กลุ่มวิชาจิตวิทยา และการแนะแนว
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4063
2024-03-29T02:00:00Z
-
จิตวิทยาการแนะแนวและการให้คำปรึกษา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7761
จิตวิทยาการแนะแนวและการให้คำปรึกษา
วินิรณี ทัศนะเทพ; พัชรี ถุงแก้ว; คำจันทร์ ร่มเย็น; สุทิศา โขงรัมย์; ชนิสรา ไกรสีห์; ต่อศักดิ์ กาญจนทรัพย์สิน; นิยม ขุนรองรัมย์; ศิริภิญญา ตระกูลรัมย์; รสสุคนธ์ ธัญถนอม
2021-03-31T00:00:00Z
-
ผลของกระบวนการกลุ่มเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางใจสู้ภัยวิกฤตของนักเรียนวัยรุ่นตอนปลาย : กรณีศึกษานิคมทุ่ง โพธิ์ทะเล
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7760
ผลของกระบวนการกลุ่มเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางใจสู้ภัยวิกฤตของนักเรียนวัยรุ่นตอนปลาย : กรณีศึกษานิคมทุ่ง โพธิ์ทะเล
ธีราทร รัตนะ; วรุฒิ แย้มทิพย์; อภิเชษฐ จันทนา; พัชรี ถุงแก้ว
2021-07-08T00:00:00Z
-
การพัฒนาสมรรถนะการปรึกษาเชิงจิตวิทยาสำหรับนักศึกษา ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7266
การพัฒนาสมรรถนะการปรึกษาเชิงจิตวิทยาสำหรับนักศึกษา ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
พัชรี ถุงแก้ว
บทความวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงกึ่งทดลอง ประเภทแบบแผนการทดลองขั้นต้น ศึกษากลุ่มเดียวและวัดก่อน-หลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะการปรึกษาเชิงจิตวิทยา และศึกษาระดับความพึงพอใจของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ชั้นปีที่ 5 ที่กำลังฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) หลักสูตรอบรมการปรึกษาเชิงจิตวิทยา กำหนดเนื้อหาในการอบรมเป็น 7 โมดูล ระยะเวลาเวลาในการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ 3 วัน วันละ 6 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 18 ชั่วโมง 2) แบบวัดสมรรถนะการปรึกษาเชิงจิตวิทยา ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.85 และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจ ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.90 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน t-test dependent
ผลการวิจัยพบว่า
1. สมรรถนะการปรึกษาเชิงจิตวิทยาของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์หลังการอบรมสูงกว่าก่อนการอบรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูมีความพึงพอใจต่อหลักสูตรอบรมการปรึกษาเชิงจิตวิทยา อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.63 , S.D. = 0.49)
2020-12-31T00:00:00Z
-
ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกของนักศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7265
ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกของนักศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
พัชรี ถุงแก้ว
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเสริมสร้างต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวก กลุมตัวอยางที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาชั้นป 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินทุนจิตวิทยาเชิงบวก ที่มีค่าความเชื่อมั่น .89 และโปรแกรมการเสริมสร้างต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวก วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซํ้าสองทาง
ผลการวิจัยพบว่า
1) มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างวิธีการทดลองกับระยะเวลาการทดลอง
2) กลุ่มทดลองที่เข้าร่วมโปรแกรมการเสริมสร้างต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกมีคะแนนต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกในระยะหลังทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3) กลุ่มทดลองที่เข้าร่วมโปรแกรมการเสริมสร้างต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกมีมีคะแนนต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกในระยะติดตามผลสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4) กลุ่มทดลองที่เข้าร่วมโปรแกรมการเสริมสร้างต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกมีคะแนนต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกในระยะหลังทดลองสูงกว่าในระยะก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5) กลุ่มทดลองที่เข้าร่วมโปรแกรมการเสริมสร้างต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกมีคะแนนต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกในระยะติดตามผลสูงกว่าในระยะก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2019-12-31T00:00:00Z
-
จิตวิทยาการแนะแนว
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6180
จิตวิทยาการแนะแนว
วินิรณี ทัศนะเทพ; พัชรี ถุงแก้ว; คำจันทร์ ร่มเย็น; สุทิศา โขงรัมย์; ต่อศักดิ์ กาญจนทรัพย์สิน
วิชาจิตวิทยาการแนะแนว จัดเป็นวิชาที่มีประโยชน์อย่างมากต่อผู้เรียนในสาขาวิชาชีพครู และนักวิชาการศึกษา เนื่องจากมีเนื้อหาสาระสำคัญๆ เกี่ยวกับการป้องกันปัญหา แก้ไข และพัฒนาส่งเสริมนักเรียนโดยใช้เทคนิควิธีการทางจิตวิทยา การแนะแนว การให้คำปรึกษา การศึกษารายกรณี เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาศักยภาพของนักเรียน ไม่เฉพาะใช้สำหรับประกอบการเรียนในวิชานี้เท่านั้น วัตถุประสงค์หลักคือต้องการให้ผู้อ่านใช้เป็นคู่มือสู่การเป็นครูมืออาชีพที่มีจิตวิทยาในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์จริง
2558-01-01T00:00:00Z
-
การปรึกษากลุ่มเชิงจิตวิทยาแบบบูรณาการเชิงทฤษฎีต่อการเสพติดอินเทอร์เน็ตของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6178
การปรึกษากลุ่มเชิงจิตวิทยาแบบบูรณาการเชิงทฤษฎีต่อการเสพติดอินเทอร์เน็ตของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
พัชรี ถุงแก้ว; ระพินทร์ ฉายวิมล; ชมพูนุช ศรีจันทร์นิล
บทคว ามวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการใช้โปรแกรมการปรึกษากลุ่มเชิงจิตวิทยาแบบบูรณา การเชิงทฤษฎีต่อการเสพติดอินเทอร์เน็ตของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ใช้แบบแผนการทดลอง ABF และมีกลุ่มควบคุม (ABF Control Group Design) โดยเปรียบเทียบในระยะเส้นฐาน ระยะทดลองและระยะติดตามผล กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งมีคะแนนการเสพติดอินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับสูงคือ 50-100 คะแนน จำนวน 24 คน สุ่มเข้ากลุ่มเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มคว บคุม ก ลุ่มละ 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยไ ด้แก่ แ บบวัด Young’s Internet Addiction Test (YIAT20) แบบบันทึกพฤติกรรมการเสพติดอินเทอร์เน็ตและโปรแกรมการปรึกษากลุ่มเชิงจิตวิทยาแบบบูรณา การเชิงทฤษฎีต่อการเสพติดอินเทอร์เน็ตของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ The Mann–Whitney U Test , Two-way ANOVA Repeated measures ผลการวิจัยพบว่า 1) ป ฏิสัมพันธ์ระหว่างวิธีการทดลองกับระยะเวลาการทดลองมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเสพอินเทอร์เน็ตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2)ในระยะหลังการทดลอง กลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมการปรึกษากลุ่มเชิงจิตวิทยาแบบบูรณาการเชิงทฤษฎีมีคะแนนพฤติกรรมการเสพติดอินเทอร์เน็ตน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05และ 3) พฤติกรรมการเสพติดอินเทอร์เน็ตของกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมการปรึกษากลุ่มเชิงจิตวิทยาแบบบูรณาการเชิงทฤษฎี ในระยะทดลองและระยะติดตามผล ลดลงกว่าระยะเส้นฐาน
2018-05-01T00:00:00Z
-
แผนพัฒนาการแนะแนวตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6154
แผนพัฒนาการแนะแนวตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พัชรี ถุงแก้ว, มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์)
-
ชุดเครื่องมือจิตวิทยาการแนะแนว
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6153
ชุดเครื่องมือจิตวิทยาการแนะแนว
พัชรี ถุงแก้ว
-
จิตวิทยาการศึกษา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6152
จิตวิทยาการศึกษา
กุลวรรณ วิทยาวงศรุจิ; วินิรณี ทัศนะเทพ; พัชรี ถุงแก้ว; ชนิสรา ไกรสีห์
ตำราประกอบการเรียนรายวิชา จิตวิทยาการศึกษา
2558-01-01T00:00:00Z
-
ปัจจัยเชิงเหตุด้านจิตลักษณะที่ส่งผลต่อพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5720
ปัจจัยเชิงเหตุด้านจิตลักษณะที่ส่งผลต่อพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
พัชรี ถุงแก้ว
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยายเพื่อหาความสัมพันธ์ (Descriptive Correlation Research)
วิทยานิพนนธ์ (ศษ.ม.) สาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษาและการให้คำปรึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาิทยาลัยขอนแก่น, 2554
2011-01-01T00:00:00Z
-
พฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตของวัยรุ่น
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5719
พฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตของวัยรุ่น
Patcharee Thoongkaew; Warakorn Supwirapakorn; Doldao Purananon
This article was qualitative research. The objectives were to search for terms that corresponded to the internet using the behavior of teenagers. The students were both male and female university students studying in their first to the fourth year. The sample was nine students who were selected and volunteered to share information about internet use in a group interview. The researcher collected data manually by using group interviews which consisted of an unstructured interview and a structured interview. The data was analyzed by analytical induction and content analysis.
The results of the research were: to recognize terms that corresponded to the internet using behavior of teenagers as followings: 1) Attitudes toward using the internet included importance, needs, and consideration use the internet. 2) Behaviors affecting the use of the internet in education were convenience and ease of access and analyzing data in use. 3) Reasons for using the internet for entertainment in a positive way consisted of fun activities, finding friends and awareness of using the internet properly. 4) Behaviors of using the internet in negative entertainment consisted of curiosity and subjugation. 5) Behaviors of using the internet in online trading contained confidence and unworthiness. 6) The effects of internet use on physical health were the awareness of body movement, agility skill practice, and aches. And 7) The effects of internet use on mental health included stress reduction, decreased social interaction and increased anxiety.
Keyword; Internet Using, Internet Using Behavior
2014-03-01T00:00:00Z
-
รูปแบบกิจกรรมความสุข 5 มิติของกรมสุขภาพจิตที่มีผลต่อสุขภาพจิต ผู้สูงอายุในพื้นที่ตำบลโพธิ์ชัย อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5715
รูปแบบกิจกรรมความสุข 5 มิติของกรมสุขภาพจิตที่มีผลต่อสุขภาพจิต ผู้สูงอายุในพื้นที่ตำบลโพธิ์ชัย อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม
ต่อศักดิ์ กาญจนทรัพย์สิน; ต่อศักดิ์ กาญจนทรัพย์สิน
การวิจัยในครั้งนี้เป็นแบบวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบ กิจกรรมความสุข 5 มิติที่มีผลต่อสุขภาพจิตผู้สูงอายุในเขตพื้นที่ตำบลโพธิ์ชัย อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุ ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป จัดอยู่ในเฉพาะกลุ่มติดสังคม ให้อาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเป็นเวลา 16 สัปดาห์ โดยออกแบบกิจกรรมที่สัมพันธ์กับการพัฒนา ความสุข 5 มิติตามลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ได้แก่ สุขสบาย สุขสนุก สุขสว่าง สุขสง่า และ สุขสงบ โดยทำการเก็บข้อมูลสุขภาพจิตด้วยแบบทดสอบดัชนีชี้วัดสุขภาพจิตคนไทยฉบับสั้น 15 ข้อ และศึกษาความพึงพอใจของผู้สูงอายุที่มีต่อรูปแบบกิจกรรมความสุขทั้ง 5 มิติ เปรียบเทียบก่อนและ หลังการเข้าร่วมกิจกรรม ผลการวิจัยพบว่า 1.หลังการทดลองระดับของสุขภาพจิตของผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยก่อนเข้าร่วมกิจกรรมมีค่า คะแนนเฉลี่ย 40.51 คะแนน และหลังเข้าร่วมกิจกรรมแล้วผู้เข้าร่วมมีค่าคะแนนเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้น เป็น 51.81 คะแนน 2.ความพึงพอใจต่อกิจกรรมความสุข 5 มิติของกรมสุขภาพจิตเรียงจากมากไปหาน้อย ดังนี้ กิจกรรมสุขสนุก (ร้อยละ 98.36) กิจกรรมสุขสงบ (ร้อยละ 86.89) กิจกรรมสุขสบาย (ร้อยละ 73.77) กิจกรรมสุขสง่า (ร้อยละ 49.18) กิจกรรมสุขสว่าง (ร้อยละ 24.59) ผลการวิจัยนี้สามารถใช้เป็นข้อมูล พื้นฐานในการวางแผนเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้สูงอายุต่อไป
2018-01-01T00:00:00Z
-
จิตวิทยาการปรับตัว
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5590
จิตวิทยาการปรับตัว
พัชรี ถุงแก้ว
-
พฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5519
พฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
พัชรี ถุงแก้ว
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ต และเพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตของนักศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จำนวน 360 คน ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 ดำเนินการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ (frequency) ร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) , Independent t-test , ANOVA และ Chi-square
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่บริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ย 10 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ มีการใช้เวลาการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน ช่วงเวลาการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตบ่อยที่สุด คือช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตตามกิจกรรมการบริโภคด้านการศึกษามากกว่าด้านความบันเทิงและด้านธุรธรรมออนไลน์ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลซึ่งได้แก่ เพศ อายุ ชั้นปีที่ศึกษา และรายได้เฉลี่ยต่างกันมีพฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตด้านระยะเวลาการใช้อินเทอร์เน็ตไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้านช่วงเวลาการใช้อินเทอร์เน็ตพบว่าอายุ ชั้นปีที่ศึกษา และรายได้เฉลี่ยต่างกันมีพฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตด้านช่วงเวลาการใช้อินเทอร์เน็ตของนักศึกษาไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้นเพศที่ไม่แตกต่างกัน และด้านกิจกรรมการบริโภคพบว่าอายุ ชั้นปีที่ศึกษาต่างกันมีพฤติกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตด้านกิจกรรมการบริโภคสื่ออินเทอร์เน็ตแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้นเพศและรายได้เฉลี่ยที่ไม่แตกต่างกัน
2017-07-20T00:00:00Z
-
ความสุขของบุคลากรสายสนับสนุน: กรณีศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5516
ความสุขของบุคลากรสายสนับสนุน: กรณีศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
วรากร ทรัพย์วิระปกรณ์; พัชรี ถุงแก้ว
การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความสุขของบุคลากรสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยบูรพา กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ บุคลากรสายสนับสนุน โดยเจาะจงเลือกศึกษาเฉพาะกรณี คณะศึกษาศาสตร์ จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ได้แก่ 1) สถานภาพทั่วไป 2) แบบสอบถามต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวก 3) แบบสอบถามสมดุลในชีวิตการทำงาน 4) แบบสอบถามความผูกพันต่อองค์การ 5) แบบสอบถามการรับรู้ความยุติธรรมในองค์การ และ 6) แบบสอบถามความสุข วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการทดสอบค่า t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์ถดถอยพหุคูณ แบบเป็นขั้นตอน ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ 1) บุคลากรสายสนับสนุน มีความสุขโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง 2) บุคลากรสายสนับสนุน กลุ่มที่มีต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกสูง จะมีความสุขมากกว่า กลุ่มที่มีต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3) บุคลากรสายสนับสนุน กลุ่มที่มีการรับรู้ความยุติธรรมในองค์การสูง จะมีความสุขมากกว่ากลุ่มที่มีการรับรู้ความยุติธรรมในองค์การต่ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) บุคลากรสายสนับสนุน กลุ่มที่มีความสมดุลในชีวิตและงานสูง จะมีความสุขมากกว่ากลุ่มที่มีความสมดุลในชีวิตและงานต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ
5) ตัวพยากรณ์ที่ดีและสามารถพยากรณ์ความสุขของบุคลากรสายสนับสนุน คือ ต้นทุนจิตวิทยาเชิงบวกด้านความมุ่งมั่นในความสามารถตนเอง สมดุลในชีวิตและการทำงานด้านการทำงานและสังคม ความผูกพันในองค์การด้านบรรทัดฐาน และประสบการณ์ทำงานมากกว่า 10 ปี โดยพยากรณ์ความสุขได้ร้อยละ 83.10
2016-01-01T00:00:00Z
-
ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตด้วยรูปแบบความสุขเชิงจิตวิทยา 5 มิติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความสุขของผู้สูงอายุ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5512
ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตด้วยรูปแบบความสุขเชิงจิตวิทยา 5 มิติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความสุขของผู้สูงอายุ
พัชรี ถุงแก้ว
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงกึ่งทดลอง แบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์ศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตด้วยรูปแบบความสุขเชิงจิตวิทยา 5 มิติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความสุขของผู้สูงอายุของชุมชนบ้านหัวสะพาน ตำบล บ้านยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่าง คือ อาสาสมัครที่เป็นผู้สูงอายุกลุ่มติดสังคม อายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย แบบวัดความสุข มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .88 แบบวัดคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .92 และโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตด้วยรูปแบบความสุขเชิงจิตวิทยา 5 มิติ ที่ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที
ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยคุณภาพชีวิตโดยรวมหลังเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตด้วยรูปแบบความสุขเชิงจิตวิทยา 5 มิติ มีคะแนนเฉลี่ยคุณภาพชีวิตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และคะแนนเฉลี่ยความสุขหลังเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตด้วยรูปแบบความสุขเชิงจิตวิทยา 5 มิติ มีคะแนนเฉลี่ยความสุขสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2018-08-01T00:00:00Z