท่ากับ 4.83 และ 7.63 ตามลําดับ
2021-01-07T00:00:00Z
-
รูปแบบการพัฒนาครูโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบสะเต็มที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7327
รูปแบบการพัฒนาครูโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบสะเต็มที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21
อาจารย์วิภารัตน์ อิ่มรัมย์; นิตยา บรรณประสิทธิ์; วิไลวรรณ ศิริเมฆา; วราลี โกศัย; ธนากร เทียมทัน; มัลลิกา เจริญพจน์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาครูโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบสะเต็มที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 2) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาครูโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบสะเต็มที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 3) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21โดยใช้การจัดประสบการณ์แบบสะเต็มการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ มี 3 ระยะ คือระยะที่ 1สร้างรูปแบบการพัฒนาครูปฐมวัยโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบสะเต็มที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ คือครูผู้สอนในชั้นปฐมวัย จำนวน 23 คนซึ่งมีประสบการณ์ระดับชั้นปฐมวัยในโรงเรียนประจำอำเภอ ทั้ง 23 อำเภอ ของจังหวัดบุรีรัมย์ครูผู้สอนในชั้นปฐมวัย นักวิชาการด้านการศึกษาปฐมวัย และผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอนจำนวน 15 คน ระยะที่ 2การพัฒนาครูโดยใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์แบบสะเต็มที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 กลุ่มเป้าหมาย คือ ครูผู้สอนในชั้นปฐมวัย จำนวน 20 คนระยะที่ 3 การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 โดยใช้การจัดประสบการณ์แบบสะเต็มกลุ่มเป้าหมาย คือ ครูผู้สอนในชั้นปฐมวัย จำนวน 20 คน และนักเรียน ชาย–หญิงห้องเรียนปฐมวัยที่ครูรับผิดชอบ จำนวน 20 ห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังการอบรมพัฒนาของครูแบบสังเกตพฤติกรรมการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยและแบบนิเทศ ติดตามและประเมินผลการพัฒนาครูระดับปฐมวัย ซึ่งข้อมูลสถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการพัฒนารูปแบบการพัฒนาครูปฐมวัยโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบสะเต็มที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ไดแก ความเป็นมาของรูปแบบ แนวคิดทฤษฎีพื้นฐาน หลักการของรูปแบบวัตถุประสงค์และการพัฒนาครูปฐมวัยโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบสะเต็มที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่21ใน 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นสร้างความเข้าใจ ขั้นตอนที่ 2 ขั้นเตรียมความพร้อม ขั้นตอนที่ 3 ขั้นการนำไปใช้ตามกระบวนการและขั้นตอนการจัดประสบการณ์แบบสะเต็ม ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ขั้น (ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ ขั้นที่ 2 ขั้นวางแผน ขั้นที่ 3 ขั้นการดำเนินกิจกรรม ขั้นที่ 4 ขั้นสรุปและประเมินผลกิจกรรม) และขั้นตอนที่ 4 ขั้นนิเทศติดตามและประเมินผล ซึ่งผลการประเมินความสอดคล้อง (IOC) ระหว่าง 0.67-1.00
2. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์แบบสะเต็มที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 พบว่าจากการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของครูที่เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการด้วยรูปแบบพัฒนาการครูปฐมวัย พบว่าครูที่เข้าอบรมมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21พบว่า ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบสะเต็ม ด้านการแก้ปัญหาของตนเองที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่นสูงกว่าด้านการแก้ปัญหาของตนเองที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่นและแก้ปัญหาของผู้อื่น
2018-07-02T00:00:00Z
-
ผลการพัฒนาครูปฐมวัยด้านการผลิตสื่อการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7326
ผลการพัฒนาครูปฐมวัยด้านการผลิตสื่อการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย
วิภารัตน์ อิ่มรัมย์; นิตยา บรรณประสิทธิ์; วิไลวรรณ ศิริเมฆา; ธนากร เทียมทัน
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมครูปฐมวัยด้านการผลิตสื่อการศึกษา เพื่อพัฒนาทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย เพื่อเปรียบเทียบผลการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจด้านการผลิตสื่อการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ EF ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการฝึกอบรม และเพื่อศึกษาผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย กลุ่มเป้าหมายที่ใช้เป็นครูปฐมวัยที่เป็นศิษย์เก่า จำนวน 40 คน และเด็กปฐมวัย ชาย-หญิง จำนวน 40 คน ชาย-หญิง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) หลักสูตรฝึกอบรมครูปฐมวัยด้านการผลิตสื่อการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย 2) แบบทดสอบวัดความรู้ ความเข้าใจด้านการผลิตสื่อการศึกษาเพื่อพัฒนา EF ของเด็กปฐมวัย 3) แผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย จำนวน 14 แผน 4) แบบสังเกตพฤติกรรมด้านทักษะสมอง EF เด็กปฐมวัยขณะทำกิจกรรม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t–test (Dependent Samples) ผลการศึกษา พบว่า 1) หลักสูตรฝึกอบรมครูปฐมวัยด้านการผลิตสื่อการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา วิธีการฝึกอบรม สื่ออุปกรณ์ การวัดและประเมินผล โดยเนื้อหาของหลักสูตรเป็นภาคทฤษฏี 1 หน่วย ได้แก่ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวพัฒนาทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย และภาคปฏิบัติ 5 หน่วย ได้แก่ ขนมแสนอร่อย ผักดีมีประโยชน์ หุ่นถุงกระดาษ ของเล่นแสนสนุก และร้านรถเข็นขายของ และจากผลการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ผลการประเมินความเหมาะสมและความสอดคล้องของโครงร่างหลักสูตรฝึกอบรม อยู่ในระดับใช้ได้ทุกรายการประเมิน 2) ผลการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจด้านการผลิตสื่อการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย จากฝึกอบรมกับครูปฐมวัย จำนวน 2 วัน โดยการบรรยาย สาธิต ฝึกปฏิบัติ จากสังเกตพฤติกรรมความสามารถในการผลิตสื่อการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะ EF พบว่า ครูมีความสนใจในการฝึกอบรมและสามารถปฏิบัติการผลิตสื่อการศึกษาเพื่อพัฒนา EF ได้ และจากการฝึกอบรม พบว่าครูปฐมวัยมีความรู้ก่อนและหลังการอบรมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 3) ผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะ EF ของเด็กปฐมวัย พบว่า จากการสังเกตพฤติกรรมด้านทักษะสมอง EF เด็กปฐมวัยขณะทำกิจกรรม เด็กปฐมวัยมีทักษะ EF ในแต่และสัปดาห์เพิ่มขึ้น
2020-12-30T00:00:00Z