สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/331
2024-03-29T01:35:44Z
-
คู่มือการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลายผ้าเลือน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8727
คู่มือการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลายผ้าเลือน
สมบัติ, ประจญศานต์
คู่มือนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการถ่ายทอดเทคนิคการผลิตผ้ามัดหมี่ลายพร่าเลือนสู่สินค้าทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์เพื่อพึ่งพาตนเองแก่โครงการส่งเสริมศิลปาชีพอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนประเภทกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมภายใต้โครงการจัดการความรู้การวิจัยและถ่ายทอดเพื่อการใช้ประโยชน์ ประจำปี 2566 ของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
2567-02-10T00:00:00Z
-
โครงการวิจัยการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการยุคใหม่ผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือพื้นเมืองอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์มุ่งสู่ตลาดออนไลน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8726
โครงการวิจัยการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการยุคใหม่ผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือพื้นเมืองอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์มุ่งสู่ตลาดออนไลน์
สมบัติ, ประจญศานต์
จากแนวคิดในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ การศึกษา การสร้างสรรค์งาน และการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาที่เชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรม การสั่งสมความรู้ของสังคมและเทคโนโลยีนวัตกรรมสมัยใหม่ ในจังหวัดบุรีรัมย์เป็นแหล่งสำคัญระดับประเทศที่มีภูมิปัญญาการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ผลิตเป็นผ้าทอมือที่มีคุณภาพมีชื่อเสียง ทั้งนี้ มีกลุ่มชุมชน วิสาหกิจชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ส่งผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายเข้าคัดสรรโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ จำนวนมากกว่า 1,000 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผ้าทอมือซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยเพื่อสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ ให้มีความสามารถในการแข่งขัน ทำให้ผลิตภัณฑ์มีอัตลักษณ์ และขยายช่องทางการตลาดสู่การตลาดออนไลน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มียุทธศาสตร์หลักเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น จึงสมควรที่ต้องนำองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยยกระดับสินค้าชุมชน OTOP ในพื้นที่อำเภอประโคนชัยซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม โดยงานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1) เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือด้วยการออกแบบและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 2) เพื่อพัฒนาด้านการส่งเสริมทางการตลาดออนไลน์แก่ผู้ประกอบการ อาศัยกระบวนงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) โดยใช้เทคนิคการพัฒนาชุมชน ซึ่งมีขั้นตอนการวินิจฉัย ขั้นปฏิบัติการ ขั้นการวัดผล และขั้นผลสะท้อนที่เกิดขึ้น มีผลการวิจัยโดยสรุปดังนี้
ผลยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือด้วยการออกแบบและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการฯ ได้ส่งเสริมให้เกิดการยกระดับผลิตภัณฑ์ด้วยการออกแบบและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
1. ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมผืน ได้แก่ ผ้าไหมมัดหมี่ลายออกแบบใหม่ เช่น นกกระเรียนไทย จังหวัดบุรีรัมย์ ย้อมด้วยสีธรรมชาติ สารสนิมเป็นสารช่วยติด และตกแต่งสำเร็จให้ผ้านุ่มลื่นด้วยนาโนเทคโนโลยี จำนวน 1 กลุ่ม
2. ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมผืนลายสมอ ซึ่งเป็นผ้าดั้งเดิมทางวัฒนธรรมไทยเขมร ย้อมด้วยสีเคมี และตกแต่งสำเร็จให้ผ้านุ่มลื่นด้วยนาโนเทคโนโลยี จำนวน 1 กลุ่ม
3. ผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายผืนและผ้าด้ายเรยอนผืน ได้แก่ ผ้าขาวม้าออกแบบโครงสร้างใหม่ ย้อมด้วยสีเคมี หรือสีธรรมชาติ และตกแต่งสำเร็จให้ผ้านุ่มลื่นด้วยนาโนเทคโนโลยี จำนวน 3 กลุ่ม
4. ผลิตภัณฑ์แปรรูปประเภทเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าด้าย ผ้าขาวม้าเป็นเสื้อผ้าสำหรับบุรุษ สตรี จำนวน 5 กลุ่ม กระเป๋าถือแปรรูปจากกกด้านในบุผ้าทอ กระเป๋าผ้าฝ้าย หมวก หมวกไหมพรมถัก จำนวน 3 กลุ่ม ผ้าพันคอฝ้าย จำนวน 2 กลุ่ม ผ้าพันคอไหมย้อมด้วยสีธรรมชาติ และตกแต่งสำเร็จให้ผ้านุ่มลื่นด้วยนาโนเทคโนโลยี จำนวน 1 กลุ่ม
5. ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าด้ายประเภทของใช้ ของที่ระลึก เช่น พวงกุญแจนกกระเรียนไทย จังหวัดบุรีรัมย์ พวงกุญแจผ้า ที่ใส่กล่องทิชชู กระเป๋าใส่แก้วเก็บความเย็น หมอนรูปสุนัข จำนวน 2 กลุ่ม
ผลการพัฒนาด้านการส่งเสริมทางการตลาดออนไลน์แก่กลุ่มผู้ประกอบการ การดำเนินงานของโครงการส่งผลต่อการพัฒนาด้านการส่งเสริมทางการตลาดออนไลน์แก่กลุ่มผู้ประกอบการ ซึ่งในระหว่างดำเนินโครงการประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยประสบสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม การอยู่บ้าน การทำงานที่บ้าน ฯลฯ เพื่อยับยั้งการแพร่การกระจายเชื้อ ทำให้มีการปิดสถานที่เสี่ยงชั่วคราว และห้ามจัดกิจกรรมชุมชนคน ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบ การได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากขาดแหล่งจำหน่ายสินค้า ตลาด งานออกร้าน งานเทศกาล การท่องเที่ยวโดยชุมชน การท่องเที่ยวในภาพรวม และที่สำคัญคือผลกระทบของโรคระบาดทำให้เกิดปัญหาด้านเศรษฐกิจในวงกว้างส่งผลต่อกำลังซื้อสินค้าทั้งภายในและภายนอกประเทศ
2563-05-01T00:00:00Z
-
สูจิบัตรประกอบการแสดง ผลงานสร้างสรรค์งานศิลป์ ไหมมัดหมี่ลายประยุกต์จากหลักการเขียนภาพแบบทางสถาปัตยกรรม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8725
สูจิบัตรประกอบการแสดง ผลงานสร้างสรรค์งานศิลป์ ไหมมัดหมี่ลายประยุกต์จากหลักการเขียนภาพแบบทางสถาปัตยกรรม
สมบัติ, ประจญศานต์
สูจิบัตรประกอบแสดงผลงานสร้างสรรค์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการประยุกต์หลักการเขียนภาพแบบทางสถาปัตยกรรมกับการออกแบบลายมัดหมี่ ซึ่งรับทุนอุดหนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปี 2566 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
2567-01-04T00:00:00Z
-
คู่มือการออกแบบและผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลายประยุกต์จากหลักการเขียนภาพแบบทางสถาปัตยกรรม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8723
คู่มือการออกแบบและผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลายประยุกต์จากหลักการเขียนภาพแบบทางสถาปัตยกรรม
สมบัติ, ประจญศานต์
คู่มือนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการประยุกต์หลักการเขียนภาพแบบทางสถาปัตยกรรมกับการออกแบบลายมัดหมี่ ซึ่งรับทุนอุดหนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปี 2566 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือการออกแบบและผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลายประยุกต์จากหลักการเขียนภาพแบบทางสถาปัตยกรรมฉบับนี้จะอำนวยประโยชน์แก่แรงงานนอกภาคเกษตรที่เป็นกลุ่มทอผ้าที่มีพื้นฐานด้านการผลิต แต่ต้องการความรู้ด้านการออกแบบลายมัดหมี่ หรือผู้สนใจศึกษา ค้นคว้า และออกแบบ เพื่อนำไปต่อยอดสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ให้มีความงดงามมีคุณค่าและเพิ่มมูลค่าให้เป็นสินค้าทางวัฒนธรรม สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ผลิต อันเป็นการสืบสาน รักษา และต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านผ้ามัดหมี่ทอมือให้ดำรงคงอยู่เป็นมรดกของชาติสืบไป
2566-11-20T00:00:00Z
-
การออกแบบสถาปัตยกรรม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8623
การออกแบบสถาปัตยกรรม
สมบัติ, ประจญศานต์
กระบวนการออกแบบสถาปัตยกรรม ถือเป็นกระบวนการทำงานวิจัยประเภทหนึ่ง ซึ่งนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายต้องประมวลความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและฝีมือที่สะสมเป็นประสบการณ์จากการศึกษา ฝึกฝนในรายวิชาอื่นๆ ตามหลักสูตร นอกจากนั้นยังเป็นเสมือนการเครียมความพร้อมในการประกอบอาชีพที่ต้องอาศัยทั้งการวางแผนการทำงาน การทำงานที่เป็นระบบ แบบแผน สามารถคิดวิเคราะห์ เรียบเรียงเป็นเอกสารงานวิจัย สามารถคิดเชิงสร้างสรรค์ออกแบบ
-
เอกสารประกอบการขอเลื่อนระดับสามัญสถาปนิก
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8621
เอกสารประกอบการขอเลื่อนระดับสามัญสถาปนิก
สมบัติ ประจญศานต์
เอกสารประกอบการขอเลื่อนระดับสามัญสถาปนิก
-
โครงการวิจัยแนวทางจัดสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยที่เป็นมิตรสำหรับผู้สูงอายุ พื้นที่ในลำน้ำห้วยจรเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8620
โครงการวิจัยแนวทางจัดสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยที่เป็นมิตรสำหรับผู้สูงอายุ พื้นที่ในลำน้ำห้วยจรเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์
โครงการวิจัยแนวทางจัดสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยที่เป็นมิตรสำหรับผู้สูงอายุ พื้นที่ในลำน้ำห้วยจรเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลของผู้สูงอายุ เลือกสุ่มกรณีศึกษาจำนวน 136 คน ตามพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของลำน้ำห้วยจรเข้มาก ได้แก่ 1) บ้านบุขี้เหล็ก ตำบลแสลงพัน อำเภอลำปลายมาศ 2) บ้านม่วงใต้ ตำบลบ้านบัว อำเภอเมือง 3) บ้านหนองหัวลิง ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง และ 4) ชุมชนวัดอิสาณ เขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ อำเภอเมือง ใช้การสัมภาษณ์เจาะลึก และสำรวจสภาพที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมในชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัย 3 ประการ ได้แก่ 1) ศึกษาสภาพแวดล้อมของสถานที่สาธารณะในชุมชน 2) ศึกษาที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ และ 3) เสนอแนวทางการจัดสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ ผู้วิจัยพบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มีบ้านพักอาศัยที่สร้างมานานกว่า 30 ปี กรรมสิทธิ์เป็นของผู้สูงอายุและสร้างบนที่ดินของตนเอง ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว วัสดุครึ่งปูนครึ่งไม้ จำนวนชั้นเดียวสัดส่วนใกล้เคียงกับบ้านสองชั้น ช่วงกลางวันผู้สูงอายุส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับพื้นที่เฉลียงหน้าบ้านหรือใต้ถุนบ้าน นอนตอนกลางคืนที่ชั้นล่างของบ้าน สภาพบ้านมีความสัมพันธ์กับสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม แต่ยังคงมีบ้านของผู้สูงอายุจำนวน 2 คน ไม่มีไฟฟ้าใช้ จำนวน 4 คน ไม่มีห้องน้ำห้องส้วมใช้ ส่วนใหญ่ไม่มีการปรับปรุงสภาพเพื่อให้ผู้สูงอายุใช้สอยได้สะดวก ปลอดภัย สอดคล้องกันทุกพื้นที่ โดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่เรียกร้องให้มีการปรับปรุงบ้านเพื่อให้ตนเองอยู่อย่างสะดวก ปลอดภัย แต่อาศัยความเคยชิน การปรับตัว และการระมัดระวังตัวเอง สภาพแวดล้อมในชุมชนยังไม่ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ผู้สูงอายุเท่าที่ควร วัดในชุมชนเป็นสถานที่ที่ผู้สูงอายุเดินทางไปทำกิจกรรมแล้วเห็นว่ามีสภาพเสี่ยงต่อการหกล้มเนื่องจากพื้นลื่นทำให้เข้าใช้สอยไม่สะดวก ไม่ปลอดภัย อุปสรรคสำคัญในการปรับปรุง คือ งบประมาณ ดังนั้น การปรับปรุงที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยต้องอาศัยองค์กรทางสังคม เช่น องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรการกุศล ภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนดำเนินการเพื่อให้เป็นที่พักอาศัยและสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ รวมทั้งอาศัยคนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมดูแลผู้สูงอายุเพื่อก่อให้เกิดสุขภาวะที่ดีร่วมกัน
2566-10-20T00:00:00Z
-
รายงานสังเคราะห์เอกสาร อัตลักษณ์ของผ้าทอพื้นเมืองบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8619
รายงานสังเคราะห์เอกสาร อัตลักษณ์ของผ้าทอพื้นเมืองบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์
อัตลักษณ์ของผ้าทอบุรีรัมย์
จากแนวคิดการพัฒนาบนฐานอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างที่ว่างแห่งตนในเวทีกระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้เกิดการค้นหา ทำความเข้าใจ จำกัดอัตลักษณ์ให้ผ้าทอพื้นเมืองประจำจังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีพัฒนาการของการกำหนด ดังนี้
ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2545 จังหวัดได้ใช้ผ้ามัดหมี่ที่เรียกว่า ซิ่นตีนแดง ซึ่งเป็นผ้าประจำพื้นที่อำเภอนาโพธิ์ พุทไธสง เป็นผ้าเอกลักษณ์ประจำจังหวัด แต่ด้วยข้อจำกัดของแบบที่เป็นผ้านุ่ง ที่มีหัวซิ่น และตีนซิ่นสีแดงสด และชื่อที่ใช้เรียกเป็นภาษาชาวบ้าน จึงยากต่อการนำไปประยุกต์ใช้
ช่วงปี พ.ศ.2547-2550 จังหวัดได้ใช้ผ้าหางกระรอกคู่ เรียกว่า ผ้าอัลลูเซียม เป็นผ้าเอกลักษณ์ประจำจังหวัด หากพิจารณาในแง่การนำผ้าไปใช้เห็นว่าสามารถทำได้สะดวกกว่าผ้าซิ่นตีนแดง เนื่องจากลวดลายของผ้าเกิดการควบกันของเส้นไหม เป็นลวดลายทางตั้งขนาดเล็ก สามารถนำไปใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายได้ทั้งบุรุษและสตรี แต่หากพิจารณาในแง่ความน่าสนใจและจุดเด่นของลวดลายอาจพบว่าอาจสามารถสร้างจุดเด่นได้ไม่มาก
ช่วงปี พ.ศ.2553 จังหวัดโดยสำนักงานพัฒนาชุมชน ได้จัดโครงการค้นหาผ้าทอลายเอกลักษณ์ประจำจังหวัด และสรุปได้ผ้ากระรอกหมี่ภูภิรมย์ (lava silk) เป็นผ้าทอพื้นเมืองลายเอกลักษณ์ประจำจังหวัด มีการประกวดผ้าลายเอกลักษณ์ แต่ลายดังกล่าวอาจยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายของคนบุรีรัมย์ จึงยังไม่ได้มีการนำมาตัดเย็บเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
2554-07-01T00:00:00Z
-
การออกแบบแปรรูปผ้ามัดหมี่ไทยเขมรอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8617
การออกแบบแปรรูปผ้ามัดหมี่ไทยเขมรอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์
สมบัติ, ประจญศานต์; พิพัฒน์, ประจญศานต์
บุรีรัมย์เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ประชากรที่อาศัยในชุมชนบ้านหนองม่วง และบ้านโคกปราสาทพัฒนา อำเภอประโคนชัย ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเขมรที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นอัตลักษณ์ไว้อย่างเหนียวแน่น รวมถึงการผลิตผ้าทอมือด้วยภูมิปัญญาที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ บุรีรัมย์เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ประชากรที่อาศัยในชุมชนบ้านหนองม่วง และบ้านโคกปราสาทพัฒนา อำเภอประโคนชัย ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเขมรที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นอัตลักษณ์ไว้อย่างเหนียวแน่น รวมถึงการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายแบบดั้งเดิม กลุ่มทอผ้าบ้านหนองม่วง หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านไทร อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์และกลุ่มทอผ้าบ้านโคกปราสาทพัฒนา หมู่ที่ 12 ตำบลละเวี้ย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์นี้ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายเขมรอพยพมาจากจังหวัดสุรินทร์ยังคงรักษาวัฒนธรรมของชาวไทยเขมรไว้อย่างเหนียวแน่นรวมถึงภูมิปัญญาการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายดั้งเดิม มากกว่า 20 ลาย เช่น ปะกาตร๊อบ (ดอกมะเขือ) กะแอกโกร (ฝูงลูกกา) โกนฮีง (ลูกอึ่งอ่าง) ปวงกระดามตูก (ไข่แมงดา) เนียะเดิมสรอล (นาคต้นสน) โฮล (น้ำไหล) กูมปรัม (โคมห้า) กะลาสะนัน (แห) ตะเกาะ (ตะขอ) ปะกาเอาะอันเดอร (ดอกกระเจียว) สรอล (ต้นสน) โกนกะแอก (ลูกกา) เนียะ (นาค) อันเนิกเมียส (แมลงเต่าทอง) ปะกาเมี๊ยะ (แหวนเพชร) กะบาลอันจุล (หัวเข็มขัด) กูม (โคม) กะลาสะนัน (แห) ตะเกาะ (ตะขอ) บายสไรย (บายศรี) และลายสกลนคร แต่พบว่าสินค้ามีราคาสูงและขาดการแปรรูปผลิตภัณฑ์ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าด้วยการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้ามัดหมี่ไทยเขมร และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าด้วยการส่งเสริมตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการตั้งแต่ศึกษาความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม ออกแบบผลิตภัณฑ์แปรรูป ผลิตต้นแบบ ติดตามการผลิต เพิ่มช่องทางการจำหน่ายด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และสรุปบทเรียน
ผลการวิจัยระบุว่า กลุ่มสามารถผลิตต้นแบบผลิตภัณฑ์เป็นย่าม กระเป๋าสะพาย เข็มกลัด ที่รัดผม พวงกุญแจ รวมจำนวน 30 ชิ้น จัดทำป้ายข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์สินค้า 6 แผ่นและมีส่งเสริมการตลาดโดยช่องทางการจำหน่ายด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับกลุ่มร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับก่อนมีโครงการ ข้อเสนอแนะให้ชุมชนควรเร่งขยายผลถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สมาชิกตัดเย็บแปรรูป ผู้ว่างงาน ผู้ที่ต้องการอาชีพเสริมในชุมชนเพื่อให้ทันความต้องการสินค้าของผู้บริโภค
2566-05-22T00:00:00Z
-
ผ้ามัดหมี่ลายผังพนม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8616
ผ้ามัดหมี่ลายผังพนม
สมบัติ, ประจญศานต์
แนวคิดในการออกแบบผ้ามัดหมี่ลายผังพนม
2556-08-01T00:00:00Z
-
แนวทางการจัดการสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นเพื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8614
แนวทางการจัดการสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นเพื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน จังหวัดบุรีรัมย์
ปิยชนม์, สังข์ศักดา และคณะ
แนวทางการจัดการสถาปตยกรรมพื้นถิ่นเพื่อการทองเที่ยวโดยชุมชน จังหวัดบุรีรัมย มี
วัตถุประสงคในการทําวิจัย 3 ประการคือ 1) เพื่อศึกษาประวัติความเปนมาของชุมชน และประวัติ
สถาปตยกรรมพื้นถิ่น 2) เพื่อศึกษาลักษณะทางกายภาพของสถาปตยกรรมพื้นถิ่น จัดทําแบบทาง
สถาปตยกรรมเพื่อการอนุรักษและนําเสนอตอชุมชน 3) เพื่อเสนอแนวทางการออกแบบภูมิสถาปตยกรรม
ทางการทองเที่ยวและนําเสนอตอชุมชน โดยดําเนินการในพื้นที่ 3แหง ดังนี้1)อุโบสถพื้นถิ่น วัดมณีจันทร
อําเภอพุทไธสง 2)อุโบสถพื้นถิ่น วัดบรมคงคา อําเภอพุทไธสง 3) อุโบสถพื้นถิ่น วัดทาเรียบ อําเภอ
นาโพธิ์ รวมกับชุมชนในการศึกษาประวัติชุมชนโดยใชวิธีการสัมภาษณ การสํารวจ รังวัดสถาปตยกรรมพื้น
ถิ่น เพื่อจัดทําแบบทางสถาปตยกรรมและนําเสนอตอชุมชน จากการสํารวจความเห็นชาวชุมชนจํานวน 84
คน พบวาผลการดําเนินการวิจัยในขั้นนี้ทําให1) ชุมชนเกิดความตระหนักในการอนุรักษสถาปตยกรรมพื้นถิ่น
2) ชุมชนใหความสําคัญกับสถาปตยกรรมพื้นถิ่น 3) ชุมชนเกิดแรงจูงใจในการอนุรักษสถาปตยกรรมพื้นถิ่น
4) ชุมชนมีแนวทางในการอนุรักษสถาปตยกรรมพื้นถิ่น 5) การวิจัยนี้ทําใหชุมชนมีสวนรวมในการอนุรักษ
สถาปตยกรรมพื้นถิ่น ทั้ง 5 ประเด็นอยูในระดับมากที่สุด และจากการสํารวจความเห็นของผูรวมกิจกรรม
ทัศนศึกษาสถาปตยกรรมพื้นถิ่น พบวาศักยภาพของสถาปตยกรรมพื้นถิ่นเพื่อจัดการเปนแหลงทองเที่ยว ทั้ง
3 แหงมีความดึงดูดใจ มีความสําคัญตอชุมชนและชุมชนมีสวนรวมในการอนุรักษและรักษาสถาปตยกรรม
พื้นถิ่น อยางไรก็ตามจากการสํารวจความเห็นผูตอบแบบสอบถามพบวาศักยภาพในดานกายภาพ ดานการ
รองรับนักทองเที่ยวมีประเด็นที่มีความเห็นดวยระดับนอยถึงระดับปานกลาง จึงดําเนินการออกแบบปรับปรุง
ภูมิทัศนประกอบดวยสิ่งอํานวยความสะดวก เชน ที่จอดรถ หองน้ําสาธารณะ ปายและการใหบริการขอมูล
แหลงทองเที่ยวเปนตน โดยมีแนวคิดในการออกแบบใหมีเอกลักษณของพื้นถิ่น การใชวัสดุในพื้นถิ่นการ
จัดการกอสรางไดโดยชุมชน และนําผลการออกแบบภูมิทัศนไปสอบถามชาวชุมชนจํานวน 53 คนพบวาผล
ของการออกแบบทําใหชุมชนมีแนวทางปรับปรุงภูมิทัศนรอบสถาปตยกรรมพื้นถิ่นใหสวยงาม ทําให
นักทองเที่ยวสามารถเที่ยวชมสถาปตยกรรมพื้นถิ่นไดโดยสะดวก มีสิ่งอํานวยความสะดวก เชน หองน้ํา
ที่จอดรถ มีกิจกรรมหลากหลาย มีความสะอาด นักทองเที่ยวรูขอมูลสถาปตยกรรมพื้นถิ่นและชุมชน ผลการ
ออกแบบมีสวนในการอนุรักษสถาปตยกรรมพื้นถิ่นและใชประโยชนสถาปตยกรรมพื้นถิ่น เพื่อการทองเที่ยว
โดยชุมชนได จึงมีขอเสนอแนะผูที่เกี่ยวของ เชน สถาบันการศึกษา หนวยงานดานการทองเที่ยว องคการ
บริหารทองถิ่น รวมมือกับชุมชนจึงจะทําใหชุมชนสามารถดําเนินการจัดการทองเที่ยวโดยชุมชนไดและการ
ดําเนินการปรับปรงุ ภมู ิทัศนใหรองรับการทองเที่ยวควรดําเนินการศึกษาและออกแบบเฉพาะแตละพื้นที่ โดย
ทําการศึกษาขอมูลเชิงลึก ทั้งในดานภูมิศาสตร สังคมและวัฒนธรรมเฉพาะพื้นที่ จึงจะทําใหไดภูมิทัศนที่
เฉพาะและเหมาะสมกับพื้นที่นั้น
2559-01-01T00:00:00Z
-
โครงการจัดทําฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น : กรณีศึกษา ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงจําแนกตามกลุ่ม ชาติพันธุ์ในจังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8613
โครงการจัดทําฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น : กรณีศึกษา ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงจําแนกตามกลุ่ม ชาติพันธุ์ในจังหวัดบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์ และคณะ
การจัดทําฐานขอมูลภูมิปญญาทองถิ่น : กรณีศึกษาผลิตภัณฑผาทอพ
ื้
นบานที่มีชื่อเสียง
จําแนกตามกลมชาต ุ ิพันธุในจังหวดบั ุรีรัมย มีวัตถุประสงคของการวิจัย 2 ประการ ไดแก
1. จัดทําฐานขอมูลของผูทรงภูมิปญญาทองถ
ิ่
นดานการทอผาทอพ
ื้
นเมืองที่มีชื่อเสียง
จําแนกตามกลมชาต ุ ิพันธุในจังหวดบั ุรีรัมย
2. เพ
ื่
อศึกษาและบันทึกลวดลายของผาขิดและผามัดหม
ี่
ลงสื่อ
การวิจัยคร
ั้
งน
ี้เปนการวิจัยเชงคิ ุณภาพเพ
ื่อใหไดตรงตามวตถั ุประสงคของการวิจัยจึง
ดําเนินการวิจัยการศึกษาประชากรที่เปนบคคล ุ ไดแก ผูผลิตผาทอพ
ื้
นเมืองและประชากรที่เปน
ผลิตภัณฑไดแก ลวดลายของผาขิดและผาไหมมัดหม
ี่ในจังหวัดบุรีรัมยจําแนกตามกลุมชาติพันธุ
ไดดังน
ี้ กลุมไทยกวย จํานวน 20 คน จํานวน 15 ลาย กลุมไทยเขมร จํานวน 20 คน จํานวน
10 ลาย กลุมไทยโคราช จํานวน 20 คน จํานวน 12 ลาย และกลุมไทยลาว จํานวน 135 คน
จํานวน 59 ลาย รวมจํานวนท
ั้
งสิ้น 195 คน จํานวน 96 ลายโดยจดทั ําเปนทําเนยบรายช ี ื่อ
จากการศึกษาพบวา ภูมิปญญาทองถ
ิ่
นสวนใหญมีอาย 31 – 50 ุ ป (รอยละ 61.5) จบ
การศึกษาในระดับประถมศกษาตอนปลาย ึ (รอยละ 76.8) สืบเช
ื้
อสายมาจากกลุมชาติพันธุไทยลาว
(รอยละ 69.1) มีถิ่นฐานตามแหลงผลิตท
ี่
คณะวิจัยเขาศึกษาโดยไมมีการยายถิ่น (รอยละ 86.2)
ภูมิปญญาทองถ
ิ่
นสวนใหญมีอาชีพหลักในการทํานา (รอยละ 92.9) โดยมีรายไดเฉลี่ย 2,000 บาทตอ
เดือน (รอยละ 41.5)
ขอมูลของภูมิปญญาทองถ
ิ่
นเก
ี่
ยวกับการผลิตผาทอพ
ื้
นเมืองดานประสบการณทั่วไป
พบวา ภูมิปญญาทองถ
ิ่
นสวนใหญมีประสบการณการผลิตในขั้
นตอนการทอผา (รอยละ 25) และ
การฟอกยอมเสนใย (รอยละ 21.4) ซึ่งผลิตผาทอพ
ื้
นเมืองเพื่อเปนรายไดเสร ิม (รอยละ 51.4) โดยเริ่ม
เรียนรูการผลิตจากบรรพบุรุษ (รอยละ 85.8) ตั้งแตอายุ 16 – 20 ป (รอยละ 45.4) ซึ่งสวนใหญเริ่ม
เรียนรูจากขนตอนการปล ั้ ูกหมอน (รอยละ 29.7) เปนอันดับแรกโดยอาศัยเคร
ื่
องมือและอุปกรณใน
การผลิตท
ี่ใชตอจากบรรพบุรุษ (รอยละ 58.3) เม
ื่
อผลิตเปนผืนผาแลว สวนใหญจะจําหนายใหแก
กลุมอาชีพท
ี่ตนเปนสมาชิก (รอยละ 41.6) โดยกลุมจะเปนผ ูกําหนดราคาของสินคาและภูมิปญญา
ทองถ
ิ่
นสวนใหญไดรับการอบรมท
ี่
เก
ี่
ยวของกับการผลิตผาทอพ
ื้
นเมือง (รอยละ 59.9)
ความเช
ี่ยวชาญเฉพาะโดยภาพรวมภูมิปญญาทองถ
ิ่
นสวนใหญมีความเช
ี่
ยวชาญเฉพาะดานการทอผา
มากที่สุดรองลงมาคือการมัดหม
ี่การฟอกยอม การผลิตเสนใยและการขิด ตามลําดับ สวนใหญ
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
Buriram Rajabhat University
ค
ยังไมเคยไดรับรางวัลจากการประกวดผาทอพ
ื้
นเมืองยกเวนกล ุมไทยลาวที่เคยไดรับรางวัลจากการ
ประกวดในระดับจังหวัดและระดับภาค สวนใหญได ถายทอดความรและท ู ักษะการทอผาแกบุตรี
ในลักษณะฝกห ัดตามแบบเปนผูชวยในการผลิตของครัวเรือน โดยไมกําหนดระยะเวลาท
ี่
ตายตัว
ผูรับการถายทอดสวนใหญมีอายุประมาณ 10 – 12 ปขึ้นไป
ภูมิปญญาทองถ
ิ่
นสวนใหญประสบปญหาดานการตลาดมากที่สุดรองลงมาคือ ปญหา
วัตถุดิบมีราคาสูงหรือการขาดแคลนวัตถุดิบ และตองการความรูเพ
ิ่
มเตมเกิ ี่
ยวกับการมัดหม
ี่
และการ
ออกแบบลวดลายผาเน
ื่องจากปจจยดั านการตลาดในปจจุบันมีผลตอความเปลี่ยนแปลงเอกลักษณ
ของผาทอพ
ื้
นเมือง เน
ื่
องจากแนวคดการผล ิ ิตเพ
ื่อใหตรงกบความต ั องการของผูบริโภคมิใชผลิตเพื่อ
ผูทอใชเองเหมือนในอดีต
กระบวนการผลิตผาทอพ
ื้
นเมืองของภูมิปญญาทองถ
ิ่
นที่ศึกษาคลายคลึงกับกระบวนการ
ผลิตท
ั่วไปในภาคอีสาน แตสถานะการณ ปญหาเรื่องวัตถุดิบมีแนวโนมส ูงขึ้น การนําเขาวัตถุดิบจาก
ภายนอกชุมชนมีปริมาณมาก โดยเฉพาะไหมพันธุผสมจากโรงงาน และย
ิ่
งชุมชนที่มีภูมิปญญา
ทองถ
ิ่
นที่มีความเช
ี่
ยวชาญดานการทอผ ามากเทาใดยิ่งมแนวโน ี มท
ี่
จะทําใหชุมชนเปนแหล งฟอก
ยอมทอผาอยางเดียว นอกจากนี้ยังพบปญหาการที่ผูผลิตขาดทักษะทางวิทยาศาสตรขั้นพ
ื้
นฐาน เชน
การชั่ง ตวง วัด และการจดบันทึกทําใหคุณภาพของผลิตภัณฑไมคงท
ี่ เปนการส
ิ้นเปลืองวัตถุดิบ
ในแงการผล ิต
ขอเสนอแนะ สําหรับนํางานวิจัยไปใชประโยชนอยางเต็มท
ี่
ควรขยายขอบเขตการศึกษา
และจัดทําใหครอบคลุมท
ั้
งจังหวัดบุรีรัมยเพอความสมบ
ื่ ูรณของขอมูลและเปนประโยชนตอการนํา
ขอมูลไปใชเพอการพ
ื่ ัฒนา ใหความสนใจตอกลุมผูผลิตที่มิไดถูกคัดเลอกเป ื นสุดยอดผลิตภัณฑและ
ควรสงเสริมใหเกิดนักออกแบบในชุมชนโดยประสานความรวมมือจากสถาบันการศึกษาในพื้นท
ี่
ในการฝกอบรม เรียนรูหลักสูตรระยะสั้น และการสนับสนุนใหสถาบนการศ ั ึกษาในชุมชนควรมี
สวนในการจัดเก็บรวบรวมลวดลายผาลงในตารางกริดใหครอบคลุมลวดลายด
ั้
งเดิมและตอเน
ื่
อง
ตามลวดลายผาท ี่ไดรับการออกแบบข
ึ้นใหมอยูตลอดเวลารวมถึงการสงเสริม สนับสนุนนักศกษา ึ
ของสถาบันราชภัฏบุรีรัมยใหมีสวนรวมในการว ิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวม เพ
ื่อเปนการรวม
แลกเปลี่ยนเรียนรูนํามาซ
ึ่
งความภาคภูมิใจในภูมิปญญาทองถ ิ่
นของตนอันเปนกลวิธีในการสืบสาน
ภูมิปญญาทองถ
ิ่
นอยางย
ั่
งยืน
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
2546-01-01T00:00:00Z
-
การศึกษาแนวทางยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น : กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของอำเภอ นาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8612
การศึกษาแนวทางยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น : กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของอำเภอ นาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ม
สมบัติ, ประจญศานต์ และคณะ
การศึกษาแนวทางยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น : กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของอำเภอ นาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 3 ประการ ได้แก่
1. เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลสำคัญต่อการพัฒนายกระดับภูมิปัญญา ท้องถิ่น
2. เพื่อเสนอแนวทางการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในกระบวนการพัฒนา ยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของอำเภอนาโพธิ์ แต่ไม่ทำลายเอกลักษณ์ของ ภูมิปัญญา
3. เพื่อวิเคราะห์ความเหมาะสมในการพัฒนา และสืบสานภูมิปัญญาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของอำเภอนาโพธิ์ โดยกระบวนการบันทึกลงสื่อ การตรวจสอบและพิสูจน์ การแพร่กระจาย และการพัฒนาการยกระดับ
ในการวิจัยพิจารณาเลือกกลุ่มตัวอย่างที่เป็นบุคคล ประกอบด้วย ผู้ผลิต ผู้นำชุมชน คณะกรรมการบริหารกลุ่ม และผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายในชุมชน แล้วทำการรวบรวมข้อมูล โดยการสนทนากลุ่ม และการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ที่มีการใช้แบบสัมภาษณ์ ซึ่งมีการเตรียม คำถามไว้ล่วงหน้าชนิดปลายเปิด แล้วบันทึกลงเทปและทำการถอดเทปต่อไป ส่วนกลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ รวบรวมข้อมูล ลวดลาย โดยการบันทึกภาพจากผ้าชิ้นตัวอย่าง ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ โดยพิจารณาศึกษาเฉพาะลวดลายดั้งเดิม จำนวน 70 ลาย แล้วนำมาบันทึกลงสื่อ เพื่อการแพร่กระจายในโอกาสต่อไป
ข้อมูลที่ได้จากการสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์ นำมาวิเคราะห์เนื้อหา เพื่อสนองตอบวัตถุประสงค์ของการวิจัย ได้แก่ ปัจจัยที่มีอิทธิพลสำคัญต่อการพัฒนายกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น ประกอบด้วยปัจจัยด้านชุมชน ปัจจัยด้านผู้ผลิต ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ปัจจัยด้านการตลาด และปัจจัยภายนอก โดยทั้งห้าปัจจัยแบ่งเป็นปัจจัยทางด้านบวกและปัจจัยทางด้านลบ ในการพัฒนา ยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นต้องอาศัยหลักการส่งเสริม สนับสนุนปัจจัยทางด้านบวก และแก้ไขปัจจัยทางด้านลบ ทั้งนี้ หากนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในกระบวนการพัฒนายกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งมีแนวทางดังนี้คือ การส่งเสริมกระบวนการคิดทางด้านวิทยาศาสตร์โดยการคำนวณ ชั่ง ตวง วัด จดบันทึกเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิต การส่งเสริมสนับสนุนการใช้สารเคมีและสีย้อมทั้งธรรมชาติและสีแอสิค ด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง การส่งเสริมให้มีการบันทึก ลวดลายมัดหมี่ลงสื่อ การพัฒนาระบบการจัดการที่สามารถใช้เป็นข้อมูลและตรวจสอบได้ การพัฒนาประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรงเครื่องจักรกลในต้นทุนที่ประหยัด และการส่งเสริมการ ประชาสัมพันธ์และการตลาดด้วยการใช้เครื่องหมายการค้าของตนเอง ทั้งนี้กระบวนการพัฒนา และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยการบันทึกลงสื่อมีความจำเป็นเร่งด่วน และมีความเหมาะสม อย่างมากในแง่ความเป็นไปได้ เนื่องจากผู้ผลิตในชุมชนให้ความร่วมมือและเห็นประโยชน์ ของการจดบันทึก
2545-09-30T00:00:00Z
-
การออกแบบโครงสีในผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8610
การออกแบบโครงสีในผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัย
สมบัติ, ประจญศานต์
โครงการวิจัยการออกแบบโครงสีในผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัยครั้งนี้ เป็นงานวิจัยเชิงออกแบบสร้างสรรค์เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาวางแผนการผลิตและพัฒนาการออกแบบ โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อออกแบบจัดโครงสีสำหรับผ้าไหมมัดหมี่ และทดลองและติดตามผลการผลิตจากกลุ่มผู้ผลิตผ้าทอพื้นบ้านในจังหวัดบุรีรัมย์ กระบวนการทำงานมีวิธีดำเนินการวิจัย ตั้งแต่ออกแบบโครงสี และจัดทำแบบลายสำหรับการมัดหมี่เผยแพร่แบบสู่กลุ่มผู้ผลิตเพื่อคัดเลือกลายต้นแบบ จำนวน 1 ลาย แล้วนำแบบลายต้นแบบที่ได้รับการคัดเลือก นำมาทำการออกแบบจัดโครงสีตามทฤษฎีสี จำนวน 10 ชิ้นงาน นำไปให้ผู้ผลิตผ้าไหมมัดหมี่ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น จากนั้นผู้วิจัยทำการติดตามผลระหว่างการผลิตขั้นการมัดหมี่และขั้นการทอการผลิต และทำการเปรียบเทียบผลงานผ้าไหมมัดหมี่กับแบบ
ผลการวิจัยปรากฏว่า ผู้ผลิตผลิตผ้าไหมมัดหมี่โดยได้ตามแบบ จำนวน 3 ชิ้นงาน ใกล้เคียงกับแบบ จำนวน 2 ชิ้นงาน และแตกต่างจากแบบ จำนวน 5 ชิ้นงาน ทั้งนี้เป็นผลมาจากเฉดสีย้อมที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดไม่มีเฉดสีตรงกับแบบ และการไม่ใช้สีย้อมตรงตามแบบ และพบว่าการจัดโครงสีที่เหมาะสมกับผ้าไหมมัดหมี่สามารถใช้โครงสีแบบสีเอกรงค์ (Monochrome) สีพหุรงค์แบบสีกลมกลืน (Harmony) โดยใช้สี 2 สีขนาบข้างในวงจรสี และสีพหุรงค์แบบสีตรงข้ามแท้ (Complementary Colors) ให้ผลงานที่ทำเกิดความงาม ร่วมสมัย และสะดวกต่อการผลิตเนื่องจากสีไม่มีค่าน้ำหนักของสีที่ใกล้กันตามวงจรสีเกินไป โดยเสนอให้มีการใช้ค่าน้ำหนักของสีตรงข้ามแท้ที่แตกต่างกันหรือการเพิ่มสีกลางเพื่อช่วยขับเน้นลวดลายบางส่วน หรือเพื่อเพิ่มมิติให้เกิดขึ้นกับลวดลาย เมื่อทดลองนำสีของลายผ้าไหมมัดหมี่ที่บรรพชนนิยมใช้ คือ สีน้ำเงิน เหลือง แดง เขียว มาจัดเรียงตามค่าน้ำหนักของสีในวงจรสีที่แบ่งค่าน้ำหนักจากน้ำหนักเข้มสุด คือ สีม่วง (ระดับ 1) ไปหาน้ำหนักเบาสุด คือ สีเหลือง (ระดับ 7) สามารถถอดรหัสภูมิปัญญาการเลือกใช้สีในงานมัดหมี่จะใช้สีลายมัดหมี่ที่มีค่าน้ำหนัก 3, 5 และ 7
2558-07-01T00:00:00Z
-
ออกแบบผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายเรขศิลป์จากผังพื้นของปราสาทขอมในเขตอีสานใต้ ประเทศไทย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8609
ออกแบบผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายเรขศิลป์จากผังพื้นของปราสาทขอมในเขตอีสานใต้ ประเทศไทย
สมบัติ, ประจญศานต์
ปราสาทขอมในเขตอีสานใต้ของประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งแห่งมรดกทางวัฒนธรรมแห่ง อารยธรรมขอม ซึ่งการเขียนภาพผังพื้นเป็นการนำเสนอแบบทางสถาปัตยกรรมที่เป็นภาษาสากล แต่ยังไม่เคยมีการสร้างสรรค์เป็นลวดลายของผ้าไหมมัดหมี่ โครงการนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบลวดลายเรขศิลป์สู่ลวดลายมัดหมี่โดยมีแรงบันดาลใจจากผังพื้นของปราสาทขอมในเขตอีสานใต้ และทดลองให้ช่างภูมิปัญญาท้องถิ่นผลิตผ้าไหมมัดหมี่ได้ผลงานต้นแบบจำนวน 2 ชิ้น โดยมีการอธิบายความรู้ทางวิชาการประกอบการออกแบบที่อาศัยกระบวนการแปรเปลี่ยนองค์ประกอบด้วยการลดรูป การจัดองค์ประกอบศิลป์และการจัดโครงสี ผนวกกับเทคนิคการสร้างสรรค์ผ้าไหมมัดหมี่ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ต้องอาศัยองค์ความรู้ตั้งแต่การเตรียมเส้นไหม การคำนวณเส้นไหมเส้นยืนและเส้นพุ่ง การฟอก การย้อมสี การสร้างลายมัดหมี่ การมัดหมี่ โดยเสนอแนะให้เพิ่มเทคนิคอื่นบนงานมัดหมี่ การสร้างมิติของลายด้วยการให้ค่าน้ำหนักของสีที่แตกต่างกัน หรือการผสมผสานแรงบันดาลใจอื่นร่วมกับผังพื้นของปราสาทขอม ย่อมได้ผลงานที่หลากหลาย อาจแสดงออกจากภาพสัญลักษณ์ไปสู่ภาพนามธรรมต่อไป
2558-05-31T00:00:00Z
-
ภูมิปัญญาการวางทิศทางอาคารสิมอีสาน กรณีศึกษา จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8608
ภูมิปัญญาการวางทิศทางอาคารสิมอีสาน กรณีศึกษา จังหวัดบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์ และคณะ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติการสร้างสิมอีสาน หรืออุโบสถพื้นถิ่น ระบุคุณค่าที่มีต่อชุมชน สำรวจรูปแบบทางสถาปัตยกรรมและอธิบายองค์ความรู้ของภูมิปัญญาท้องถิ่นในการออกแบบการวางทิศทางอาคารที่สร้างสภาวะสบายแก่ผู้ใช้อาคาร ศึกษาจาก 3 กรณีศึกษา คือ สิมวัดมณีจันทร์ สิมวัดบรมคงคา อ.พุทไธสง และสิมวัดท่าเรียบ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอาคารมีอายุ 76 ปี 106 ปี 126 ปี ตามลำดับ สรรค์สร้างโดยภูมิปัญญาช่างพื้นถิ่นที่มีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ บริบททางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ โดยผู้วิจัยได้วัดค่าอุณหภูมิของอากาศ ความชื้นสัมพัทธ์ ความเร็วลม และอุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยโดยรอบ ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ.2557 ถึง กรกฎาคม พ.ศ.2558 ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ผลการวิจัยได้ว่า จากคติความเชื่อทำให้การวางทิศทางของสิมให้ด้านหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นการวางด้านแคบของอาคารตั้งรับแนวทิศตะวันออก-ตะวันตกเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสภาวะสบายให้กับผู้ใช้อาคารเนื่องจากลดพื้นที่เปลือกอาคารที่สะสมความร้อน ลดปริมาณความร้อนจากแสงแดดที่ส่องผ่านเข้าภายในอาคารกว่าการวางด้านหน้าอาคารสิมไปทางแนวทิศเหนือ-ใต้ ตลอดทั้งวันทั้งในฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝนภายในสิมทั้งสามหลังเกิดสภาวะสบายแก่ผู้ใช้อาคาร กล่าวคือ มีอุณหภูมิต่ำสุด-สูงสุดเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18.50 ˚c – 40.00 ˚c ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำสุด-สูงสุดเฉลี่ยระหว่าง 27.00 – 99.00% ความเร็วลมต่ำสุด-สูงสุดเฉลี่ย 0.01 – 1.96 เมตรต่อวินาที แม้ว่าจะมีอุณหภูมิสูงกว่าแผนภูมิสภาวะสบายของ Victor Olgyay แต่สอดคล้องกับการศึกษาภาคสนามของนักวิชาการไทยที่ได้ข้อค้นพบว่าสภาวะสบายมีความสัมพันธ์อย่างมากกับสภาพอากาศในท้องถิ่น และสิ่งสำคัญที่สุด คือความสามารถในการปรับตัวของคนที่ทำให้ผู้ใช้อาคารยังคงรู้สึกสบายได้ตลอดเวลา ผลการวิจัยทำให้อธิบายภูมิปัญญาการออกแบบด้วยหลักการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ทำให้เกิดสภาวะสบายแก่ผู้เข้าใช้สอยอาคารอย่างมีเหตุมีผลตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ทั้งการวางผังอาคารการวางทิศทางของอาคาร การเลือกรูปทรงของหลังคาเป็นหลังคาทรงสูงสองชั้นมีที่ว่างช่วยดักความร้อน ชายคายื่นยาวช่วยบังแดดบังฝน การเลือกรูปทรงอาคารที่มีการระบายอากาศได้ดีโดยมีช่องเปิดทางด้านทิศเหนือ-ใต้ที่มีช่องให้ลมเข้าและออก ข้อมูลดังกล่าวสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นของชุมชนยังผลให้เกิดการอนุรักษ์ ทำให้สถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าของชุมชนมิสูญสลายยังคงอยู่เป็นรากเหง้ามรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดการสืบสานต่อยอดวัฒนธรรมสร้างนวัตกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมสีเขียวที่สะท้อนอัตลักษณ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นสืบไป
2558-12-31T00:00:00Z
-
ออกแบบผ้าไหมมัดหมี่ลายเครื่องแขวนไทยดอกไม้สด
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8606
ออกแบบผ้าไหมมัดหมี่ลายเครื่องแขวนไทยดอกไม้สด
สมบัติ, ประจญศานต์
เครื่องแขวนไทยดอกไม้สดเป็นส่วนหนึ่งแห่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทย แต่ยังไม่เคยมีการสร้างสรรค์เป็นลวดลายของผ้าไหมมัดหมี่ โครงการนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบลวดลายเรขศิลป์สู่ลวดลายมัดหมี่โดยมีแรงบันดาลใจจากเครื่องแขวนไทยดอกไม้สด และเพื่อทดลองนำลวดลายเรขศิลป์ต้นแบบสู่การผลิตผ้าไหมมัดหมี่ทอมือให้ช่างภูมิปัญญาท้องถิ่นผลิตผ้าไหมมัดหมี่ ได้ผลงานต้นแบบจำนวน 30 ชิ้น โดยมีการอธิบายความรู้ทางวิชาการประกอบการออกแบบที่อาศัยกระบวนการแปรเปลี่ยนองค์ประกอบด้วยการลดรูป การจัดองค์ประกอบศิลป์และการจัดโครงสี ผนวกกับเทคนิคการสร้างสรรค์ผ้าไหมมัดหมี่ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ต้องอาศัยองค์ความรู้ตั้งแต่การเตรียมเส้นไหม การคำนวณเส้นไหมเส้นยืนและเส้นพุ่ง การฟอก การย้อมสี การสร้างลายมัดหมี่ การมัดหมี่ โดยเสนอแนะให้เพิ่มเทคนิคการสร้างมิติของลายด้วยการให้ค่าน้ำหนักของสีที่แตกต่างกัน
2561-07-01T00:00:00Z
-
ภูมิปัญญาการกำหนดพื้นที่ภายในสิมอีสาน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8605
ภูมิปัญญาการกำหนดพื้นที่ภายในสิมอีสาน
สมบัติ, ประจญศานต์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติของอาคาร และคุณค่าของสิม (อุโบสถ) ที่มีต่อชุมชนโดยสำรวจรูปแบบทางสถาปัตยกรรมและวิเคราะห์พื้นที่ในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในตามลักษณะการประกอบสังฆกรรม จาก 3 กรณีศึกษา คือ สิมวัดโคกพระ อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา สิมวัดสระแก อำเภอพุทไธสง และสิมวัดหลักศิลา อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ ที่สรรค์สร้างโดยภูมิปัญญาช่างพื้นถิ่นซึ่งมีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ บริบททางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ เมื่อวิเคราะห์กับข้อมูลสัดส่วนของภิกษุสงฆ์ที่ค่าเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 95 พบว่า พื้นที่นั่งของพระสงฆ์รวมพื้นที่กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ มีขนาดกว้าง 800 มิลลิเมตร ความยาว 1,067.5 มิลลิเมตร ระยะหัตถบาส 500 มิลลิเมตร จึงได้พื้นที่นั่งของพระสงฆ์ 1 รูป เท่ากับ กว้าง 1,300 มิลลิเมตร ความยาว 1,067.5 มิลลิเมตร คิดเป็น 1.38 ตารางเมตร ต่อรูป หรือ 1.794 ตารางเมตร ต่อรูป (รวมทางสัญจร ร้อยละ 30) เมื่อพิจารณาจากพุทธบัญญัติเกี่ยวกับสีมาที่พระสงฆ์จะพึงกระทำสังฆกรรมนั้นจะต้องกำหนดเขตสีมาห้ามไม่ให้สมมุติสีมาเล็กเกินไป จนไม่สามารถบรรจุภิกษุ 21 รูป นั่งหัตถบาสได้ แสดงถึงพื้นที่สังฆกรรมภายในสิม ต้องมีพื้นที่รวมระยะสัญจรไม่น้อยกว่า 38 ตารางเมตร จึงพบว่าสิมวัดสระแกมีพื้นที่ภายในเพียงพอต่อการประกอบสังฆกรรมโดยอนุโลม
2559-08-31T00:00:00Z
-
ออกแบบผ้ามัดหมี่โดยการผสานสีด้วยสายตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8604
ออกแบบผ้ามัดหมี่โดยการผสานสีด้วยสายตา
สมบัติ, ประจญศานต์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบสีสำหรับผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่โดยมีทดสอบการผสานสีทางสายตาเมื่อมีการทอขัดระหว่างไหมเส้นยืนกับไหมเส้นพุ่งสีต่างสีกัน โดยทำการทอผ้าไหมเป็นตาราง ใช้วิธีดำเนินการวิจัยตั้งแต่การออกแบบและทอผ้าตารางสีโดยใช้ไหมเส้นยืน 20 สี ทอขัดกันไหมเส้นพุ่ง 19 สี ได้ตัวอย่างคู่สีทั้งหมด 380 สี ทำการวัดค่าสีด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เครื่องวัดค่าสี (colour Reader) รุ่น CR-10 และนำไปออกแบบลายมัดหมี่ที่มีการจัดโครงสี 6 แบบ รวม 36 ชิ้นงาน ผลการวิจัยปรากฏว่า การผสานสีระหว่างไหมเส้นยืนกับไหมเส้นพุ่งสีต่างสีกันให้ผลต่างจากการผสมสี ทำให้ค่าความจัดของสี (Intensity) น้ำหนักของสี (Value) และทำให้ความเป็นสี (Hue) เปลี่ยนไป เด่นชัดกรณีใช้สีคู่ตรงข้ามกัน อีกทั้งทำให้เกิดประกายสี ขณะที่ผ้าต้องแสงเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทางของแสงจะสร้างความเลื่อมพรายให้เกิดกับผืนผ้าสามารถพัฒนาสู่งานออกแบบ 4 มิติต่อไป สามารถการนำผลวิจัยไปใช้ประโยชน์เปลี่ยนวิธีการผลิตแบบเดิมที่ช่างมัดหมี่จะทำการมัดหมี่เส้นพุ่งคราวเดียว จะแบ่งไปทอได้ผ้า 2 ผืน ที่มีแบบลายและสีสันของผ้าเหมือนกันทุกประการ แต่การผลิตตามการวิจัยเมื่อมัดหมี่เส้นพุ่งแล้วเสร็จ แบ่งเส้นพุ่งส่วนหนึ่งไปทอขัดกับเส้นยืนสีหนึ่ง และนำเส้นพุ่งส่วนที่เหลือไปทอขัดกับเส้นยืนอีกสีหนึ่ง ทำให้ได้ผลงานผ้าไหมมัดหมี่ 2 ผืนที่มีแบบสีคนละแบบสร้างความหลากหลายให้กับสินค้าและลดต้นทุนในการผลิตสินค้า
2560-07-01T00:00:00Z
-
ออกแบบผ้าไหมมัดหมี่โดยการเปลี่ยนค่าน้ำหนักของสีด้วยเส้นยืนสีกลาง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8603
ออกแบบผ้าไหมมัดหมี่โดยการเปลี่ยนค่าน้ำหนักของสีด้วยเส้นยืนสีกลาง
สมบัติ, ประจญศานต์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบสีสำหรับผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่โดยมีการทดสอบผลของสีไหมเส้นยืนที่มีต่อสีของผ้า ทดลองผลิตต้นแบบและติดตามผลการผลิตจากกลุ่มผู้ผลิตผ้าทอพื้นบ้านในจังหวัดบุรีรัมย์ มีวิธีดำเนินการวิจัย ตั้งแต่การสำรวจเฉดสีเคมีที่กลุ่มตัวอย่างผู้ผลิตผ้าไหมมัดหมี่ในจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 10 กลุ่มนิยมใช้โดยนำผลสำรวจมาออกแบบและจัดทำผ้าไหมตารางสีที่มีการใช้เส้นยืนสีกลางทอขัดกับเส้นพุ่งสีต่าง ๆ จำนวน 20 สี รวม 180 คู่สี และทำการวัดค่าสีด้วยเครื่องวัดค่าสี รุ่น CR-10 พบว่า สีไหมเส้นยืนมีผลต่อการผสานสี ทำให้ความจัดของสี และน้ำหนักของสี ของไหมเส้นพุ่งจะเปลี่ยนไป เมื่อทอขัดกับไหมเส้นยืนสีดำ ทำให้สีจะมีความจัดน้อยที่สุดและมีความสว่างลดลง แต่มีความจัดมากและมีความสว่างของสีมากขึ้นเมื่อทอกับเส้นยืนสีขาว โดยพิจารณาจากค่า L* แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะทอกับเส้นยืนสีกลางสีใด น้ำหนักของสีตามวงจรสียังคงเรียงลำดับตามเดิม จากนั้นทำการออกแบบลายมัดหมี่ และจัดทำผ้าไหมมัดหมี่จำนวน 18 ผืน ทดสอบเส้นยืนสีดำกับสีเทาอ่อน และเส้นยืนสีน้ำตาลแก่กับน้ำตาลอ่อน ผลทดสอบค่าความเป็นสีจากค่า a*, b* พบว่าความเป็นสีเปลี่ยนไปแต่ยังคงเฉดสีเดิม สามารถการนำผลวิจัยไปใช้ประโยชน์เปลี่ยนวิธีการผลิตแบบเดิมที่ช่างมัดหมี่จะทำการมัดหมี่เส้นพุ่งคราวเดียวจะแบ่งไปทอได้ผ้า 2 ผืน ที่มีแบบลายและสีสันของผ้าเหมือนกันทุกประการ แต่การผลิตตามการวิจัยเมื่อมัดหมี่เส้นพุ่งแล้วเสร็จ แบ่งเส้นพุ่งส่วนหนึ่งไปทอขัดกับเส้นยืนสีกลางสีหนึ่ง และนำเส้นพุ่งส่วนที่เหลือไปทอขัดกับเส้นยืนสีกลางอีกสีหนึ่ง ทำให้ได้ผลงานผ้าไหมมัดหมี่ 2 ผืนที่ต่างแบบสี สร้างความหลากหลายให้กับสินค้าได้ และช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้า
2560-07-31T00:00:00Z
-
ผ้าพันคอไหมมัดหมี่ลายจำหลักจากปราสาทขอม พัฒนาสู่สินค้า ECO Premium OTOP
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8602
ผ้าพันคอไหมมัดหมี่ลายจำหลักจากปราสาทขอม พัฒนาสู่สินค้า ECO Premium OTOP
สมบัติ, ประจญศานต์
โครงการวิจัยผ้าพันคอไหมมัดหมี่ลายจำหลักจากปราสาทขอม พัฒนาสู่สินค้า ECO Premium OTOP เป็นงานวิจัยเชิงพาณิชย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบลายมัดหมี่ลายใหม่ สร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์ผ้าพันคอไหมมัดหมี่ลายจำหลักจากปราสาทขอมทอมือ จำนวน 20 ลาย โดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลในการออกแบบลาย และใช้นวัตกรรมการทำให้เส้นไหมย้อมด้วยสีธรรมชาติมีสีติดเข้มขึ้นด้วยเทคนิคการใช้สารเพิ่มประจุบวก (PD Starcat) และพัฒนาผ้าพันคอไหมมัดหมี่ลายสู่สินค้า ECO Premium OTOP ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ แลป้ายตราสินค้า นำผลงานไปจัดแสดงนิทรรศการ และรับฟังทัศนวิจารณ์ในงานแสดงสินค้า พบว่า ลวดลาย สีสัน เนื้อผ้าเป็นจุดเด่นของผลงาน เมื่อแรกเห็นผลงานผู้ชมมีความรู้สึกชื่นชอบผ้าไหมมัดหมี่ลายใหม่ โดยมีความเห็นว่าลวดลายมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใช้สีธรรมชาติที่มีสีสันที่สร้างความรู้สึกที่สื่อรสนิยมตลาดระดับบนได้ดี แต่การใช้ไหมน้อยจะทำให้ได้เนื้อผ้าที่นุ่ม พลิ้ว และแวววาวกว่าไหมเปลือกนอก เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตส่วนใหญ่มีสมาชิกเป็นผู้สูงอายุ จึงเป็นข้อจำกัดเรื่องกำลังการผลิต และความสม่ำเสมอของการผลิต ตลาดต้องมีความเข้าใจข้อจำกัดสำคัญนี้เป็นเบื้องต้น เพื่อจะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างความต้องการของผู้ซื้อ และความสามารถของผู้ผลิต ซึ่งในระยะยาวจำเป็นต้องหาแนวทางในการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการผลิตไหมทอมืออย่างเร่งด่วน
2561-07-01T00:00:00Z
-
รายงานกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย การถ่ายทอดความรู้เทคนิคออกแบบโครงสีในผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัยเพื่อเป็น สินค้าทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8600
รายงานกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย การถ่ายทอดความรู้เทคนิคออกแบบโครงสีในผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัยเพื่อเป็น สินค้าทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จังหวัดบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์
จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแหล่งที่มีภูมิปัญญาการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และผลิตเป็นผ้าไหมทอมือที่มีคุณภาพ แต่การพัฒนาสินค้าชุมชนประเภทผ้าไหมมัดหมี่ทอมือมีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากลวดลาย สีสัน และเนื้อผ้า โครงการนี้จึงได้นำองค์ความรู้จากโครงการวิจัยการออกแบบโครงสีในผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัย และโครงการวิจัยการพัฒนาสินค้าผ้าไหมมัดหมี่เพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ : อิทธิพลของสีไหมเส้นยืนในงานผ้าไหมมัดหมี่ โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อ 1) จัดทำคู่มือและอบรมขยายผลถ่ายทอดความรู้การออกแบบโครงสีในงานผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัยสู่กลุ่มอาชีพในชุมชน 2) ผลิตผ้าไหมมัดหมี่ทอมือตามเทคนิคที่ได้รับการถ่ายทอด เป็นสินค้าและทดสอบการยอมรับผลิตภัณฑ์เมื่อแรกเห็นจากกลุ่มผู้บริโภค และ 3) เพื่อสรุปบทเรียนของการดำเนินการถ่ายทอดความรู้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 15 คนจาก 3 หมู่บ้าน และกลุ่มขยายผล จำนวน 15 คนจาก 3 หมู่บ้าน ดำเนินกิจกรรมสังเคราะห์ผลจากงานวิจัยโดยจัดทำเป็นคู่มือการออกแบบแล้วจัดอบรมเชิงปฏิบัติการการออกแบบโครงสี นำองค์ความรู้จากการอบรมไปสู่การปฏิบัติผลิตเป็นผืนผ้าไหมมัดหมี่ทอมือ นำผลิตภัณฑ์ต้นแบบไปทดสอบการยอมรับเมื่อแรกเห็นของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 100 คน จัดเวทีสรุปบทเรียนและจัดประชุมถ่ายทอดความรู้ขยายผลไปยังกลุ่มขยายผล และมีการติดตามการนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์จริง ผลการดำเนินโครงการทำให้ได้ผลผลิตเป็น 1. คู่มือการออกแบบโครงสีในงานไหมมัดหมี่ จำนวน 1,000 เล่ม 2. ต้นแบบผ้าไหมมัดหมี่ลายใหม่ จำนวน 24 ผืน หลังการดำเนินโครงการมีข้อเสนอแนะว่า การส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ผลิตควรจำแนกกลุ่มผู้ผลิตตามศักยภาพเพราะแต่ละกลุ่มศักยภาพต้องการการสนับสนุนในประเด็นที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มที่มีศักยภาพค่อนข้างสูงมีความจำเป็นในการสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการตลาด เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ แหล่งจำหน่าย ตลาดออนไลน์ เพื่อเป็นการพัฒนาสู่สินค้าทางวัฒนธรรมมูลค่าสูงต่อไป กลุ่มที่มีศักยภาพปานกลาง ต้องเน้นการติดตามการรักษาคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนด้านการตลาดและกลุ่มที่มีศักยภาพค่อนข้างน้อยยังคงต้องเน้นการพัฒนากระบวนการผลิตให้สินค้าได้มาตรฐาน โดยมีเป้าหมายเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และควรเร่งหาแนวทางในการพัฒนาการตลาดมูลค่าสูงเพื่อจูงใจคนรุ่นใหม่เข้าสู่การสืบสานและพัฒนาภูมิปัญญาผ้ามัดหมี่ทอมือต่อไป
2564-03-31T00:00:00Z
-
ประเมินความสำเร็จของโครงการบูรณาการการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ของสาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปีที่ 5
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8599
ประเมินความสำเร็จของโครงการบูรณาการการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ของสาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปีที่ 5
สมบัติ, ประจญศานต์ และคณะ
โครงการประเมินความสำเร็จของโครงการบูรณาการการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการและการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของสาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์ในการประเมิน 2 ประการ คือ เพื่อประเมินผลความสำเร็จของโครงการตามตัวชี้วัดของโครงการ และเพื่อเสนอแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินโครงการในปีต่อไป ทำการประเมินโดยอาศัยแนวคิดการประเมินผลตาม CIPP Model ของสตัฟเฟิลบีม ทำการประเมินระหว่างโครงการและประเมินหลังสิ้นสุดโครงการ ซึ่งอาศัยเครื่องมือได้แก่ แบบสังเกต แบบประเมิน และประเด็นคำถามในการจัดเวทีสรุปบทเรียน โดยเทคนิค A.A.R. ทำการประเมินจากกลุ่มนักศึกษา จำนวน27 คน กลุ่มอาจารย์ผู้สอน จำนวน 5 คน และกลุ่มชุมชนเจ้าของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น จำนวน 123 คน ผลการประเมินสรุปได้ว่า โครงการมีความสอดคล้องตามเกณฑ์ของตัวบ่งชี้ที่ 5.2 ประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน พ.ศ. 2557 ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จากตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการเชิงปริมาณ จำนวน 6 ตัว ผลการประเมิน บรรลุ 6 ตัว ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ จำนวน 8 ตัว ผลการประเมิน บรรลุ 8 ตัว เสนอให้มีการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อการพัฒนา
2562-05-08T00:00:00Z
-
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) ชื่อโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชือกมัดฟาง ภายใต้โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8598
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report) ชื่อโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชือกมัดฟาง ภายใต้โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563
สมบัติ, ประจญศานต์
กลุ่มสัมมาชีพบ้านห้วยยางใหญ่ ตำบลห้วยยาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิที่มีการรวมกลุ่มสมาชิกในชุมชนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 โดยการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐเดิมทีผลิตตะกร้าที่สานจากเส้นพลาสติก ต่อมาได้เรียนรู้จากปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนที่มีความเชี่ยวชาญผลิตตะกร้า กระเช้า กระเป๋าจากวัสดุเชือกมัดฟางที่มีจำหน่ายสำเร็จรูป โดยผลิตในหลากหลายรูปแบบและมีคุณภาพเป็นที่รู้จักในระดับจังหวัด แต่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ยังมีรูปแบบความเป็นไทยสูง เหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคสูงวัย หรือประโยชน์ใช้สอยเฉพาะ เช่น ตะกร้าใส่ผลไม้ กระเช้าของขวัญ กระเป๋าถือออกงานกับชุดไทย และสินค้ามีรูปแบบซ้ำเหมือนกับคู่แข่ง จึงมีการพัฒนาด้านการออกแบบให้ผลิตภัณฑ์มีรูปแบบที่ร่วมสมัยสามารถใช้สอยในชีวิตประจำวันที่หลากหลายในคนรุ่นใหม่โดยผู้วิจัยได้ออกแบบเป็นกระเป๋าถืออเนกประสงค์เชือกมัดฟางสำหรับใส่สมาร์ทโฟน อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์พกพา IPAD หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ ที่ต้องพกพาในชีวิตประจำวันหรือใส่อุปกรณ์เครื่องเขียน เป็นต้น โดยทำการผลิตต้นแบบใช้การถักสานเป็นแผ่นผืนแล้วนำมาตัดเย็บบุด้านในด้วยผ้าเพื่อให้เกิดความสวยงามของรูปทรง ความประณีตเรียบร้อยในการผลิต และความสะดวกในการใช้งาน
2564-04-30T00:00:00Z
-
รายงานเอกสารสรุปผลการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาสู่สากล (เฟส2)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8597
รายงานเอกสารสรุปผลการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาสู่สากล (เฟส2)
สมบัติ, ประจญศานต์
จากกระแสความชื่นชอบผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยนำทุนทางวัฒนธรรมผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม หรือเทคโนโลยี รังสรรค์เป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีคุณค่า มูลค่าและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ ๖ จึงประสงค์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยทุนทางวัฒนธรรมศิลปวัฒนธรรมลพบุรี ซึ่งในเขตอีสานใต้ของประเทศไทยปรากฏจากหลักฐานทางอารยธรรมหรือวัฒนธรรมที่เด่นชัดคือปราสาทหิน เทวาลัย และอโรคยาศาลในอารยธรรมขอมหรือเขมรเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-18 ที่ตั้งกระจายตัวครอบคลุมพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ โดยกำหนดแนวคิดในการออกแบบอารมณ์ของภาพและโทนสี (Mood and Tone) เป็นวัสดุในการสร้างปราสาททั้งหินทราย ศิลาแลง และอิฐ ซึ่งประกอบด้วยโทนสีหลักคือสีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลแดง สีน้ำตาลทรายสีชมพู สีส้ม และสีน้ำเงินสื่อถึงน้ำในบาราย หรือแหล่งน้ำที่มีการสร้างเคียงข้างปราสาทเสมอ และนำลวดลายประดับบนปราสาทหินมีหลายลวดลายที่มีความงามและความหมายแฝงนัยยะแห่งความมงคลโดยเฉพาะลายบัวแปดกลีบ ซึ่งปรากฏที่พื้น ผนัง เพดาน มาประยุกต์ร่วมกับลายประจำยาม นำไปใช้เป็นลายมัดหมี่แปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้ามัดหมี่ลายใหม่นี้ ทำการคัดเลือกลายและแบบของผลิตภัณฑ์แปรรูปร่วมกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 5 กลุ่ม ดังนี้ 1) กลุ่มทอผ้าไหมบ้านตาลอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ 2) กลุ่มผ้าฝ้ายปั้นเงิน อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 3) กลุ่มทอผ้าไหมบ้านสวายเจริญ อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ 4) กลุ่มทอผ้าไหมบ้านโพธิ์ไทร อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ และ 5) กลุ่มผ้าไหมทอมือบ้านหนองยาง อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ ผลการจัดทำต้นแบบได้คอลเลคชั่น บัวศิลารมย์ ซึ่งประกอบด้วยผ้าไหมมัดหมี่ เสื้อคลุมตัวยาว เสื้อผ้าคลุม เสื้อสตรีและกระเป๋าถือสตรีผ้าไหมมัดหมี่
2564-07-31T00:00:00Z
-
รายงานสรุปผล โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8595
รายงานสรุปผล โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์ และคณะ
องค์การบริหารส่วนตำบลสายตะกู ได้รับการยกฐานะจากสภาตำบลมาเป็น องค์การบริหารส่วนตำบลตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2539 ซึ่งเป็นรูปแบบการปกครองท้องถิ่น รูปแบบหนึ่ง เพื่อเป็นการรองรับการกระจายอานาจในการดูแลทุกข์สุขของราษฎรส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งปัจจุบัน ตั้งอยู่เลขที่ 32 หมู่ที่ 4 ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ประกอบด้วย 16 หมู่บ้าน มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 2,426 ครัวเรือน และมีประชากรทั้งหมด 8,744 คน แบ่งเป็นชาย 4,391 คน และหญิง 4,353 คน อยู่ห่างจากอำเกอบ้านกรวดไปทางทิตตะวันออก ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 หรือเส้นทางสายบ้านกรวด – กาบเชิง ระยะห่างจากอำเภอบ้านกรวดประมาณ 15 กิโลเมตร มีเนื้อที่ ทั้งสิ้น 68.178 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 42,611.25 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปขององค์การบริหารส่วนตำบลสายตะกู แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ พื้นที่ดินคอน พื้นที่ดินราย พื้นที่เชิงเขา อาชีพหลัก ได้แก่ ทำนา,ทำไร่, ทำสวน, เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น อาชีพเสริม ได้แก่ งานด้านหัตถกรรมและอุตสาหกรรมครัวเรือน เช่น ทอเสื่อ ทอผ้าไหม ผ้าทอ จักสาน เป็นต้น การคมนาคมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 วิสาหกิจชุมชน ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนการทอผ้าไหม วิสาหกิจชุมชนการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวหอมมะลิ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงโค วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงสุกร วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำปุ๋ยชีวภาพ
รายงานสรุปไตรมาสที่ 1 กิจกรรมยกระดับที่ดำเนินการกับศักยภาพของพื้นที่โครงการ ไตรมาสที่ 2 กิจกรรมการส่งเสริมมาตรฐานผลิตภัณฑ์การตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือ และไตรมาสที่ 3 แผนพัฒนาศักยภาพต่อเนื่องของพื้นที่ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) ของคณะผู้ปฏิบัติงานประจำตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งทางคณะปฏิบัติงานมีความสนใจที่จะส่งเสริมให้ชุมชนได้รับการพัฒนาทักษะในด้านการผลิตสินค้า สร้างอาชีพใหม่ให้กับชุมชน มีกลุ่มวิสาหกิจที่เข้มแข็งและสมาชิกเพิ่มขึ้น ยกระดับสินค้า OTOP และพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชน โดยวัตถุประสงค์ของการทำโครงการนี้ มีดังนี้
1. เป็นการอบรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือโดยอาศัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงนำนวัตกรรมนาโนเทคโนโลยีมาพัฒนาตกแต่งสำเร็จผ้าไหมทอมือ โดยใช้ผลิตภัณฑ์สารเคมีที่ใช้ในระบบอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งเป็นขั้นตอนการตกแต่งสำเร็จสิ่งทอ (Textile Finishing) โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุง หรือเพิ่มเติมคุณสมบัติบางอย่างให้กับผลิตภัณฑ์สิ่งทอเพื่อให้สิ่งทอนั้นมีคุณสมบัติในการใช้สอยที่ดีขึ้น และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์
2. เพื่อให้ประชาชนได้รู้จักการผสมสีต่างๆในการทอผ้าไหม
3. เพื่อให้ประชาชนได้รู้วิธีการเลือกใช้สีในการทอผ้าไหม
4. เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการโดยมหาวิทยาลัยเป็น
System Integrator
5. เพื่อให้เกิดการจ้างงานประชาชนทั่วไป บัณฑิตจบใหม่ และนักศึกษาให้มีงานทำและฟื้นฟู เศรษฐกิจชุมชน
6. เพื่อให้เกิดการพัฒนาตามปัญหาและความต้องการของชุมชน
7. เพื่อจัดทำข้อมูลขนาดใหญ่ของชุมชน (Community Big Data)
2564-12-14T00:00:00Z
-
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสู่สินค้าสร้างสรรค์เชิงนิเวศวัฒนธรรมของชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวเขตชีวมณฑลภูเขาไฟทั้ง 6 ลูกในจังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8594
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสู่สินค้าสร้างสรรค์เชิงนิเวศวัฒนธรรมของชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวเขตชีวมณฑลภูเขาไฟทั้ง 6 ลูกในจังหวัดบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์ และคณะ
บุรีรัมย์จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วพบมากถึง 6 ลูก สามารถเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวอารยธรรมขอม และความเป็นเมืองกีฬาระดับนานาชาติ ผลักดันให้ภูเขาไฟบุรีรัมย์เป็นหมุดหมายใหม่ทางการท่องเที่ยวร่วมกับ 6 ชุมชน ได้แก่ บ้านเขาคอก บ้านบุ บ้านโคกเมือง บ้านเจริญสุข บ้านถาวร และบ้านโคกใหญ่ ย่อมสร้างโอกาส สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และยกระดับให้เกิดคุณค่าทางนิเวศวัฒนธรรมได้โดยพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ งานวิจัยนี้อาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมทั้งจากชุมชน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องผ่านกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการ เวทีสนทนากลุ่ม อบรมเชิงปฏิบัติการ สำรวจความคิดเห็น ทดสอบเส้นทางและรายการท่องเที่ยว เวทีสรุปบทเรียน เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมเขตชีวมณฑลภูเขาไฟ 6 ลูกจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ผลการวิจัยระบุวิสัยทัศน์ของแผนว่า ภายในปี พ.ศ. 2569 ภูเขาไฟจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นแหล่งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมสร้างสรรค์โดยชุมชนท้องถิ่น เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและการท่องเที่ยวเชิงกีฬามาตรฐานโลก และเตรียมพร้อมยกระดับสู่อุทยานธรณีประเทศไทยภูเขาไฟบุรีรัมย์ โดยมีพันธกิจ 4 ประการ นำไปสู่การกำหนด 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การยกระดับสุนทรียภาพให้กับสิ่งอำนวยความสะดวกและการสื่อความหมายของการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างการตระหนักรู้และรับรู้ตราสินค้าแหล่งท่องเที่ยว ยุทธศาสตร์ที่ 3 การเสริมพลังบุคลากรให้บริหารจัดการและการบริการทางการท่องเที่ยวเชิงบูรณาการเสริมสร้างให้เกิดคุณค่าและมูลค่าเพิ่มสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนที่เน้นการจัดการที่มีประสิทธิภาพของชุมชน การให้ผลประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจและสังคมแก่ชุมชน มรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งรวมถึงสิ่งแวดล้อมและการลดผลกระทบทางลบ และยุทธศาสตร์ที่ 4 การเพิ่มกิจกรรมสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวและผลักดันสู่การอนุรักษ์ ฟื้นฟู รักษาทรัพยากรทางนิเวศวัฒนธรรม งานวิจัยให้ข้อเสนอแนะในการบูรณาการด้านบริหารจัดการพื้นที่ภูเขาไฟของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน
2564-12-30T00:00:00Z
-
รายงานสรุปผล โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานราก หลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T For BCG) ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8593
รายงานสรุปผล โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานราก หลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T For BCG) ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์ และคณะ
โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG เป็นโครงการที่เล็งเห็นปัญหาของชุมชนที่มีสินค้าของดีประจำตำบล หรือแม้แต่วัฒนธรรมที่แตกต่างของแต่ละชุมชนซึ่ง เป็นเอกลกัษณ์เฉพาะของชุมชนนั้น ๆ แต่ขาดนวัตกรรมใหม่ที่จะเข้าไปพัฒนาให้สิ่งที่มีอยู่แล้วสามารถก้าวกระโดดไปสู่ตลาดข้างนอกชุมชนได้ และยังได้มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับและยั่งยืนเพื่อใช้ในการพัฒนาในอนาคตได้ ทางโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG จึงได้ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยทั่ว ประเทศเพื่อให้ทางมหาวิทยาลัยได้จ้างงานบัณฑิตจบใหม่และประชาชนในเขตพื้นที่ชุมชนของตำบลนั้น ๆ ให้ร่วมกันทำงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับออกจำหน่ายสู่ตลาดชาวบ้านในชุมชนมีรายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นสามารถนำรายได้ตรงนี้มาเลี้ยงดูครอบครัวได้และคนในชุมชนมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
2566-05-19T00:00:00Z
-
การฟื้นฟูผ้ามัดหมี่ไทยเขมรอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8591
การฟื้นฟูผ้ามัดหมี่ไทยเขมรอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์; พิพัฒน์, ประจญศานต์
บุรีรัมย์เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ประชากรที่อาศัยในชุมชนบ้านหนองม่วง และบ้านโคกปราสาทพัฒนา อำเภอประโคนชัย ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเขมรที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นอัตลักษณ์ไว้อย่างเหนียวแน่น รวมถึงการผลิตผ้าทอมือด้วยภูมิปัญญาที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ แต่ในปัจจุบัน กลุ่มทอผ้านิยมผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายแบบไทยลาวเพื่อสนองความต้องการของตลาด และนโยบายส่งเสริมการใช้ผ้าเอกลักษณ์ประจำจังหวัด หากทิ้งไว้นานวันอาจทำให้เกิดการสูญหายของภูมิปัญญาการผลิตผ้าไหมมัดหมี่แบบไทยเขมร โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มผู้สืบทอด ภูมิปัญญาการผลิตภายในชุมชน และเพื่อพัฒนาผ้ามัดหมี่แบบไทยเขมรดั้งเดิมสู่สินค้าทางวัฒนธรรมเชิงอนุรักษ์ โดยดำเนินการวิจัยถอดองค์ความรู้ ลวดลาย สีสันของผ้ามัดหมี่ดั้งเดิม บันทึกลายผ้า ปฏิบัติการฟื้นฟูการผลิต ติดตามการผลิตในพื้นที่ จัดเวทีสรุปบทเรียนโครงการ และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ผลการวิจัยระบุว่า ลวดลายมัดหมี่แบบไทยเขมรดั้งเดิมมีจำนวน 21 ลาย ชื่อลายมีไว้เป็นเสมือนรหัสใช้ในการสื่อสาร จดจำและถ่ายทอดการผลิตจากผู้ถ่ายทอดโดยไม่มีการบอกเล่าที่มาหรือความหมายของลายนั้นแก่ผู้รับการถ่ายทอด ส่วนการให้ลวดลายทำหน้าที่สื่อความหมายจะเริ่มคิดหาภายหลังตามหลักการสร้างเรื่องราวผลิตภัณฑ์เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค โครงสร้างของผ้ามัดหมี่แบ่งเป็นหัวซิ่น ตัวซิ่น และตีนซิ่น วางลายมัดหมี่ใช้การซ้ำของลายเดียวกันหรือหลายลายจนเต็มผืนผ้าแทบจะไม่มีที่ว่างแสดงถึงความวิริยะอุตสาหะของช่างมัดหมี่สะท้อนถึงคุณสมบัติของผู้หญิงที่ควรแก่การออกเรือน ลายส่วนใหญ่เกิดจากการค้นหมี่แบบหมี่รวด (ตวงลด) ทำให้การก่อรูปของลายมีทิศทางแบบสะท้อนกลับในแต่ละซ้ำ โครงการนี้ทำการบันทึกลวดลายมัดหมี่ จำนวน 24 ลาย และฟื้นฟูการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายแบบไทยเขมรดั้งเดิม จำนวน 11 ผืน และมีข้อเสนอแนะให้ชุมชนควรเร่งพัฒนามาตรฐานและคุณภาพของผ้า เพื่อยกระดับจากผลิตผลที่ใช้ในครัวเรือนไปสู่สินค้าทางวัฒนธรรม ทำให้เพิ่มความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของคนใน รวมถึงการสร้างการยอมรับและจดจำของคนนอก
2566-05-19T00:00:00Z
-
โครงการการเพิ่มมูลค่าผ้ามัดหมี่ทอมือของกลุ่มทอผ้าตำบลสายตะกู ชายแดนไทยกัมพูชาเพื่อพึ่งพาตนเอง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8590
โครงการการเพิ่มมูลค่าผ้ามัดหมี่ทอมือของกลุ่มทอผ้าตำบลสายตะกู ชายแดนไทยกัมพูชาเพื่อพึ่งพาตนเอง
สมบัติ, ประจญศานต์
เป้าหมายหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) คือการเพิ่มศักยภาพชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง เพื่อให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ อันเป็นการสนองหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรื่องการพึ่งพาตนเอง (Self-Reliance) ในพื้นที่ชนบทชายแดนไทยกัมพูชาคือตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่มันสำประหลัง สวนยางพารา และมีแรงงานนอกภาคเกษตรประกอบอาชีพเสริมด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตามภูมิปัญญาดั้งเดิม แต่การพัฒนาสินค้าชุมชนประเภทผ้าไหมมัดหมี่ทอมือมีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากลวดลาย สีสันและเนื้อผ้า โครงการนี้จึงได้นำองค์ความรู้จากโครงการวิจัยออกแบบผ้าไหมมัดหมี่ลายเครื่องแขวนไทยดอกไม้สด และโครงการวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนามาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชน กรณีศึกษา: ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของเครือข่ายกลุ่มผู้ผลิตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อ 1) เพื่อสกัดองค์ความรู้เป็นคู่มือผลิตถ่ายทอดแก่แรงงานนอกภาคเกษตร 2) เพื่อพัฒนาทักษะการออกแบบ การผลิตผ้ามัดหมี่ทอมือและการตลาด และ 3) เพื่อวัดผลความสำเร็จของการดำเนินการร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 20 คน และกลุ่มขยายผล จำนวน 20 คน ดำเนินกิจกรรมสังเคราะห์ผลจากงานวิจัยโดยจัดทำเป็นคู่มือแล้วจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ นำองค์ความรู้จากการอบรมไปสู่การปฏิบัติผลิตเป็นผืนผ้าไหมมัดหมี่ทอมือ นำผลิตภัณฑ์ต้นแบบไปขอรับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) จัดเวทีสรุปบทเรียนและจัดประชุมถ่ายทอดความรู้ขยายผลไปยังกลุ่มขยายผล และมีการติดตามการนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์จริง ผลการดำเนินโครงการทำให้ได้ผลผลิตเป็น 1) คู่มือการถ่ายทอดองค์ความรู้ จำนวน 500 เล่ม 2) ต้นแบบผ้าคลุมไหล่ไหมมัดหมี่ จำนวน 32 ผืน หลังการดำเนินโครงการมีข้อเสนอแนะว่า การส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ผลิตควรจำแนกกลุ่มผู้ผลิตตามศักยภาพ ต้องเน้นการติดตามการรักษาคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนด้านการตลาด รวมถึงควรเร่งหาแนวทางในการพัฒนาการตลาดมูลค่าสูงเพื่อจูงใจคนรุ่นใหม่เข้าสู่การสืบสานและพัฒนาภูมิปัญญาผ้ามัดหมี่ทอมือต่อไป
2566-05-19T00:00:00Z
-
ไหมมัดหมี่ลายพร่าเลือน The Blurred Motifs of Ikat silk
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8588
ไหมมัดหมี่ลายพร่าเลือน The Blurred Motifs of Ikat silk
สมบัติ, ประจญศานต์
ไหมมัดหมี่ลายพร่าเลือน The Blurred Motifs of Ikat silk ผู้เขียน รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์ © สงวนลิขสิทธิ์โดย รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์ ห้ามการลอกเลียนไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือ นอกจากจะได้รับอนุญาต พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2566 ISBN 978-616-598-015-9 ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยและนวัตกรรมจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปีงบประมาณ 2565 สถานที่พิมพ์ บริษัท โรงพิมพ์วินัย 2509 จำกัด จังหวัดบุรีรัมย์ สนใจหนังสือติดต่อ e-mail : sombatprajonsant@gmail.com
2566-05-19T00:00:00Z
-
ออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8587
ออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์
จีรวุฒิ, มีพิษ
โครงการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งอยู่ที่ 281 หมู่ 13 ถนนบุรีรัมย์-ประโคนชัย ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ขนาดพื้นที่โดยรวมทั้งหมด 15 ไร่ เป็นสถานศึกษาสำหรับพระภิกษุสามเณร ด้านพื้นที่ที่ทำการออกแบบปรับปรุงนั้น เดิมเป็นสวนหย่อม ลานจอดรถบัส สระน้ำ พื้นที่ทั้งหมด 4,950 ตารางเมตร มีวัตถุประสงฆ์เพื่อออกแบบภูมิทัศให้เหมาะสมต่อการใช้งาน
จากการจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานของพื้นที่โครงการ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งของโครงการ สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ พฤกรรมการใช้งานพื้นที่ และการสอบถามความต้องการของผู้ใช้งานพื้นที่ ทำให้ทราบถึงปัญหาต่าง ๆ ของพื้นที่ใช้งานในปัจจุบัน ได้แก่ พื้นที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน สระน้ำที่อยู่ส่วนกลางโครงการ ถูกทิ้งร้างไม่มีใช้งาน สวนหย่อมดูรกพื้นที่สำหรับนั่งทำงานมีไม่เพียงพอ ถนนที่ใช้สัญจรบางจุด ยังเป็นถนนลูกรังอยู่ ที่จอดรถไม่เพียงพอ เป็นต้น ผลของการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์วิทยาลัยสงฆ์ มีดังนี้
จึงได้ทำการออกแบบ โดยแบบพื้นที่ใช้งานเป็น 3 โซนใหญ่ ประกอบ อนุสาวรีย์ รัชการที่ 5 บริเวณสระน้ำ และพื้นที่สีเขียว พื้นที่ภายในโซนต่างๆ ก็ยังแบ่งการใช้งานได้อีกหลายอย่าง ตามความเหมาะสมของจุดนั้น ๆ
หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม
คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
2565-01-01T00:00:00Z
-
การอนุรักษ์บ้านพักบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8585
การอนุรักษ์บ้านพักบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ปิยมิน, ผิวละออง
บทความนี้เกิดจากการศึกษาในวิชาอนุรักษ์สถาปัตยกรรม ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยได้มีการศึกษาลักษณะทางสถาปัตยกรรมรูปแบบลักษณะการใช้งาน สภาพของอาคาร โดยมีป้าหมายขอการศึกษาคือการศึกษาคุณค่าทางสถาปัตยกรรมความสัมพันธ์ของบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของอาคารและปัจจุบันนั้นจะมีการรื้อถอน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของลักษณะของลักษะกายภาพของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์และรูปแบบสถาปัตยกรรม
คุณค่าทางด้านจิตใจคุณค่าทางด้านอายุอาคารคุณค่าทางด้านเทคโนโลยีก่อสร้างนำไปสู่ระดับอนุรักษ์โดยสร้างกิจกรรมการใช้สอยใหม่เพื่อรองรับการใช้งานที่เหมาะสมกับตัวอาคารแต่ยังคงความเป็นบ้าน
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม
คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ปีการศึกษา 2565
2565-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบบ้านจัดสรรรองรับสังคมสูงวัย หมู่บ้านบุรีรัมย์ กรีนวิว 3
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8584
โครงการออกแบบบ้านจัดสรรรองรับสังคมสูงวัย หมู่บ้านบุรีรัมย์ กรีนวิว 3
สุพัฒตา, บุญวงค์
เนื่องจากปัญหาประชากรโลกและประชากรไทยมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรที่คล้ายคลึงกัน ประชากรวัยเด็กมีแนวโน้มลดลงในขณะที่ประชากรสูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โครงสร้างของประชากรกำลังมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่“ สังคมผู้สูงอายุ” จังหวัดบุรีรัมย์มีประชากรผู้สูงอายุจำนวนทั้งหมด 189,816 คน ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้สูงวัยไทยส่วนใหญ่กล่าวตรงกันว่าผู้สูงวัยต้องการอยู่ใกล้ลูกหลานอยู่ใกล้ที่พักอยู่อาศัยเดิมและมีความต้องการบ้านคล้ายลักษณะเดิมแต่มีความสะดวกสบายในเรื่องการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในบ้านและสภาพแวดล้อมที่น่าพอใจและสะอาด และแนวคิด Universal Design การออกแบบสภาพสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราให้รองรับการใช้งานของมวลสมาชิกในสังคมโดยที่ไม่ต้องออกแบบหรือจัดทำขึ้นสำหรับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ด้วยการใช้แนวความคิดการออกแบบผังบริเวณทั้งหมดของโครงการ และออกแบบเพื่อให้ตอบรับกับสังคมผู้สูงอายุขึ้นมาใหม่เพื่อแก้ปัญหา รูปแบบอาคารบ้านพักอาศัย ประเภทบ้านเดี่ยว (บ้านจัดสรร) สามารถแบ่งออกได้ 3 ขนาด ดังนี้ 1) ประเภทบ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม 2) ประเภทบ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม. 3) ประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 250 ตร.ม.
จากการดำเนินงานวิจัย โครงการออกแบบบ้านจัดสรรรองรับสังคมสูงวัยหมู่บ้านบุรีรัมย์ กรีนวิว 3 ได้นำหลักการออกแบบหลักการของ Universal Design มาใช้เป็นแนวคิดในการออกแบบทั้งพื้นที่ส่วนกลาง ผังบริเวณภายในโครงการและตัวอาคารบ้านพักอาศัยทั้งหมด ที่คำนึงถึงหลักการออกแบบให้ทั้งคนพิการ ผู้สูงอายุและคนทุกเพศทุกวัย สามารถเข้ามาใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย เช่า ทางลาด ทางต่างระดับ ห้องน้ำ และยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้สูงอายุ สามารถเข้ามาใช้งานได้ร่วมกัน มีพื้นที่รองรับที่เพียงพอ ถนนออกแบบตามหลักกฏของกฏหมายมีความปลอดภัย พื้นที่สีเขียวเข้าใช้งานได้อย่างสะดวกอยู่ติดระหว่างบ้านพักอาศัยทุก หลังสามารถเข้าถึงได้ง่าย ออกแบบให้เป็นสถานที่พักผ่อน พบปะพูดคุย ออกกำลังกาย และสไตล์การตกแต่งอาคารต่างๆและอาคารบ้านพักอาศัยให้เป็รมิตรกับผู้ใช้งานเจ้าของบ้าน และสิ่งแวดล้อมโดยใช้แนวคิดบ้านสมัยใหม่ที่มีกลิ่นอายคล้ายบ้านในอดีต ประยุกต์ให้เข้ากับบ้านสมัยใหม่ ใช้สีที่ไม่โดดเด่น เข้ากับพื้นที่บริบทโดยรอบ สบายตาและสวยงาม
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
วท.บ. (สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2565)
2565-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบอาคารปฏิบัติการทักษะวิชาชีพเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8583
โครงการออกแบบอาคารปฏิบัติการทักษะวิชาชีพเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
วิษณุ, ปุผาทา
โครงการออกแบบอาคารปฏิบัติการทักษะวิชาชีพเทคโนโลยีอุสาหกรรม ตั้งอยู่ที่ มหาลัยราช
ภัฏบุรีรัมย์439 ถนนจิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ศึกษารายละเอียดโครงกรคณะเทคโนโลยีอุสาหกรรมเพื่อออกแบบทางสถาปัตยกรรมและจัดทำแบบ
แสดงทางสถาปัตยกรรมเพื่อการแบบทงสถาปัตยกรรม เรียบเรียงเป็นเล่มรายงานฉบับสมบูรณ์และ
เสนอต่อคณะกรรมการวิจัยฯ โดยอาศัยกระบวนการหาข้อมูลที่เกี่ยวกับการออกแบบ,สำรวจอาคาร
ปฏิบัติการเก็บข้อมูล อาคารปฏิบัติการ รวมไปถึงความต้องการของผู้ใช้งานอาคารปฏิบัติการศึกษา
อาคารตัวอย่าง ได้แก่ ได้แก่ อาคารปฏิบัติการมหาวิทยาลัยสุรนารี อาคารปฏิบัติการคณะปฏิบัติการ
คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อาคารคณะศิลปประยุกต์และสถาปัตยกรรม
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียจัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อ
ออกแบบ ทางสถาบัตยกรรม ประกอบด้วย การจัดความสัมพันธ์ การกำหนดองค์ประกอบโครงการ
การกำหนด ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบในที่ตั้ง กรวิเคราะห์ที่ตั้ง การวิเคราะห์ที่ตั้งโครงการ การ
วิเคราะห์ กฎหมาย รายงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวคิดการออกแบบ จัดทำแบบทางสถาปัตยกรรม
ผลการวิจัย ผู้วิจัยได้ทำการออกแบบอาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง
กับจำนวน นักศึกษาและหลักสูตรวิชาเรียนและมีพื้นที่อำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมและการ
ปฏิบัติงาน ต่างๆ
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
วท.บ. (สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2565)
2565-01-01T00:00:00Z
-
โครงการโฮมออฟฟิศ จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8582
โครงการโฮมออฟฟิศ จังหวัดบุรีรัมย์
ประภาพร, ศักดิ์โกมลศรี
เนื่องจากการใช้งานโฮมออฟฟิศ เป็นบ้านที่ออกแบบ และถูกจัดสรรพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นสัดส่วน เพื่อให้อำนวยกับการทำงานโดยเฉพาะ มีจุดประสงค์ให้สามารถใช้เป็นทั้งที่พักและที่ทำงานในเวลาเดียวกันหรือสำนักงานที่บ้านจากการดำเนินงานวิจัย ได้ศึกษาหลักการออกแบบ โฮมออฟฟิศ ขนาดกลาง เพื่อนำมาปรับปรุงในกระบวนการออกแบบเพื่อให้ตอบสนองตามความต้องการ พฤติกรรม การใช้ชีวิตในแต่ละวัน และคาดหวังว่างานวิจัยจะเป็นอีกแนวทางหนึ่ง ให้กับคนที่ต้องการจะศึกษางานออกแบบ หรือป็นแนวทางในการมองหาที่อยูอาศัยต่อไปและไลฟ์สไตล์แล้ว ยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น
โครงการโฮมออฟฟิศ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น บนพื้นที่ ประมาณ 4 ไร่ 372.46 ตารางเมตร รวมทั้งหมด 19 ยูนิต แต่ละยูนิต มีพื้นที่ใช้สอย 307.05 ตารางเมตร มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องทำงาน 1 ห้อง ห้องประชุม 2 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 4 ห้อง ห้องรับแขก 1 ห้อง ห้องครัว 1 ห้อง ตัวอาคารเป็นระบบเสาคาน เน้นผู้ใช้งานธุรกิจ SME ขนาดกลาง
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
วท.บ. (สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2565)
2565-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบอัตลักษณ์องค์กรพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8581
โครงการออกแบบอัตลักษณ์องค์กรพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
วัชรียา, ขลากระโทก
งานวิจัยการศึกษาอัตลักษณ์องค์กรพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อสืบค้นอัตลักษณ์พิพิธภัณฑ์หนองบัวโคก ศึกษาหาแนวทางออกแบบอัตลักษณ์องค์กรพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนองบัวโคก เพื่อนำเสนอการออกแบบอัตลักษณ์องค์กรพิพิธภัณฑ์หนองบัวโคก ให้ได้ผลงานการออกแบบโดยมีวิธีการดำเนินงานออกแบบ ประกอบด้วย ออกแบบตัวอักษร สีประจำพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนองบัวโคก ตราสัญลักษณ์ ออกแบบแผนผัง ออกแบบป้ายจอดรถ ออกแบบป้ายห้องน้ำ ชาย-หญิง ออกแบบโทนสี ออกแบบ LOGO พิพิธภัณฑ์หนองบัวโคก LOGO แก้วกาแฟ ออกแบบป้ายล้างมือ ออกแบบนามบัตร และมีการวิเคราะห์ผลงานการออกแบบคือ ศึกษาประวัติความเป็นมาและสภาพปัจจุบันของพิพิธภัณฑ์หนองบัวโคก ศึกษาทฤษฎีตำราหลักการออกแบบ จากผลงานการออกแบบพบว่า การเลือกสรรและสื่อสารความโดดเด่นเป็นหนึ่งเดียว และเป็นตัวตนขององค์กรที่แตกต่างจากที่อื่น การสื่อสารอัตลักษณ์จึงมีความสำคัญ เพื่อดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายมาใช้บริการและจะช่วยส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนองบัวโคก เกิดความชัดเจนขึ้น มีความเป็นเอกภาพ ข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาความรู้อัตลักษณ์องค์กร และความตั้งใจในการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำของนักท่องเที่ยวด้วยปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลประโยชน์ต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ค้นพบหลังจากการทำผลงานการออกแบบคือ การสื่อสารองค์ประกอบของอัตลักษณ์องค์กรเพื่อ สื่อสารให้เป็นภาพลักษณ์เดียวกัน ซึ่งปัจจัยหลักในการออกแบบอัตลักษณ์องค์กร ได้ออกแบบกำหนดวิธีการใช้งาน ข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้งานออกแบบสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ให้แก่ องค์กรและนำไปสู่การสื่อสารสู่ภายนอกองค์กรให้ตรงกัน
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
วท.บ. (สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2565)
2565-01-01T00:00:00Z
-
กระบวนการสร้างอาคารโรงงานด้วยระบบคอนกรีตสำเร็จรูป (PRECAST) กรณีศึกษาโรงงานน้ำแข็ง อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8580
กระบวนการสร้างอาคารโรงงานด้วยระบบคอนกรีตสำเร็จรูป (PRECAST) กรณีศึกษาโรงงานน้ำแข็ง อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
วนิดา, ซ้อนกลิ่น
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ตะวันโต พลัส เป็นบริษัท ประกอบกิจการด้านการรับเหมาก่อสร้าง
บ้าน อาคาร สระว่ายน้ำ ถนน และรับออกแบบ เขียนแบบ มีโรงงานผลิต เสา คาน พื้น ผนัง ท่อ
อาคาร คอนกรีตสำเร็จรูป ( PRECAST CONCERETE CENTER ) ทางห้างหุ้นส่วนจำกัด ตะวัน
โต พลัส ต้องการที่จะขยายธุรกิจแนวใหม่เกี่ยวกับการส่งออกน้ำแข็ง ทั้งภายในอำเภอชุมแพ
และอำเภอใกล้เคียง เพื่อให้สามารถส่งออกน้ำแข็งบางส่วนได้ทันเดือนเมษายน พ.ศ.2566 ทาง
บริษัทจึงได้มีการปรับแบบก่อสร้าง (แบบ 3 มิติ เปลี่ยนจากการก่อสร้างแบบหล่อในที่ เป็นการ
ก่อสร้างด้วยระบบคอนกรีตสำเร็จรูป เพื่อลดระยะเวลาในการก่อสร้าง และทันตามกำหนดการที่
วางไว้ โดยทางบริษัทได้เนก่อสร้างในส่วนของเครื่องผลิตน้ำแข็งก่อนตัวอาคาร ซึ่งเป็นโรงงาน
น้ำแข็งแห่งแรกที่ใช้กระบวนการนี้ในงานก่อสร้าง
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
วท.บ. (สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2565)
2565-01-01T00:00:00Z
-
ออกแบบสื่อโฆษณาเพื่อการตลาดสมัยใหม่ เพื่อการศึกษาโครงการบ้านจัดสรรกรีนวิว 3
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8579
ออกแบบสื่อโฆษณาเพื่อการตลาดสมัยใหม่ เพื่อการศึกษาโครงการบ้านจัดสรรกรีนวิว 3
ศิรารัตน์, แสดงทอง
งานวิจัยศึกษาเกี่ยวกับสื่อออกแบบสื่อโฆษณาเพื่อการตลาดสมัยใหม่ เพื่อการศึกษาโครงการ
บ้านจัดสรรกรีนวิว 3 โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อเป็นทางเลือกในการจัดทำสื่อโฆษณา นำเสนอ
โครงการบ้านจัดสรร โดยงานวิจัยในครั้งนี้ได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลตามสื่อของโครงการตามเว็บไซต์
และเพจเฟสบุ๊ก ของแต่ละโครงการเพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ เลือกสื่อ สื่อที่ผู้วิจัยเลือกใช้คิดว่า
เป็นสื่อโฆษณาสมัยใหม่ คือ ใบปลิว แผ่นพับ ป้ายโฆษณา ซึ่งสื่อดังกล่าวเป็นสื่อที่มีขั้นตอนในการ
ออกแบบการจัดวางรูปแบบที่ตรงตามหลักในการออกแบ บสื่อ คือการบอกจุดขายของโครงการ การ
บอกโปรโมชั่นที่เป็นสิ่งเร้าใจเพื่อกระตุ้นความต้องการแก่ผู้ที่พบเห็นสื่อ ดังนั้นการเลือกใช้สื่อ การ
ออกแบบสื่อแต่ละประเภท จึงต้องมีการศึกษาตัวอย่างโครงการแต่ละที่ การวิเคราะห์เปรียบเทียบ สื่อ
การเลือกใช้สื่อสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและทันสมัย
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
วท.บ. (สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2565)
2565-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบอัตลักษณ์องค์กร กรณีศึกษาสวนนกรีสอร์ท ตำบลสะแกซำ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8577
โครงการออกแบบอัตลักษณ์องค์กร กรณีศึกษาสวนนกรีสอร์ท ตำบลสะแกซำ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
วรรณิภา, สุขเลิศ
การวิจัยนี้มีจุดประสงค์ 3 ข้อ เพื่อหาแนวทางในการออกแบบ และสร้างอัตลักษณ์
ให้แก่ รีสอร์ท มีสวนนกรีสอร์ท ตำบลสะแกซำ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์เป็นกรณีศึกษา
จากการสำรวจทำให้ผู้วิจัยตระหนักถึงปัญหาหลักในการดำเนินกิจการคือ การแข่งขันทาง
ธุรกิจ การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดลองออกแบบอัตลักษณ์องค์กรสวนนกรีสอร์ท มี
วิธีการดำเนินการ คือศึกษาประวัติความเป็นมาและสภาพปัจจุบัน ศึกษาทฤษฎีตำรา
หลักการออกแบบ ได้ผลการออกแบบ ดังนี้ ตัวอักษร สีประจำสวนนก รีสอร์ท ตรา
สัญลักษณ์ รีโนเวทปรับปรุงห้องพัก จำนวน 10 หลัง หลังใหญ่จำนวน 1 หลังมี 3 ห้อง
หลังเล็กจำนวน 9 หลัง 2 แบบ ป้ายซุ้มประตูทางเข้า ป้ายลานจอดรถ ป้ายติดต่อที่พัก
ป้ายพื้นที่ผู้เข้าพักรีสอร์ท ป้ายผังบริเวณ นามบัตร ชุดยูนิฟอร์ม ได้นำเสนอต่อ
ผู้ประกอบการ มีความคิดเห็นต่อการออกแบบในแง่มุมมองความต้องการนำไปใช้ ยากที่จะ
สรุปถึงความพอดี สรุปผลโดยรวมได้ก็คือมีทิศทางไปในเดียวกัน สามารถนำงาน
ออกแบบอัตลักษณ์องค์กร สวนนกรีสอร์ท มาพัฒนาและเป็นต้นแบบสำหรับการนำไปใช้
ในอนาคต
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
วท.บ. (สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2565)
2565-01-01T00:00:00Z
-
โครงการศึกษาความเชื่อในการสร้างเรือนพื้นถิ่นกรณีศึกษา บ้านหนองม่วง อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8576
โครงการศึกษาความเชื่อในการสร้างเรือนพื้นถิ่นกรณีศึกษา บ้านหนองม่วง อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
พัสวี, หัดไทยทระ
หมู่บ้านหนองม่วง ตำบลบ้านไทร อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 อพยพมาจากอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดสุรินทร์ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจถึงรูปแบบของเรือนพื้นถิ่นไทยเขมรที่สะท้อนความเชื่อ เกณฑ์ในการเลือกเรือนพื้นถิ่นเลือกจากอายุของเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป เรือนยังมีสภาพสมบูรณ์มีผู้ให้ข้อมูลต้องเป็นเจ้าของเรือนหรือทายาท และมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของเรือนน้อยที่สุด จึงได้จำนวนเรือนพื้นถิ่นที่ทำการศึกษาทั้งหมด 6 หลัง จากการศึกษาพบว่า รูปแบบของเรือนพื้นถิ่นไทยเขมรที่พบในบ้านหนองม่วงเป็นหลังคาทรงจั่วเดี่ยว หรือภาษาถิ่นเรียกว่า ปะเตียะมะตะโมล และความเชื่อที่เจ้าของเรือนพื้นถิ่นไทยเขมรยังคงยึดถือ ได้แก่ ศาลปู่ตา ทิศดีและไม่ดีของชุมชน เชื่อว่าทิศที่ไม่ดี ศาลพระภูมิ การหันหัวนอน ห้ามประตูหน้าบ้านและประตูหลังบ้านตรงกัน การวางตำแหน่งบันได และขั้นบันได ยันต์ปกป้อง (อกไก่) ครูกำเนิด หรือ จวมกำเนิด ปลึง หรือ ขวัญ พิธีกรรมยกเสาเอกและเสาโท พิธีกรรมแซนโฏณตา วันต่าง ๆ ที่ห้ามปลูกเรือน การตรวจดวงชะตาเจ้าของเรือน ต้นไม้ที่ห้ามปลูกในเรือน ยุ้งข้าว การเข้าป่าไปตัดไม้ ห้ามเอาไม้ที่เคยสร้างยุ้งข้าวมาปลูกเรือน การตรวจดวงชะตาเจ้าของเรือน
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
วท.บ. (สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2565)
2565-01-01T00:00:00Z
-
บริบทของร้านกาแฟในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8502
บริบทของร้านกาแฟในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์
อชิรญาณ์, เสงี่ยมศักดิ์
วิจัยเล่มนี้ศึกษาเรื่องบริบทของร้านกาแฟในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ต าบลในเมือง อ าเภอ
เมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานของร้านกาแฟ 2) เพื่อศึกษาบริบท
ของร้านกาแฟ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ 3) เพื่อน าเสนอแนวทางการออกแบบร้านกาแฟ ในเขต
เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานวิจับเชิงคุณภาพ โดยการลงพื้นที่ส ารวจ 18 ชุมชน
สัมภาษณ์ข้อมูลเชิงลึกกับผู้ประกอบการร้านกาแฟในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์
วท.บ. สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ 2565
2565-01-01T00:00:00Z
-
คู่มือปฏิบัติงาน และแผนการควบคุมตรวจสอบ สำหรับสมาชิกผู้ขอใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) “ผ้าไหมมัดหมี่ซิ่นตีนแดงบุรีรัมย์” (Phamai-madmee-Cinteandang Buriram)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8486
คู่มือปฏิบัติงาน และแผนการควบคุมตรวจสอบ สำหรับสมาชิกผู้ขอใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) “ผ้าไหมมัดหมี่ซิ่นตีนแดงบุรีรัมย์” (Phamai-madmee-Cinteandang Buriram)
สมบัติ, ประจญศานต์; พิพัฒน์, ประจญศานต์; ผจงจิต, เหมพนม
คู่มือปฏิบัติงานและแผนการควบคุมตรวจสอบสำหรับสมาชิกผู้ขอใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
(Geographical Indication : GI)“ผ้าไหมมัดหมี่ซิ่นตีนแดงบุรีรัมย์”(Phamai-madmee-Cinteandang Buriram) สำหรับผู้ขออนุญาตใช้ตราฯ คณะกรรมการระดับพื้นที่ และคณะกรรมการระดับจังหวัด
2566-02-16T00:00:00Z
-
ไหมมัดหมี่ลายพร่าเลือน The Blurred Motifs of Ikat silk
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8475
ไหมมัดหมี่ลายพร่าเลือน The Blurred Motifs of Ikat silk
สมบัติ, ประจญศานต์
ไหมมัดหมี่ลายพร่าเลือน
The Blurred Motifs of Ikat silk
ผู้เขียน รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์
© สงวนลิขสิทธิ์โดย รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์
ห้ามการลอกเลียนไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือ นอกจากจะได้รับอนุญาต
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2566
ISBN 978-616-598-015-9
ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยและนวัตกรรมจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
ประจำปีงบประมาณ 2565
สถานที่พิมพ์ บริษัท โรงพิมพ์วินัย 2509 จำกัด จังหวัดบุรีรัมย์
สนใจหนังสือติดต่อ e-mail : sombatprajonsant@gmail.com
2566-02-12T00:00:00Z
-
แนวทางการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน กรณีศึกษา บ้านตะลุงเก่า ต.โคกม้า อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8442
แนวทางการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน กรณีศึกษา บ้านตะลุงเก่า ต.โคกม้า อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
ธัญภิณันท์, อภิญญเดช
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1.เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันของสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนบ้านตะลุงเก่า
2.เพื่อศึกษาแนวทางการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนบ้านตะลุงเก่า
3.เพื่อนำเสนอแนวทางการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน
ดังนั้น การวิจัยครั้งนี้ ได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการสำรวจสภาพพื้นที่ปัจจุบันและการรวบรวมข้อมูลที่ได้ความอนุเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญจากองค์กรท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ตลอดถึงผู้สูงวัยและประชาชนในชุมชน นอกจากข้อมูลสำคัญที่สัมภาษณ์และได้สอบถามความต้องการของประชากรในชุมชน นำมาวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยว ให้เหมาะสมกับสภาพบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวบ้านตะลุงเก่า และให้มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนในยุคปัจจุบัน ตลอดถึงการออกแบบอาคาร,สิ่งปลูกสร้าง เสริมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น ป้ายผังชุมชน ป้ายบอกทาง ป้ายสัญลักษณ์ ป้ายข้อความต่างๆ ให้มีความชัดเจน เข้าใจง่าย มีรูปแบบที่หลากหลาย น่าสนใจ สะดุดตามากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มความสะดวกต่อการเดินทาง การปฏิบัติตามระเบียบของสถานที่ระหว่างการเที่ยวชมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมอีกด้วย การออกแบบดังกล่าว ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นและมีความเป็นวิถีชุมชนชนบท โดยวิธีการผสมผสานทั้งสองประการเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ในการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและฟื้นฟู
ศักยภาพชุมชนให้น่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าชมบ้านตะลุงเก่าที่เป็นหนึ่งในสถานที่โบราณที่ควรแก่การศึกษาประวัติความเป็นมาที่สำคัญของดินแดนส่วนหนึ่งในภาคอีสานตอนล่างของประเทศไทยและควรแก่การอนุรักษ์ต่อไป ผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาข้อมูลที่สอดคล้องกับสิ่งสนับสนุนการ
ท่องเที่ยว และศึกษาตัวอย่างงานออกแบบ โดยนำมาเพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบสิ่งสนับสนุนในการท่องเที่ยวชุมชน ได้แก่ ป้ายผังชุมชน ป้ายบอกทาง ถังขยะสาธารณะ ป้ายประวัติต่าง ๆ
การปรับปรุงอาคารและสถานที่เดิม เช่น ศาลาประชาคม สะพานหลวง สะพานไม้ไผ่ ห้องน้ำสาธารณะ รวมถึงการจัดพื้นที่ปฏิบัติกิจกรรมของศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ให้มีรูปแบบที่สอดคล้องกับชุมชน
ที่เกี่ยวกับที่มาของคำว่า “ปันเตียย” ชื่อของชุมชนมีความหมายถึงเสาหิน เสาผูกช้าง วัสดุธรรมชาติในชุมชนที่สื่อถึงงานฝีมือของชาวบ้านในการผลิตหรือก่อสร้าง และการเลือกใช้กลุ่มสีน้ำตาลที่เป็นเนื้อหินภูเขาไฟหรือก้อนศิลาของปราสาทต่าง ๆ รวมถึงการตกแต่งด้วยลายหินศิลาแลงที่บ่งบอกถึงเมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ที่มีความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณในจังหวัดบุรีรัมย์
ผลการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวได้มีความสอดคล้องกับข้อมูลที่ผู้วิจัยได้ศึกษาสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยว ทฤษฎีเกี่ยวกับองค์ประกอบของการท่องเที่ยว (5A) ที่ได้กล่าวถึง
5 องค์ประกอบหลัก คือ 1. สิ่งที่ดึงดูดใจ (Attraction) 2. ความสะดวกในการเดินทาง (Access)
3. สิ่งอำนวยความสะดวก (Amenities) 4. การบริการที่พัก (Accommodation) และ 5. กิจกรรมการท่องเที่ยว (Activities) เป็นแนวทางในการปรับใช้ในงานออกแบบให้เหมาะสมกับบริบทและ
ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน เพื่อเป็นสิ่งดึงดูดใจนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกระหว่าง
กิจกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวและชุมชน นอกจากประโยชน์ของการเพิ่มรายได้ให้ชุมชนแล้วส่วนนักท่องเที่ยวก็ยังได้บรรลุตามความประสงค์ในการท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ดังนั้นเป็นเหตุให้ทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้ร่วมกันถึงแนวทางการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่สำคัญของท้องถิ่น และยังเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่แก่นักท่องเที่ยว ที่จะสร้างความประทับใจได้แล้วนั้น
ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ไปยังบุคคลภายนอกให้เกิดความสนใจในการอยากเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้นในอนาคต
งานวิจัยทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา
ตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม
คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ปีการศึกษา 2565
2565-01-01T00:00:00Z
-
คู่มือเพิ่มมูลค่าผ้ามัดหมี่ทอมือ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8431
คู่มือเพิ่มมูลค่าผ้ามัดหมี่ทอมือ
สมบัติ, ประจญศานต์
คุ่มือการเพิ่มมูลค่าผ้ามัดหมี่ทอมือ เป็นส่วนหนึ่งในโครงการเพิ่มมูลค่าผ้ามัดหมี่ทอมือของกลุ่มทอผ้าตำบลสายตะกู ชายแดนไทยกัมพูชาเพื่อพึ่งพาตนเอง ได้รับทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ได้รับทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมในโครงการจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์การพัฒนาชุมชนพึ่งตนเองตามแนวพระราชดำริจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปีงบประมาณ 2565
2565-12-26T00:00:00Z
-
คู่มือถ่ายทอดความรู้การฟื้นฟูผ้ามัดหมี่ไทยเขมรอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8302
คู่มือถ่ายทอดความรู้การฟื้นฟูผ้ามัดหมี่ไทยเขมรอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
สมบัติ, ประจญศานต์
คู่มือถ่ายทอดความรู้การฟื้นฟูผ้ามัดหมี่ไทยเขมรอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับการสนับสนุนจากโครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ 2565
2565-01-01T00:00:00Z
-
สื่อฐานการเรียนรู้อนุรักษ์ดอกดิน โรงเรียนบ้านยายคำ ตำบลยายแย้มวัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8071
สื่อฐานการเรียนรู้อนุรักษ์ดอกดิน โรงเรียนบ้านยายคำ ตำบลยายแย้มวัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์
สุธิตา, ญาตินิยม
งานวิจัยเรื่องสื่อฐานการเรียนรู้อนุรักษ์ดอกดิน โรงเรียนบ้านยายคำ ตำบลยายแย้มวัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับความเหมาะสมในการตั้งศูนย์การเรียนรู้ดอกดิน โครงงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบริบทชุมชน ลักษณะกายภาพ และโครงการปลูกดอกดิน พื้นที่โรงเรียนบ้านยายคำ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อออกแบบสื่อการเรียนรู้เรื่องดอกดิน และออกแบบฐานเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้อนุรักษ์ดอกดินที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ในเส้นทางการท่องเที่ยวเขาอังคาร ปราสาทเมืองต่ำ ปราสาทเขาพนมรุ้ง นอกจากนี้ยังออกแบบงานทางด้านสื่อกราฟิก สื่อออนไลน์ และสื่อวีดิทัศน์ โดยอาศัยกระบวกการวิจัย คือ การลงพื้นที่พูดคุยกับทางผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู และตัวแทนนักเรียน เพื่อหาแนวทางที่จะนำพื้นที่ของโรงเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ผู้วิจัยได้จัดทำสื่อนำเสนอและทำการออกแบบฐานการเรียนรู้สื่อประชาสัมพันธ์ให้กับทางโรงเรียนสามารถนำไปใช้ได้จริง ข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัยทางโรงเรียนบ้านยายคำสามารถนำสื่อฐานการเรียนรู้ไปใช้ประเมินโรงเรียน และทำให้ผู้คนรู้จักดอกดินที่โรงเรียนบ้านยายคำมากยิ่งขึ้น
(วท.บ.)--สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2564)
2564-01-01T00:00:00Z
-
การนำเสนอภาพถ่ายทางสถาปัตยกรรมอำเภอเมืองบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8070
การนำเสนอภาพถ่ายทางสถาปัตยกรรมอำเภอเมืองบุรีรัมย์
ดาริกา, บุญมาก
จากการสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเมืองบุรีรัมย์แต่ละสถานที่ พบว่าสถาปัตยกรรมที่อยู่ใกล้ตัวเรามีความสวยงามอยู่หลากหลายมุมมอง ผนวกกับความสนใจในการถ่ายภาสถาปัตยกรรมและชอบในการสร้าง Content สร้างสรรค์ที่สามารถช่วยเสริมคำอธิบาย เพิ่มความน่าสนใจให้ภาพงานสถาปัตยกรรมที่ดีอยู่แล้วให้น่าชมมากยิ่งขึ้น โดยการนำเสนอต่อบุคคลในจังหวัดแลบุคคลภายนอกได้รับรู้ถึงความงามของงานสถาปัตยกรรมใกล้ตัวเราของแต่ละสถานที่ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อศึกษาการรับรู้ความรู้สึกของผู้ที่เข้ามาชมผลงานภาพถ่ายทางสถาปัตยกรรมและเพื่อศึกษาการรับรู้เชิงเรื่องราวของผู้ที่เข้ามาชมผลงานภาพถ่ายทางสถาปัตยกรรมโดยนำทฤษฎีเทคนิคการถ่ายภาพกฎสามส่วน, จุดตัดเก้าช่อง, เส้นนำสายตาและทฤษฎีความสมดุล 2 ข้างเท่ากัน มาเป็นเกณฑ์ในการวัดการรับรู้ความรู้สึกและการรับรู้เชิงเรื่องราวของผู้ที่เข้ามาชมผลงานภาพถ่ายทางสถาปัตยกรรม โดยผลสรุปได้ว่าจากการศึกษาการรับรู้ความรู้สึกของผู้ที่เข้ามาชมผลงานภาพถ่ายทางสถาปัตยกรรม จากแผนภูมิคำตอบแบบฟอร์มของทั้ง 3 ทฤษฎี พบว่าผู้คนโดยทั่วไปนิยมภาพถ่ายทางที่ใช้ทฤษฎีจุดตัดเก้าช่องมากที่สุดและการศึกษาการรับรู้เชิงเรื่องราวของผู้ที่เข้ามาชมผลงานภาพถ่ายทางสถาปัตยกรรม พบว่าผู้คนโดยทั่วไปในมีความรับรู้เชิงเรื่องราวไปทางด้าน มีความอยากค้นหาและอยากไปสถานที่ แต่อย่างไรก็ตามการนำทฤษฎีการถ่ายภาพทั้ง3ทฤษฎีนี้เป็นเพียงแค่ตัวเลือกสำหรับผู้ที่สนใจในการถ่ายภาพเท่านั้น ซึ่งวิธีและเทคนิคก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ความสะดวกของแต่ละบุคคล
(วท.บ.)--สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2564)
2564-01-01T00:00:00Z
-
แนวทางการออกแบบ บ้านน็อคดาวน์ ระบบโมดูลาร์ ขนาดไม่เกิน 50 ตารางเมตร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8069
แนวทางการออกแบบ บ้านน็อคดาวน์ ระบบโมดูลาร์ ขนาดไม่เกิน 50 ตารางเมตร
วัชระ, ตุ้มทอง
Lawson, Grubb, Prewer & Trebilcock, (1999, 10-12) กล่าวถึงประวัติของการก่อวร้างระบบโมดูล่าร์ไว้ว่า แนวคิดในการสร้างบ้านที่ผลิตจากในโรงงานนั้นเริ่มขึ้นในประเทศเยอรมนีและประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งแนวความคิดเดียวกับการผลิตทีละมากๆ เช่น การผลิตรถยนต์ โดยเริ่มจากการผลิตเฉพาะระบบผลังสำเร็จรูปก่อน และขยายไปจนถึงระบบโมดูล่าร์แบบทร่ผลิตทั้งห้องหรือทั้งหลังในคราวเดียวกัน โดยในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นเริ่มจากอุตสาหกรรมการผลิตรถบ้าน (Caravan) ก่อน ซึ่งความต้องการรถบ้านนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลง ความต้องการใช้รถบ้านเป็นที่พักอาศัยถาวรยิ่งเพามขึ้น จึงทำให้อุตสาหกรรมรถบ้านนั้นตอบรับด้วยการพัฒนา “บ้านเคลื่อนที่” นี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงความสมดุลย์ระหว่างการใช้งานเป็นที่พักอาศัย และความเป็นยานพาหนะในเวลาเดียวกัน
(วท.บ.)--สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2564
2564-01-01T00:00:00Z
-
พลวัตของเรือนพื้นถิ่นไทยเขมร ชุมชนสวายจีก ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8068
พลวัตของเรือนพื้นถิ่นไทยเขมร ชุมชนสวายจีก ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
วัชรินทร์, แรมประโคน
วิจัยเล่มนี้ศึกษาเรื่องพลวัตของเรือนพื้นถิ่นไทยเขมรชุมชนสวายจีก ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบริบทของชุมชน ความเชื่อ ลักษณะทางกายภาพวิเคราะห์รูปแบบและการเปลี่ยนแปลงของเรือนในชุมชนบ้านสวายจีกหมู่ 1, 2, 14 และหมู่ 17 มีเรือนตัวอย่างที่ศึกษาจำนวน 10 หลัง มีการดำเนินงานวิจัยคือ ศึกษาบริบทของชุมชน ประโยชน์ใช้สอยภายในเรือน รูปแบบและลักษณะทางสถาปัตยกรรม สำรวจรังวัด สัมภาษณ์บุคบลที่เกี่ยวข้องกับตัวเรือนถึงการเปลี่ยนแปลงจากอดีตถึงปัจจุบัน เพื่อนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุและผลลัพธ์ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง จากการศึกษาพบว่าบ้านสวายจีกมีรูปแบบเรือนจำนวน 4 แบบ ได้แก่ เรือนจั่วเดี่ยว เรือนจั่วเดี่ยวมีชาน เรือนจั่วแฝด เรือนปั้นหยายกจั่ว สาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเรือนคือความต้องการที่เพิ่มขึ้นของเจ้าของเรือน รูปแบบของเรือนที่ไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน การผุผังของเรือน การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนคือการต่อเติมพื้นที่ใช้สอยใต้ถุนเรือนและต่อเติมออกไปนอกตัวเรือน มีการเปลี่ยนแปลงของเรือนตั้งแต่การดีดเรือน ต่อเติมเรือน เปลี่ยนวัสดุมุงหลังคา เปลี่ยนตำแหน่งของบันได ผลการวิจัยทำให้ได้องค์ความรู้ที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจในบริบทของเรือนที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในพื้นที่และการใช้พื้นใช้สอยในเรือนที่ปรับเปลี่ยนไปตามผู้ใช้ในแต่ล่ะรุ่น รวมไปถึงจะเป็นข้อมูลอ้างอิงประวัติศาสตร์ทางสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นของชุมชน
(วท.บ.)--สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2564)
2564-01-01T00:00:00Z
-
ศึกษาการทำแบบก่อสร้างโดยใช้ (BIM) : กรณีศึกษากลุ่มอาคารหอพักครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8067
ศึกษาการทำแบบก่อสร้างโดยใช้ (BIM) : กรณีศึกษากลุ่มอาคารหอพักครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ยงยุทธ์, กึนรัมย์
วิจัยเล่มนี้ศึกษาแบบก่อสร้างกลุ่มอาคารหอพักครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ระบบ CAD ไปใช้การทำแบบก่อสร้างระบบ BIM แสดงกระบวนการนำข้อมูลแบบก่อสร้างกลุ่มอาคารหอพักครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ระบบ CAD แบบก่อสร้างงานสถาปัตยกรรม แบบก่อสร้างงานโครงสร้าง และวิเคราะห์ข้อบกพร่องจากแบบก่อสร้างระบบ CAD รายการแบบก่อสร้างงานสถาปัตยกรรมพื้น, เสา, ผนัง,ประตู-หน้าต่าง, แบบขยายห้องน้ำ, แบบขยายบันได รายการแบบก่อสร้างงานโครงสร้างเสา, ฐานราก, ตอม่อ, โครงสร้างพื้น,โครงสร้างหลังคา เพื่อวิเคราะห์ข้อบกพร่องที่พบในแบบก่อสร้างระบบ CAD และการแก้ปัญหา ซึ่งการศึกษาการจัดทำแบบก่อสร้างระบบ BIM เฉพาะแบบก่อสร้างงานสถาปัตยกรรม และศึกษากระบวนการทำแบบก่อสร้างงานสถาปัตยกรรมโดยใช้ระบบ BIM จากแบบก่อสร้างระบบ CAD เพื่อศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างการทำแบบก่อสร้างระหว่าง CAD และ BIM แสดงขั้นตอน 1.การเปรียบเทียบความแตกต่างการทำแบบก่อสร้างระบบ CAD พบว่าการทำแบบก่อสร้าง มี 3 step ศึกษาข้อดีข้อเสีย และการเปรียบเทียบความแตกต่างการทำแบบก่อสร้างระบบ BIM พบว่าการทำแบบก่อสร้าง มี 5 step ศึกษาข้อดีข้อเสีย 2.วิเคราะห์เปรียบเทียบ งานถอดปริมาณวัสดุก่อสร้างงานสถาปัตยกรรมจากระบบ CAD กับระบบ BIM วิเคราะห์เปรียบเทียบงานถอดปริมาณวัสดุก่อสร้างงานประตู, หน้าต่าง, พื้น และแบบก่อสร้างงานสถาปัตยกรรมระบบ BIM แผ่นภาพนำเสนอผลงานทางสถาปัตยกรรม สื่อวีดีโอแอนิเมชันนำเสนอผลงาน เพื่อใช้เป็นแบบก่อสร้างระบบ BIM กลุ่มอาคารหอพักครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
(วท.บ.)--สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2564)
2564-01-01T00:00:00Z
-
แนวทางการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงเกษตรของ บ้านหนองเพชรและบ้านหนองมะค่า ตำบลบัวทอง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8017
แนวทางการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงเกษตรของ บ้านหนองเพชรและบ้านหนองมะค่า ตำบลบัวทอง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
อติกานต์, มโนบาล
บทคัดย่อ
โครงการวิจัยเรื่องแนวทางการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงเกษตรของ
บ้านหนองเพชรและบ้านหนองมะค่า ตำบลบัวทอง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับศักยภาพของชุมชนที่จะก่อให้เกิดการท่องเที่ยวในชุมชน โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาศักยภาพและความเป็นไปได้ในการจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ในชุมชนบ้านบ้านหนองเพชรและบ้านหนองมะค่าเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนร่วมทำการวิจัยในครั้งนี้และเพื่อออกแบบงานทางด้านสื่อกราฟฟิกและสื่อออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของชุมชนบ้านหนองเพชรและหนองมะค่าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้านการท่องเที่ยว โดยอาศัยกระบวนการวิจัยคือลงพื้นที่พูดคุยกับคนในชุมชน สำรวจและเก็บข้อมูลบริบทชุมชน ศึกษาชุมชนการท่องเที่ยวตัวอย่าง ร่วมคิดกิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ผลการวิจัยผู้วิจัยได้จัดทำสื่อนำเสนอทรัพยากรทางการท่องเที่ยวและได้ทำการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเพื่อชุมชนสามารถนำไปพัฒนาและใช้จริงได้ ข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัย ชุมชนควรนำแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวไปพัฒนาต่อเพื่อนำไปสู่การจัดการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในชุมชน
วิทยานิพนธ์ (วท.บ.) สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, (2563)
2563-01-01T00:00:00Z
-
โครงการพฒันาแหล่งท่องเที่ยวสวนคุณปู่
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8016
โครงการพฒันาแหล่งท่องเที่ยวสวนคุณปู่
ศรัญญา, คล้ายคลึง
จากการที่จังหวัดบุรีรัมย์มีนโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัด เพื่อตอบสนองนโยบายของ
จงั หวดั จึงไดจ้ ดั ทาโครงการข้ึนมาเพื่อรองรับต่อจานวนนกั ท่องเที่ยวที่เพิ่มข้ึน และเพื่อเป็ นการสร้างงานใหก้ บั
คนวา่ งงานใหม้ ีรายได้ จึงไดม้ ีแนวคิดในการจดั ทาโครงการข้ึนมาเพื่อเพิ่มศกั ยภาพให้กบั พ้ืนที่ โดยการพฒั นา
พืน้
ที่ใหต้ อบสนองนโยบายของจงหวัด และความต้องการของเจ้าของโครงการ ั
เพื่อใหเ้ กิดโครงการพฒั นาแหล่งท่องเที่ยวสวนคุณป่ ูจึงเป็ นขอ้ เสนอแนะในการก่อสร้างทาง
สถาปัตยกรรม เพื่อเป็ นที่พกั ผอ่ นหย่อนใจ และพ้ืนที่สาหรับทากิจกรรม
วิทยานิพนธ์ (วท.บ.) สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, (2563)
2563-01-01T00:00:00Z
-
บุรีรัมย์คัลเลอร์ฟูล
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8015
บุรีรัมย์คัลเลอร์ฟูล
ฐิิตินันท์, ไทยยิ่ง
จากการที่ได้เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ พบว่าจังหวัดบุรีรัมย์มีการ
เจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ เป็นอย่างมาก ท าให้ผู้วิจัยเห็นว่า
เมืองบุรีรัมย์มีสีสันในหลากหลายมิติ จึงได้มีแนวคิดที่จะน าเสนอสีสันภายในเมืองบุรีรัมย์ใน
รูปแบบของ การเสนอภาพถ่ายพร้อมกับแนวคิดการสร้าง Content ต่าง ๆ ที่สนใจ ได้มีการศึกษา
เอกสาร กรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง เพื่อน าเสนอสีสันของเมืองบุรีรัมย์ ให้บุคคลอื่น ๆ ทั้งในจังหวัด
และบุคคลภายนอก ได้รับรู้สีสันของเมืองบุรีรัมย์มากขึ้น
วิทยานิพนธ์ (วท.บ.) สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, (2563)
2563-01-01T00:00:00Z
-
ตลาดน้ำ 4 ชาติพันธุ์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8014
ตลาดน้ำ 4 ชาติพันธุ์
นางสาวเอเชีย, เอกวิเศษ
จากการที่จังหวัดบุรีรัมย์ กำลังมีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในจังหวัดบุรีรัมย์เป็นจำนวนมากจากการจัดกิจกรรมหรือไปในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จึงมีความต้องการในแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศได้มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายมากขึ้นเข้าในจังหวัดบุรีรัมย์
ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงเสนอแนะโครงการตลาดน้ำ 4 ชาติพันธุ์ จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดและเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยจะนำสินค้าของชาวบ้าน สินค้าโอทอปและของดีจังหวัดบุรีรัมย์มาจำหน่ายในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ จะทำให้ประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์มีรายได้เสริมเพิ่มมากขึ้น สามารถมีแหล่งกระจายสินค้าที่เป็นหลักแหล่ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สะดวกต่อการซื้อสินค้า โครงการนี้อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นจริงได้ภายในอนาคต
วิทยานิพนธ์ (วท.บ.) สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, (2563)
2563-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ในแหล่งท่องเที่ยวเขื่อนลำนางรอง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8013
โครงการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ในแหล่งท่องเที่ยวเขื่อนลำนางรอง
จิราภรณ์, ทะนวนรัมย์
ปัจจุบันการส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณเขื่อนกักเก็บน้ำ และในการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมีการ
รณรงค์ในการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งภาครัฐและเอกชน เขื่อนกักเก็บน้ำเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนา
มาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพราะเป็นแหล่งธรรมชาติที่สวยงามที่เต็มไปด้วย น้ำ ต้นไม้ ป่า เขา มี
สภาพภูมิทัศน์ที่เป็นธรรมชาติเป็นอย่างมาก และปัจจุบันผู้คนนิยมไปพักผ่อนในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติแบบ
นี้ เพื่อพัฒนาไปเป็นแหล่งท่องเที่ยว
งานวิจัยฉบับนี้จึงได้จัดทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น และความเป็นไปได้ของโครงการ โดยจะเป็น
โครงการที่มุ่งเน้นจะพัฒนาภูมิทัศน์ให้เหมาะกับสถานที่ท่องเที่ยว และการอนุรักษ์สภาพธรรมชาติของ
ระบบนิเวศน์ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งข้อมูลในงานวิจัยฉบับนี้กล่าวถึงความเป็นมาที่จัดทำโครงการ
วัตถุประสงค์ และแนวทางความเป็นไปได้ด้านสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการ มีข้อมูลบางส่วนที่เป็น
เพียงข้อมูลอ้างอิง ซึ่งนำมาประกอบในการจัดทำ
วิทยานิพนธ์ (วท.บ.) สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, (2563)
2563-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนบ้าสนสนวนนอก.
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8012
โครงการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนบ้าสนสนวนนอก.
ศักดิ์ศรี, นุชารัมย์
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อการออกแบบสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน ในชุมชนท่องเที่ยวบ้าน
สนวนนอกอำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ การจัดทำแบบนำเสนอสถาปัตยกรรม และ เพื่อเป็นแนวทาง
สำหรับในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนให้เป็นในทางที่ดีขึ้น โดยมีขอบเขตด้านการวิจัย เฉพาะชุมชน
บ้านสนวนนอกเท่านั้น โดยการออกแบบเพิ่มเติมฐานกิจกรรมการเรียนรู้ชุมชน จุดทำกิจกรรมรวม
นักท่องเที่ยว และ ออกแบบโฮมสเตย์หลังต้นแบบ 3 หลังเพื่อเป็นแนวทางการปรับบ้านเป็นโฮมสเตย์ในหลัง
ต่อๆไป โดยมีการดำเนินงานวิจัยได้แก่ การศึกษาสิ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน ในหลัก 5A แล้วนำมา
วิเคราะห์กับชุมชนบ้านสนวนนอก และทำการลงพื้นที่เก็บข้อมูลโฮมสเตย์ตัวอย่างทั้ง 3 หลังที่ใช้ในการ
ปรับปรุงเพื่อเป็นต้นแบบ ศึกษาหลักการพัฒนาโฮมสเตย์ ศึกษากิจกรรมการแสดงในชุมชนที่ใช้ต้อนรับนัก
เที่ยวเพื่อนำมาออกแบบอาคารกิจกรรมที่ใช้ทำการจัดแสดง และ ลงเก็บข้อมูลการประมงพื้นบ้านของ
ชุมชนสนวนนอก เพื่อใช้ในการออกแบบฐานการเรียนรู้การหาปลาชุมชน
วิทยานิพนธ์ (วท.บ.) สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, (2563)
2563-01-01T00:00:00Z
-
งานสำรวจสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7906
งานสำรวจสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
ประจญศานต์, สมบัติ
ศึกษาและสำรวจงานสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าในท้องถิ่นเพื่อบันทึกเป็นฐานข้อมูลในการอนุรักษ์โดยเสนอเป็นรายงานการสำรวจภายใต้การแนะนำดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษาเฉพาะวิชา
-
ออกแบบผ้าไหมมัดหมี่โดยการเปลี่ยนค่าน้้าหนักของสีด้วยเส้นยืนสีกลาง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7905
ออกแบบผ้าไหมมัดหมี่โดยการเปลี่ยนค่าน้้าหนักของสีด้วยเส้นยืนสีกลาง
ประจญศานต์, สมบัติ
The objectives of this research were to design colours for Mudmee silk by using
colour test of warp threads which affected fabric colours, to trial to produce a model and to
follow up silk production from local producers (weavers) in Buriram Province. The research
methodology began with a survey of chemical colour shades which are normally used by 10
sample groups of producers in Buriram Province, using the survey result to design and create
silk colour table which wove neutral-colour warp threads with 20 different colours of weft
threads, 180 complementary colours in total and measuring colour values with the CR-10
Colour Reader. It was found that the colours of warp threads had an effect on colour
combination. It created a change of intensity and value of the weft threads. When weaving
with black warp threads, the intensity was at the least level and the brightness was reduced.
While it created more intensity and brighter colours when weaving with white warp threads.
This was considered from L* value. However, no matter what neutral-colour warp threads it
was woven with, the colour values on the colour wheel remained the same. Then designed
Mudmee silk patterns and produced 18 pieces of Mudmee silk, tested the black warp
threads with the light gray one, and brown warp threads were tested with the light brown
one. The colour values from a*, b* showed the change of colours, but the original colour
shades remained. This research results can be applied to change traditional production
methods which made a single bundle of weft threads to produce 2 pieces of Mudmee
fabrics with the same pattern and colour. However, according to the research, when the weft
threads were finished, they were divided into portions. The first portion was woven with one
neutral-colour warp threads, and the rest portion was woven with another neutral-colour
warp threads. This process made 2 different colour pieces of Mudmee fabrics which created
a variety of the products and reduced production cost.
2560-06-01T00:00:00Z
-
ออกแบบผ้ามัดหมี่โดยการผสานสีด้วยสายตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7904
ออกแบบผ้ามัดหมี่โดยการผสานสีด้วยสายตา
ประจญศานต์, สมบัติ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบสีส าหรับผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่โดยมีทดสอบการ
ผสานสีทางสายตาเมื่อมีการทอขัดระหว่างไหมเส้นยืนกับไหมเส้นพุ่งสีต่างสีกัน โดยท าการทอผ้าไหมเป็น
ตาราง ใช้วิธีด าเนินการวิจัยตั้งแต่การออกแบบและทอผ้าตารางสีโดยใช้ไหมเส้นยืน 20 สี ทอขัดกันไหม
เส้นพุ่ง 19 สี ได้ตัวอย่างคู่สีทั้งหมด 380 สีท าการวัดค่าสีด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เครื่องวัดค่าสี
(colour Reader) รุ่น CR-10 และน าไปออกแบบลายมัดหมี่ที่มีการจัดโครงสี 6 แบบ รวม 36 ชิ้นงาน
ผลการวิจัยปรากฏว่า การผสานสีระหว่างไหมเส้นยืนกับไหมเส้นพุ่งสีต่างสีกันให้ผลต่างจากการผสมสี
ท าให้ค่าความจัดของสี (Intensity) น้ าหนักของสี (Value) และท าให้ความเป็นสี (Hue) เปลี่ยนไป
เด่นชัดกรณีใช้สีคู่ตรงข้ามกัน อีกทั้งท าให้เกิดประกายสีขณะที่ผ้าต้องแสงเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทางของ
แสงจะสร้างความเลื่อมพรายให้เกิดกับผืนผ้าสามารถพัฒนาสู่งานออกแบบ 4 มิติต่อไป สามารถการน า
ผลวิจัยไปใช้ประโยชน์เปลี่ยนวิธีการผลิตแบบเดิมที่ช่างมัดหมี่จะท าการมัดหมี่เส้นพุ่งคราวเดียว จะแบ่ง
ไปทอได้ผ้า 2 ผืน ที่มีแบบลายและสีสันของผ้าเหมือนกันทุกประการ แต่การผลิตตามการวิจัยเมื่อ
มัดหมี่เส้นพุ่งแล้วเสร็จ แบ่งเส้นพุ่งส่วนหนึ่งไปทอขัดกับเส้นยืนสีหนึ่ง และน าเส้นพุ่งส่วนที่เหลือไปทอ
ขัดกับเส้นยืนอีกสีหนึ่ง ท าให้ได้ผลงานผ้าไหมมัดหมี่ 2 ผืนที่มีแบบสีคนละแบบสร้างความหลากหลาย
ให้กับสินค้าและลดต้นทุนในการผลิตสินค้า
2560-06-01T00:00:00Z
-
แนวทางจัดสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยที่เป็นมิตรส าหรับผู้สูงอายุ พื้นที่ในล าน้ าห้วยจรเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7903
แนวทางจัดสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยที่เป็นมิตรส าหรับผู้สูงอายุ พื้นที่ในล าน้ าห้วยจรเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย
ประจญศานต์, สมบัติ
โครงการวิจัยแนวทางจัดสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยที่เป็นมิตรส าหรับผู้สูงอายุ พื้นที่ในล าน้ า
ห้วยจรเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลของผู้สูงอายุ เลือกสุ่มกรณีศึกษาจ านวน 136 คน
ตามพื้นที่ต้นน้ า กลางน้ า และปลายน้ าของล าน้ าห้วยจรเข้มาก ได้แก่ 1) บ้านบุขี้เหล็ก ต าบลแสลงพัน
อ าเภอล าปลายมาศ 2) บ้านม่วงใต้ ต าบลบ้านบัว อ าเภอเมือง 3) บ้านหนองหัวลิง ต าบลอิสาณ
อ าเภอเมือง และ 4) ชุมชนวัดอิสาณ เขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ อ าเภอเมือง ใช้การสัมภาษณ์เจาะลึก
และส ารวจสภาพที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมในชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัย 3 ประการ ได้แก่
1) ศึกษาสภาพแวดล้อมของสถานที่สาธารณะในชุมชน 2) ศึกษาที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุและ 3) เสนอ
แนวทางการจัดสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ ผู้วิจัยพบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มี
บ้านพักอาศัยที่สร้างมานานกว่า 30 ปี กรรมสิทธิ์เป็นของผู้สูงอายุและสร้างบนที่ดินของตนเอง ส่วน
ใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว วัสดุครึ่งปูนครึ่งไม้จ านวนชั้นเดียวสัดส่วนใกล้เคียงกับบ้านสองชั้น ช่วงกลางวัน
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับพื้นที่เฉลียงหน้าบ้านหรือใต้ถุนบ้าน นอนตอนกลางคืนที่ชั้นล่างของบ้าน
สภาพบ้านมีความสัมพันธ์กับสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม แต่ยังคงมีบ้านของผู้สูงอายุจ านวน 2 คน
ไม่มีไฟฟ้าใช้ จ านวน 4 คน ไม่มีห้องน้ าห้องส้วมใช้ ส่วนใหญ่ไม่มีการปรับปรุงสภาพเพื่อให้ผู้สูงอายุใช้
สอยได้สะดวก ปลอดภัย สอดคล้องกันทุกพื้นที่ โดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่เรียกร้องให้มีการปรับปรุงบ้าน
เพื่อให้ตนเองอยู่อย่างสะดวก ปลอดภัย แต่อาศัยความเคยชิน การปรับตัว และการระมัดระวังตัวเอง
สภาพแวดล้อมในชุมชนยังไม่ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ผู้สูงอายุเท่าที่ควร วัดในชุมชนเป็นสถานที่ที่
ผู้สูงอายุเดินทางไปท ากิจกรรมแล้วเห็นว่ามีสภาพเสี่ยงต่อการหกล้มเนื่องจากพื้นลื่นท าให้เข้าใช้สอยไม่
สะดวก ไม่ปลอดภัย อุปสรรคส าคัญในการปรับปรุง คือ งบประมาณ ดังนั้น การปรับปรุงที่อยู่อาศัย
ของผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยต้องอาศัยองค์กรทางสังคม เช่น องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ส านักงาน
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรการกุศล ภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนด าเนินการเพื่อให้
เป็นที่พักอาศัยและสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ รวมทั้งอาศัยคนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมดูแล
ผู้สูงอายุเพื่อก่อให้เกิดสุขภาวะที่ดีร่วมกัน
2556-10-30T00:00:00Z
-
สภาพการอนุรักษ์อุโบสถพื้นถิ่น ในจังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7902
สภาพการอนุรักษ์อุโบสถพื้นถิ่น ในจังหวัดบุรีรัมย์
ประจญศานต์, สมบัติ; ประจญศานต์, สมบัติ
การศึกษาสภาพการอนุรักษ์อุโบสถพื้นถิ่น ในจังหวัดบุรีรัมย์ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ได้แก่ เพื่อศึกษาสภาพและแนวทางการอนุรักษ์อุโบสถพื้นถิ่น จังหวัดบุรีรัมย์ที่สำคัญในอำเภอ เมือง ห้วยราช สตึก นางรอง ประโคนชัย ประคำ จำนวน 13 อาคาร พบว่า อุโบสถส่วนใหญ่มีอายุของอาคารตั้งแต่ 51 ปีขึ้นไป โดยมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญ คือ เป็นอุโบสถพื้นบ้านชั้นเดียว ส่วนใหญ่เป็นอุโบสถทึบ มีผังพื้น 5 ลักษณะ ได้แก่ แบบทรงโรง แบบทรงโรงมีเสาร่วมใน แบบทรงโรงมีเสาร่วมในและระเบียง แบบทรงโรงมีเสาร่วมในและลานประทักษิณ รวมถึงแบบมีมุขหน้า มุขหลังและลานประทักษิณ โดยจะพบขนาด 5 ห้อง เป็นส่วนมาก นิยมยกพื้นอาคารสูงกว่าระดับดิน รูปทรงของหลังคามีความสัมพันธ์กับผังพื้นและขนาดของอาคารแต่ละหลังมีทั้งหลังคาทรงจั่วเปิด ทรงจั่วปิดมีปีกนก ทรงจั่วมีมุขประเจิด ทรงจั่วปิดมีปีกนก กันสาด และหลังคาคลุมระเบียง จากการศึกษาสามารถจำแนกสภาพของอุโบสถออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มหนึ่งมีสภาพทรุดโทรมมาก รอวันเสื่อมสภาพโดยผู้ดูแลรักษาหรือชุมชนเห็นว่าอุโบสถมีขนาดเล็กไม่พอเพียงต่อการใช้สอย จึงสร้างอุโบสถหลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งส่วนใหญ่ลักษณะเป็นแบบอุโบสถภาคกลางที่ไม่ได้รักษาเอกลักษณ์ภูมิปัญญาอีสานดั้งเดิมของบรรพบุรุษ อีกกลุ่มสภาพอาคารชำรุดบางส่วน บางหลังยังไม่มีการซ่อมแซม แต่ก็ยังใช้ประกอบสังฆกรรม บางวัดเมื่อมีทุนทรัพย์ก็จะสร้างอุโบสถหลังใหม่เช่นเดียวกับกลุ่มแรก หากมีทุนทรัพย์เหลือจากการสร้างอุโบสถหลังใหม่ก็นำมาซ่อมแซมอุโบสถหลังเก่าด้วยช่างท้องถิ่น หรือผู้รับเหมาท้องถิ่นที่ขาดหลักวิชาการอนุรักษ์ บางหลังที่มีผู้นำในการอนุรักษ์เป็นผู้นำทางสังคมหรือการเมือง จะอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมจากกรมศิลปากรมาให้คำปรึกษาในการอนุรักษ์โดยทุกชุมชนล้วนประเมินคุณค่าอาคารว่ามีคุณค่าทางสังคม มีแรงจูงใจในการอนุรักษ์เพื่อพิทักษ์มรดกทางสังคม และเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ชนรุ่นหลังได้รู้จักและเกิดความภาคภูมิใจ
ข้อเสนอแนะ ควรให้นายช่างหรือช่างที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นได้มีโอกาสถ่ายทอดและให้นักวิชาการสกัดภูมิปัญญาเชิงสถาปัตยกรรมวิศวกรรมจากอาคารพื้นถิ่นสู่ความรู้สากลที่เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นแบบเรียนหรือหลักสูตรการอบรม นำเสนอแก่คนทุกกลุ่มในสังคม และกระตุ้นชุมชนให้เข้ามาร่วมเป็นผู้กำหนดเป้าหมายการอนุรักษ์ที่ชัดเจน ซึ่งคำนึงถึงวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมของชุมชนเพื่อจะได้ตระหนักถึงคุณค่าของอาคาร อันนำมาสู่การร่วมกันคิด ร่วมกันวางแผนการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากอาคารร่วมกันต่อไปจนกลายเป็นการจัดตั้งองค์กรท้องถิ่น เพื่อการอนุรักษ์และพัฒนา ขยายผลสู่การออกกฎข้อบังคับหรือมาตรการพิทักษ์รักษาที่ส่งผลต่อความสมดุลทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมชุมชน
2549-12-15T00:00:00Z
-
โครงการถ่ายทอดความรู้เทคนิคออกแบบโครงสีในผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัย เพื่อเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7685
โครงการถ่ายทอดความรู้เทคนิคออกแบบโครงสีในผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัย เพื่อเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จังหวัดบุรีรัมย์
ประจญศานต์, สมบัติ
คุ่มือถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนในโครงการถ่ายทอดความรู้เทคนิคออกแบบโครงสีในผ้าไหมมัดหมี่ร่วมสมัย เพื่อเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย โครงการจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงชุมชน สังคม
จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปีงบประมาณ 2563
2564-01-04T00:00:00Z
-
โครงการถ่ายทอดเทคนิคการออกแบบผสานสีทางสายตาในผ้าไหมมัดหมี่ สินค้าทางวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ในหมู่บ้านท่องเที่ยวไหม จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7684
โครงการถ่ายทอดเทคนิคการออกแบบผสานสีทางสายตาในผ้าไหมมัดหมี่ สินค้าทางวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ในหมู่บ้านท่องเที่ยวไหม จังหวัดบุรีรัมย์
ประจญศานต์, สมบัติ
คู่มือถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนโครงการถ่ายทอดเทคนิคการออกแบบผสานสีทางสายตา
ในผ้าไหมมัดหมี่ สินค้าทางวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ในหมู่บ้านท่องเที่ยวไหม จังหวัดบุรีรัมย์ สนับสนุนโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ปี2562
2563-07-06T00:00:00Z
-
เทคนิคการออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมัดหมี่
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7683
เทคนิคการออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมัดหมี่
ประจญศานต์, สมบัติ
คู่มือการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานมัดหมี่ สนับสนุนโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปี 2563
2564-05-28T00:00:00Z
-
สูจิบัตรนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์งานศิลป์ พร่าเลือนในไหมมัดหมี่
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7682
สูจิบัตรนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์งานศิลป์ พร่าเลือนในไหมมัดหมี่
Prajonsant, Sombat
สูจิบัตรนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์งานศิลป์พร่าเลือนในไหมมัดหมี่ ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศิลป์ สนับสนุนโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดแสดงร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ภายใต้งานเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ (ISAN CREATIVE FESTIVAL)
ระหว่างวันที่ 9-18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564
2564-07-09T00:00:00Z
-
ภูมิปัญญาการดีดบ้านในจังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7378
ภูมิปัญญาการดีดบ้านในจังหวัดบุรีรัมย์
Nattapong Mali-ngam, Mali-ngam; Sombat, Prajonsant; Sudarat, Peenapa
The purposes of this research were to study (1) the state of house renovation and (2)
the house lifting local wisdom of technicians in Buri Ram province. The qualitative study was
used by investigating six groups of technicians. It was found that the technicians raised the
house lifting wisdom by their own experiences without the engineering or architecture
education background. The house lifting generated by local technicians could be applied to
houses made from wood, wood and masonry, and also reinforced concrete houses. The
result showed that house renovations were needed to; 1) solve settlement problem 2)
extend the floor to floor height 3) strengthen the house column and footing and 4) relocate
the house. The renovation process needed house lifting, building structures editing, wall
strengthening, and whole structure relocating.
2563-06-01T00:00:00Z
-
การออกแบบลายมัดหมี่จากเครื่องแขวนไทยดอกไม้สดแบบวิมานแท่น
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6969
การออกแบบลายมัดหมี่จากเครื่องแขวนไทยดอกไม้สดแบบวิมานแท่น
ประจญศานต์, สมบัติ
วิมานแท่นเป็นรูปแบบหนึ่งของงานเครื่องแขวนไทยดอกไม้สด อันเกิดจากการร้อยดอกไม้สดเป็นเส้นสายและประกอบเข้าเป็นรูปร่างหรือรูปทรง เพื่อใช้แขวนตกแต่งสถานที่ ผู้ออกแบบมีแรงบันดาลใจในการแปรเปลี่ยนองค์ประกอบสู่การสร้างสรรค์ลายมัดหมี่ ซึ่งอาศัยกระบวนการออกแบบเรขศิลป์ด้วยเทคนิคการลดรูป โดยพบว่า 1) เครื่องแขวนไทยดอกไม้สดแบบวิมานแท่นสามารถใช้เป็นลายมัดหมี่ได้ 2) การใช้เทคนิคการกำหนดลายในตารางทำให้ช่างมัดหมี่สามารถตามแบบได้โดยง่าย และ 3) ช่างย้อมสีสามารถแยกสีในการย้อมแต่ละครั้งจากแบบลายสีได้ แต่การออกแบบลายมัดหมี่นั้นจำเป็นต้องเข้าใจกระบวนการก่อรูปของลายมัดหมี่จึงจะได้ผลงานตรงตามจินตนาการ
2563-01-01T00:00:00Z
-
การสร้างคุณค่าและมูลค่าการท่องเที่ยวโดยชุมชนผ่านสินค้าที่ระลึก
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6968
การสร้างคุณค่าและมูลค่าการท่องเที่ยวโดยชุมชนผ่านสินค้าที่ระลึก
ประจญศานต์, สมบัติ; ประจญศานต์, สมบัติ; ประจญศานต์, สมบัติ
การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นกระบวนการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นแบบบูรณาการมีเป้าหมายคือความยั่งยืนของชุมชนที่สมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความผาสุกทางสังคม สมดุลระหว่างชุมชนเจ้าบ้านและผู้มาเยือน ทั้งประเด็นความต้องการ-ความพอเพียง การอนุรักษ์-การพัฒนา การให้ประโยชน์-การใช้ประโยชน์ การควบคุม-การส่งเสริม อีกทั้งการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ยั่งยืนยังนำไปสู่การพัฒนาตามแนวทางประยุกต์ใช้หลักคิดขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานไว้ให้ ดังแนวทางเข้าใจ-สืบสาน เข้าใจถึงบริบทของชุมชน และหลักการพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานทรัพยากรธรรมชาติ และวัฒนธรรมของชุมชน มีปณิธานในการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นภูมิคุ้มกันของชุมชน
2563-01-01T00:00:00Z
-
ฐานข้อมูลสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6967
ฐานข้อมูลสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์
ประจญศานต์, สมบัติ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่มีคุณค่าในชุมชนท้องถิ่น จำนวน 169 ชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ และจัดทำฐานข้อมูลสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น วิธีการดำเนินการวิจัยได้ทำการสำรวจภาคสนามประกอบการสัมภาษณ์เจ้าของอาคารหรือผู้ดูแลอาคารแล้ว นำมาจัดทำฐานข้อมูลและประมวลผล ผลการสำรวจได้ข้อมูลสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น และภาพถ่ายจำนวน 532 หลัง ที่ตั้งอยู่ใน 21 อำเภอ นำมาจัดทำเป็นฐานข้อมูลชื่อ Buriram Vernacular Architecture Database : Buriram VAD โดยเข้าถึงออนไลน์ที่ http://cul.bru.ac.th/vad/ ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัย คือ ควรมีการดำเนินการวิจัยต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มจำนวนข้อมูล ติดตามสภาพของอาคารในฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน โดยส่งเสริมให้สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยพัฒนาการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลให้เป็นรูปธรรม และสามารถประชาสัมพันธ์สู่กลุ่มนักวิชาการ นักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวต่อไป
2563-01-01T00:00:00Z
-
กระบวนการเรียนรู้การออกแบบและผลิตผ้าไหมมัดหมี่ทอมือ หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6966
กระบวนการเรียนรู้การออกแบบและผลิตผ้าไหมมัดหมี่ทอมือ หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม จังหวัดบุรีรัมย์
ประจญศานต์, สมบัติ
จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแหล่งที่มีภูมิปัญญาการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและผลิตเป็นผ้าทอมือที่มีคุณภาพโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ทอมือ แต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ยังมีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากลวดลาย สีสัน และเนื้อผ้า โครงการนี้จึงได้นำองค์ความรู้เรื่องเทคนิคการออกแบบลายมัดหมี่จากแม่ลาย ร่วมกับการออกแบบสีโดยการผสานสีด้วยสายตาและการเปลี่ยนค่าน้ำหนักด้วยเส้นด้ายยืนสีกลางมาถ่ายทอดความรู้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 5 หมู่บ้านท่องเที่ยวไหมจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 30 คน โดยใช้กระบวนการอบรมเชิงปฏิบัติการถ่ายทอดความรู้และทักษะเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผลที่เกิดกับชุมชนพบว่าทุกกลุ่มสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปใช้ร่วมกับ ภูมิปัญญาที่มีเพื่อการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ได้ต้นแบบจำนวน 40 ผืนที่มีความหลากหลายจากเดิม แต่ยังพบตำหนิของผ้าที่เกิดจากความบกพร่องในการผลิต เช่น ความยาวมาตรฐานของผืนผ้า เมื่อมีการผลิตเพื่อจำหน่ายพบว่า ความหลากหลายด้านสีสันและความแปลกใหม่ ทันสมัยของลวดลายส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค การติดตามผลความยั่งยืนของการเปลี่ยนแปลงพบว่ามีการผลิตซ้ำผ้าต้นแบบ มีการออกแบบประยุกต์ และนำเทคนิคมาใช้ออกแบบลายและสีสันใหม่เพิ่มขึ้น
2563-03-24T00:00:00Z
-
การประยุกต์ใช้โปรแกรมนำเสนอทางสถาปัตยกรรม 3 มิติ เพื่อการก่อสร้าง กรณีศึกษา โครงการกลุ่มอาคารปฏิบัติการด้านสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6688
การประยุกต์ใช้โปรแกรมนำเสนอทางสถาปัตยกรรม 3 มิติ เพื่อการก่อสร้าง กรณีศึกษา โครงการกลุ่มอาคารปฏิบัติการด้านสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ธนกร, รอบแคว้น
การประยุกต์ใช้โปรแกรมนำเสนอทางสถาปัตยกรรม 3 มิติ เพื่อการก่อสร้าง
กรณีศึกษา โครงการกลุ่มอาคารปฏิบัติการด้านสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
Application of 3D presentation program for construction
A case study of social Sciences lab Building Buriram Rajabhat University
วท.บ. เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ , 2562
2559-01-01T00:00:00Z
-
โรงแรมเซาะซแรย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6687
โรงแรมเซาะซแรย์
สุกัญญา, ฝางนอก
จากการที่จังหวัดบุรีรัมย์มีนโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัด เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของจังหวัดจึงได้จัดทำโครงการขึ้นมาเพื่อรองรับต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น และเพื่อเป็นการสร้างงานให้กับคนที่ว่างงานให้มีรายได้ จึงได้มีแนวคิดในการจัดทำโครงการขึ้นมาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับพื้นที่โดยเปลี่ยนเป็นการใช้งานเชิงพื้นที่สาธารณะ พื้นที่พักผ่อนหย่อนใน พื้นที่ทำกิจกรรม ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโครงการและพื้นที่
เพื่อให้เกิดโครงการโรงแรมเซาะซแรย์จึงเป็นข้อแสนอแนะในการก่อสร้างอาคารสถาปัตยกรรมเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและพื้นที่ทำกิจกรรม
วท.บ. เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ , 2562
2562-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 เพื่อเป็นอาคารเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6686
โครงการออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 เพื่อเป็นอาคารเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ทศวรรษ, ใจภพ
โครงการออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 เพื่อเป็นอาคารเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันของอาคาร 13 2. เพื่อศึกษาการจัดการเรียนการสอนคณะพยาบาลศาสตร์และจัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อการออกแบบ 3.ออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 และนำเสนอผลการออกแบบให้แก่คณะพยาบาลศาสตร์ปัจจุบันอาคาร 13 ใช้เป็นการเรียนการสอนคณะวิทยาการจัดการและด้วยทางคณะวิทยาการจัดการเองได้มีตึกใหม่ที่ใช้ในการเรียนการสอน ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์จึงมีแนวคิดที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่และคณะพยาบาลศาสตร์มีความประสงค์ที่จะปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร13เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนของคณะพยาบาลศาสตร์จึงนำมาสู่งานวิจัยเพื่อปรับปรุงอาคารเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับสามารถที่จะตอบสนองความต้องการด้านพื้นที่ในการเรียนการสอนให้เพิ่มมากขึ้น ได้แนวทางในการออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 สามารถรองรับพื้นที่ในการทำกิจกรรมของนักศึกษาพื้นที่การทำงานของอาจารย์และสร้างบรรยากาศให้เอื้ออำนวยต่อการใช้งาน
วท.บ. เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ , 2562
2562-01-01T00:00:00Z
-
การวิเคราะห์ความเสียหายของอุโบสถพื้นถิ่นในจังหวัด บุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6685
การวิเคราะห์ความเสียหายของอุโบสถพื้นถิ่นในจังหวัด บุรีรัมย์
พิพัฒน์, เกรัมย์
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษา วิเคราะห์ความเสียหายของอุโบสถพื้นถิ่นในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปมาทำการศึกษาจำนวน 8 หลัง ได้แก่ วัดหนองบัวเจ้าป่า วัดบวร วัดหลักศิลา
วัดโพธาราม วัดโพธิ์ทอง วัดบรมคงคา วัดท่าเรียบ และวัดสุคันธารมย์ โดยแยกเป็นย่อย 3 กลุ่มตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมของอุโบสถ รวมทั้งวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับอุโบสถ จึงจำเป็นต้องลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลและทำการถ่ายภาพรอยร้าวเพื่อใช้ในการวิจัย จากการศึกษานี้ พบว่าความเสียหายนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยแบ่งตามลักษณะของรอยร้าวได้ 6 ประเภท ได้แก่ รอยร้าวเฉียงหรือทแยงมุม รอยร้าวแตกลายงา รอยร้าวเฉียงมุมวงกบประตูและหน้าต่าง รอยร้าวจุดต่อผนัง รอยร้าวในแนวรอบ รอยร้าวในแนวดิ่ง เมื่อทำการวิเคราะห์ความเสียหายเหล่านั้นแล้วอย่างละเอียด จึงได้พบปัจจัยที่ก่อให้เกิดรอยร้าว มี 4 ปัจจัย ได้แก่ ความชื้น
น้ำหนักโครงสร้าง การทรุดตัว การเสื่อมสภาพของวัสดุ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานของอุโบสถอีกด้วย หลังจากทราบถึงปัจจัยที่ได้กล่าว มาข้างต้นแล้ว จึงนำผลที่ได้มาอภิปรายผลและให้ข้อเสนอแนะกับผู้ดูแลอาคารและผู้วิจัยท่านอื่นต่อไป
วท.บ. เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ , 2561
2562-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบรีสอร์ท
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6684
โครงการออกแบบรีสอร์ท
พลกฤษณ์, นวลเจริญ
เจ้าของโครงการมีที่ดิน ตั้งอยู่ หมู่ 3 ตำบลแสลงโทน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีเนื้อที่ดินทั้งหมด 43,761.13 ตารางเมตร เจ้าของโครงการต้องการที่จะพัฒนาที่ดินสร้างเป็นรีสอร์ทและสนามฟุตบอล โดยมีความต้องการจำนวนบ้านพัก 40 หลัง ผู้วิจัยได้ศึกษาวิเคราะห์กฎหมายควบคุมอาคาร มาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยวประเภทสถานพักตากอากาศ (รีสอร์ท) ระดับ 4 ดาว ได้วางผังบริเวณไว้เป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นพื้นที่รีสอร์ท ส่วนที่ 2 เป็นพื้นกีฬา ส่วนที่ 3 เป็นพื้นที่สำหรับที่พักพนักงาน รูปแบบอาคารโดยร่วมของโครงการมีสไตล์โมเดิร์น หลังคาทรงจั่วสูง เปิดโล่ง เป็นเอกลักษณ์ของหลังคาโรงนา มีเพดานสูงหรือเรียกว่า Double Volumn มีข้อได้เปรียบเรื่องการถ่ายเทอากาศได้ดี ลักษณะความสูงของหลังคามีความใกล้เคียงกับเรือนไทย หลังคาทรงจั่ว ระบายความร้อนได้ดี
วท.บ. เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ , 2561
2561-01-01T00:00:00Z
-
การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการอนุรักษ์อุโบสถ์พื้นถิ่น
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6683
การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการอนุรักษ์อุโบสถ์พื้นถิ่น
ภารัชน์, เจ็นประโคน
งานวิจัยการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการอนุรักษ์อุโบสถถิ่นภายในบริเวณภาคอีสานใต้ มี
วัตถุประสงค์ของงานวิจัยเพื่อศึกษาความเป็นมาของอุโบสถ์และความสําคัญของวัดติอชุมชน ศึกษา
ประวัติความเป็นมาของอาคารและศึกษาลักษณะทางกายภาพของอุโบสถและนํามาสูงการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการอนุรักษ์ตัวอุโบสถ์ โดยอาศัยกระบวนการวิจัยภาคสนามหรือกรณีศึกษา จากการสํารวจและสัมภาษณ์จาก
ประชาชนในชุมชน นอกจากนี้ผู้วิจัยยังศึกษารูปแบบการจัดทําสื่อสิ่งพิมพ์จากการวิเคราะห์กรณีศึกษา
เพื่อเปรียบเทียบข้อดีหรือข้อปรับปรุง ของรูปแบบการนําเสนอ เพื่อใช้เป็๋นฐานข้อมูลนําไปสู้ขั้นตอน
การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ ให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับอาคารสถาปัตยกรรมอุโบสถพื้นถิ่น
สื่อสิ่งพิมพ์ที่เปฺ็นรูปแบบหนังสือ หรือแผ่นพับสามารถนําเรื่องราวข้อมูลของอาคารอุโบสถพื้น
ถิ่นมาไว้รวมกัน เพื่อความสะดวกสบายในการสืบค้นและบันทึกข้อมูลไว้ไม่ใ่ห้สูญหาย
วท.บ. เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ , 2560
2561-01-01T00:00:00Z
-
ศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตรและฟาร์มสเตย์บ้านสวนแก้วธิดา ตำบลบ้านยาง อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6682
ศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตรและฟาร์มสเตย์บ้านสวนแก้วธิดา ตำบลบ้านยาง อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
สุภัทรา, มัตธิตะถัง
งานวิจัยนี้เกิดขึ้นจากปัญหาด้านการวางผังบริเวณและการขาดแนวคิดในการจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในโครงการที่ชัดเจน อาคารมีไม่เพียงพอสำหรับการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเข้ามาเรียนรู้ และการขาดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้เชิงเกษตร ดังนั้นวัตถุประสงค์ในการวิจัยจึงเพื่อศึกษาและออกแบบผังบริเวณ ปรับสภาพภูมิทัศน์ศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตรและฟาร์มสเตย์ รวมถึงการจัดกิจกรรมเชิงเกษตรตามฤดูกาลของพืชผักที่หมุนเวียนไปในแต่ละเดือนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ได้แก่ อาคารศูนย์การเรียนรู้ โรงเพาะปลูก เล้าเป็ดเล้าไก่ โรงเพาะเห็ด ห้องทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากวัตถุดิบในสวน การออกแบบผังบริเวณที่สอดคล้องกับกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้เกิดสิ่งดึงดูดให้กับโครงการ และเสริมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เช่น ร้านอาหาร ที่พัก ที่ยังคงเอกลักษณ์ของท้องถิ่นไว้ การใช้ผลผลิตในสวนเพื่อนำมาประกอบอาหาร และการออกแบบสิ่งปลูกสร้างทางสถาปัตยกรรมภายในโครงการที่เลือกนำวัสดุที่ได้จากสวนมาใช้ เช่น ไม้ไผ่ หญ้าแฝก เป็นต้น และการออกแบบอาคารที่พักแบบฟาร์มสเตย์ที่สามารถรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งแบบมาเป็นกลุ่มเพื่อการเรียนรู้และมาเป็นคู่หรือแบบครอบครัวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ
จากผลการวิจัยส่งผลให้เจ้าของโครงการได้แบบและแนวคิดที่สามารถนำไปใช้พัฒนาโครงการศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตรและฟาร์มสเตย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ
วท.บ. เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ , 2560
2560-01-01T00:00:00Z
-
ออกแบบโรงแรมจินตนารีสอร์ท
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6606
ออกแบบโรงแรมจินตนารีสอร์ท
บัณฑิต, แวงดงบัง
การทำวิจัยเรื่องออกแบบโรงแรมจินตนารีสอร์ทครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำมาปรับปรุงรูปแบบงานสถาปัตยกรรม ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และวัตนธรรมท้องถิ่นแล้วนำมาประยุกต์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเน้นเรื่องการออกแบบอาคารให้สอดคล้องกับสภาพอากาศ ณ ที่ตั้ง เช่น
1.ทิศทางแสงแดด ได้มีการออกแบบแผงกันแสงแดดให้เข้ากับตัวอาคารที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดีด้วย
2. ทิศทางลม ได้มีการออกแบบช่องเปิดอาคารให้ตรงตำแหน่งที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี
3. ทิศทางฝน ได้ออกแบบการยืดหดของตัวอาคารในตำแหน่งที่เหมาะสม
จากการวิเคราะห์ได้แนวทาง เพื่อการนำเสนอในรูปแบบงานออกแบบสถาปัตยกรรม ให้มีความสอดคล้องกับพื้นที่ ที่เป็นเอกลักษณ์
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2559
2559-01-01T00:00:00Z
-
สื่อเพื่อการท่องเที่ยวชุมชนหนองบัวเจ้าป่า อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6605
สื่อเพื่อการท่องเที่ยวชุมชนหนองบัวเจ้าป่า อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
วันชัย, ยิ้มมะเริง
การศึกษาโครงการวิจัยเรื่อง สื่อเพื่อการท่องเที่ยวชุมชนหนองบัวเจ้า อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. ศึกษาข้อมูลทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน บ้านหนองบัวเจ้าป่า อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
2. ออกแบบปรับปรุงบ้านพักอาศัยเป็นโฮมสเตร์
3. ออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์และกิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชน บ้านหนองบัวเจ้าป่า อ.สตึก
จ.บุรีรัมย์
ผู้วิจัยศึกษาเก็บรวบรวมข้อมูล เอกสาร ตำราข้อมูลจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาใช้ในการออกแบบ
ด้านเนื้อหาการออกแบบประกอบด้วย การออกแบบอาคารบ้านพักโฮมสเตย์แบบปรับปรุงใหม่และต่อเติมบางส่วน การออแบบสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อประชาสัมพันธ์ในงานวิจัยชิ้นนี้ ผู้วิจัยเลือกการออกแบบแผ่นพับเพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้เหมาะสมกับกลุ่มผู้ใช้ เช่น นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในชุมชน และสื่อวิดีทัศน์เพื่อนำเสนอข้อมูลแหล่งด้านการท่องเที่ยวชุมชน ประเพณี กิจกรรม อาชีพ ซึ่งจะทำให้ผู้ชมได้เรียนรู้และเข้าชุมชนหนองบัวเจ้าป่ายิ่งขึ้น
ผลการศึกษาโครการพบว่าการทำงานออแบบสื่อเพื่อการท่องเที่ยวชุมชนหนองบัวเจ้าป่า ควรมีการเก็บข้อมูลให้รอบด้าน เช็คข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนก่อนนำมาออแบบโฮมสเตย์และออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์และการออกแบบสื่อควรสัมพัมธ์กันโดยเฉพาะเนื้อหา ภาพประกอบ ดนตรีประกอบ และการบรรยายจึงจะทำให้สื่อนั้นสมบรูณ์
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2559
2559-01-01T00:00:00Z
-
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านมะเฟือง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6604
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านมะเฟือง
กรรณิกา, สังสีแก้ว
ชุมชนบ้านมะเฟือง ได้มีแนวคิดในการสร้าง “ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านมะเฟือง” เพื่อเป็นสถานที่สำหรับช่วยให้ชุมชนได้มีสถานที่รวบรวมและจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางโบราณคดี วัตถุโบราณ สิ่งของเครื่องใช้ วัตถุทางวัฒนธรรมรวมถึงความรู้ภูมิปัญญาที่มีอยู่หรือเคยมีอยู่ในชุมชนหรือประวัติความเป็นมาและยังแสดงให้เห็นถึงกลุ่มคน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ทางสังคม วัฒนธรรมที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์การเรียนรู้ จัดตั้งขึ้นเพื่อบริการสังคมและเพื่อพัฒนาสังคม โดยเปิดโอกาสให้สาธารณชนเข้าไปใช้บริการ การออกแบบศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านมะเฟือง อาศัยการศึกษาข้อมูลจากเอกสาร หนังสือและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในการออกแบบอาคารศูนย์การเรียนรู้และอาคารประเภทเดียวกัน การลงพื้นที่สำรวจการศึกษาอาคารตัวอย่างและการสัมภาษณ์จากเจ้าของโครงการ เพื่อเป็นข้อมูลในการออกแบบ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ พื้นที่ปฏิบัติการการเรียนรู้และพื้นที่อื่นๆในโครงการ ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไปควรเน้นการเข้าไปเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอย่างใกล้ชิดเพื่อการออกแบบที่สมบูรณ์
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2559
2559-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบก่อสร้างศาลาสันติธรรม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6603
โครงการออกแบบก่อสร้างศาลาสันติธรรม
กรฤต, เกือกรัมย์
จากโครงการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ที่สาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมได้นำนักศึกษาลงพื้นที่ในวัดชัยมงคล อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เพื่อสำรวจโบสถ์ไม้เก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ต่อมาทางวัดมีโครงการที่สร้างศาลาสันติธรรม เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่างๆทางศาสนา เช่น พิธีศพ จัดอบรมธรรมะให้แก่นักเรียนนักศึกษา เป็นต้น ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้เสนอหัวข้อ การออกแบบศาลาสันติธรรม เพื่อนำผลงานออกแบบรวมถึงแบบก่อสร้างไปใช้ในการก่อสร้างอาคารศาลาสันติธรรม ในการวิจัยโครงการออกแบบก่อสร้างศาลาสันติธรรม ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสาร แนวคิดการออกแบบสถาปัตยกรรม ในการออกแบบอาคารศาลาสันติธรรมนี้มีสถาปนิก (อาจารย์วิสาข์ แฝงเวียง) ค่อยให้คำปรึกษาและดูแลการออกแบบ และดำเนินการเขียนแบบศาลาสันติธรรม โดยมีวิศวกร (อาจารย์.ดร.จิราวัฒน์ วิมุตติสุขวิริยา) คอยให้คำปรึกษาด้านโครงสร้าง คำนวณแบบโครงสร้างและตรวจแบบวิศวะกรรม
จากการศึกษาผู้วิจัยได้ทำการออกแบบได้ผลงานในการออกแบบ ประกอบด้วย แบบอาคารศาลาสันติธรรม แบบก่อสร้างเพื่อใช้ในการก่อสร้างตัวอาคารศาลาสันติธรรม และเรียบเรียงเป็นเอกสารฉบับสมบูรณ์และผลงานงานวิจัย เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการวิจัย และให้วัดชัยมงคลนำไปใช่ประโยชน์ต่อไป
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2559
2559-01-01T00:00:00Z
-
การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์งานราชภัฏวิจัย ครั้งที่ 4
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6602
การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์งานราชภัฏวิจัย ครั้งที่ 4
อรรถพล, จีนเกา
การศึกษาโครงการวิจัยเรื่อง การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์งานราชภัฏวิจัย ครั้งที่ 4 โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1)เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดงานราชภัฏวิจัย ครั้งที่ 4 2)เพื่อการออกแบบด้านการสื่อสาร ด้านการสื่อสาร ด้านการประชาสัมพันธ์ ด้านการออกแบบการจัดนิทรรศการและผังบริเวณ 3)เพื่อเผยแพร่ผลงานสู่บุคคลภายนอก ผู้วิจัยได้เริ่มศึกษารวบรวมด้านเอกสารตำรา,การจัดงานในปีที่ผ่านมา,งานวิจัยที่เกี่ยวข้องนำมาใช้ในการออกแบบประชาสัมพันธ์ ด้านเนื้อหาการออกแบบจะมีรูปแบบนิทรรศการ การออกแบบซุ้มและบูธ เพื่อนำเสนอผลงานของนักวิจัยให้ผู้มีความสนใจได้เข้ารวมชม รวมถึงการออแบบโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ โปสเตอร์นักวิจัยดีเด่นและแผ่นพับ สามารถนำมาเผยแพร่สู่เว็บไซต์ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ที่จะเข้ารวมงานได้ศึกษารูปแบบการจัดงานก่อนเข้ารวมงานในช่วงการจัดงาน ผลการศึกษาโครงการวิจัยพบว่า การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์งานราชภัฏวิจัย ครั้งที่ 4 จะต้องเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบและพัฒนาผลงานจริงให้สมบูรณ์ ดั้งนั้นการทำงานวิจัยจึงได้เรียนรู้กระบวนการทำงานวิจัย ได้ผลงานการออกแบบที่สมบูรณ์ และสามารถนำไปเผยแพร่ต่อไปได้
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2559
2559-01-01T00:00:00Z
-
การออกแบบศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตลูกพระธาตุ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6601
การออกแบบศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตลูกพระธาตุ
จินดารัตน์, กางไธสง
เนื่องจากปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง
เป็นไปอย่างรวดเร็ว การพัฒนาด้านการสื่อสาร และเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมโดยภาพรวม
เป็นสังคมนิยมวัตถุ เน้นการตอบสนองความต้องการทางด้านวัตถุ และเงินเป็นหลัก ขาดการพัฒนา
ทางด้านจิตใจ ให้รู้เท่าทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลง ความเห็นแก่ตัวมากขึ้น การรวมกลุ่มช่วยเหลือ
ซึ่งกันและกันน้อยลง หวังพึ่งพิงผู้อื่นจนลืมพัฒนาตนเอง จึงจ าเป็นที่จะต้องมีการส่งเสริมให้ชุมชนมี
ความรู้ ความเข้าใจ ในภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอย่างจริงจัง ให้เห็นและปฏิบัติได้ผล
จริงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้เพื่อเป็นการฟื้นฟูคุณธรรม จริยธรรม หรือภูมิปัญญาที่เคยมีอยู่คู่ชุมชนให้
กลับคืนมาเป็นชุมชนที่มีความอบอุ่น เอื้ออาทรและพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนที่สุด ท าให้เจ้าของโครงการ
คือ นางสาวคคนาง ช่อชู ได้ริเริ่มความคิดในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตลูกพระธาตุ ที่ชุมชน
บ้านดู่ หมู่ที่2 ต าบลบ้านดู่ อ าเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์
ผู้วิจัยสนใจศึกษาและออกแบบโครงการศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตลูกพระธาตุ เพื่อใช้เป็น
แนวทางในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ให้แก่เจ้าของโครงการ เพื่อฟื้นฟูคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจน
วัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นแบบดั้งเดิม โดยเปิดโอกาสให้สาธารณชน และผู้ที่สนใจได้
มีโอกาสค้นคว้า ศึกษาหาข้อมูล เพื่อน าไปพัฒนาท้องถิ่นต่อไป
งานวิจัยนี้ประกอบไปด้วยกลุ่มอาคาร 6 หลัง ซึ่งแต่ละหลังได้แบ่งพื้นที่ใช้สอยแตกต่างกัน
ออกไป เพื่อรองรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ
อาคาร A ประกอบด้วย - ประชาสัมพันธ์
- ห้องน้ าชาย – หญิง
- ส านักงาน
- ห้องประชุมส านักงาน
- ห้องประชุมใหญ่
อาคาร B ประกอบด้วย - ลานกิจกรรม
- นิทรรศการ
อาคาร C ประกอบด้วย - ห้องน้ า
- ที่พัก
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2559
2559-01-01T00:00:00Z
-
การออกแบบเว็บไซต์เพื่อการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6600
การออกแบบเว็บไซต์เพื่อการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น
มงคล, สุขใส
เนื่องในวาระครบรอบ 15 ปี ของสาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่เปิดหลักสูตรเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม ปี พ.ศ.2541 วท.บ.เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม ต่อเนื่อง 2 ปีหลัง เปิดหลักสูตร วท.บ. เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม (4 ปี) ปี พ.ศ.2548 ปรับปรุงหลักสูตรเป็นหลักสูตร TQF ปี พ.ศ. 2553 และในปี พ.ศ.2555 นี้ ทางคณะกรรมการประเมินคุณภาพได้มีเอกสารสำคัญมาทางสาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และต้องการวัดคุณภาพด้านการศึกษาของนักศึกษาและประเมินการสอนของคณาจารย์ภายในสาขา จึงได้จัดประชุมระหว่างอาจารย์และนักศึกษาเพื่อวางแผนและจัดการเรียนการสอนแบบบูรณการคือการศึกษาแบบลงพื้นที่ศึกษาจริง และเก็บข้อมูลทางสถาปัตยกรรมตามวัตถุประสงค์ต่างๆ เพื่อให้เห็นศักยภาพการทำงานของนักศึกษาในสาขา ผู้วิจัยจึงได้ออกแบบและจัดทำเว็บไซต์http://www.archbru.com/vernacularbru/index.php/home เพื่อการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นขึ้นมาเพื่อเป็นผลงานของผู้วิจัยโดยใช้ข้อมูล รูปภาพ บทสัมภาษณ์ ของนักศึกษาจากการลงพื้นที่จริง นำมาสู่การเรียบเรียงเนื้อหาและรูปภาพลงในเว็บไซต์เพื่อการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2559
2559-01-01T00:00:00Z
-
การศึกษาการออกแบบโรงแรม อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6599
การศึกษาการออกแบบโรงแรม อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
พัฒนพงศ์, พาพาน
ในปัจจุบันจังหวัดบุรีรัมย์ได้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่มีนักท่องเทียวจำนวนมากให้ความสำคัญกับสถานที่แหล่งโบรานคดีในจังหวัดบุรีรัมย์อีกทั้งยังมีสนามกีฬาและสนามรถแข่งที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเอเชียจะเห็นได้ว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่หันมาเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดข้างเคียงทำให้เกิดการต้องการของนักท่องเที่ยวที่ต้องการที่พักและอาหารสถานที่ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ของจังหวัดที่ไม่เคยมีมาก่อนและนอกจากนี้ภาคเอกชนของจังหวัดยังได้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมอีกมาก จากตัวเลขการจัดทำสถิติผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดบุรีรัมย์ที่ผ่านมา ภาคบริการด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมมีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ จึงน่าจะได้รับการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จำนวนโรงแรมห้องพักภัตตาคาร ร้านอาหาร ควรจะต้องได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับแรก เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในจังหวัดจำนวนเพิ่มขึ้น
โครงการการศึกษาการออกแบบโรงแรม อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นโครงการหนึ่งที่ตอบสนองต่อความต้องการของคนในจังหวัด และการขยายตัวของจังหวัดได้เป็นอย่างดี พื้นที่ตั้งโครงการอยู่ที่ อยู่ติดถนนจิระ หมายเลย 218 เป็นถนนกลางเมืองมีพื้นที่จราจร 2 เลน มีเส้นแบ่งเลนคั่นกลางการจราจรฝั่งละ 1 เลน แยกเป็นขาเข้าและขาออกพื้นที่ตั้งโครงการติดกับวิทยาลัยสารพัดช่าง มีเนื้อที่ประมาณ 832 ตารางเมตร โดยโครงการประกอบไปด้วย ลานจอดรถ โถงต้อนรับ ห้องอาหาร บาร์สั่งอาหาร พื้นที่ออกกำลังกาย ห้องพักแบบครอบครัว สระว่ายน้ำ ห้องสำนักงาน ห้องประชุม เป็นต้น โดยโครงการเกิดจากการออกแบบอาคารจากแนวความคิด การท่องเที่ยวและที่พักแบบพื้นบ้าน ของชาวอีสานที่มีอยู่ตามท้องถิ่น กับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่มาผสมผสานกันเพื่อนุรักษ์ความเป็นพื้นบ้านคู่กับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ในอนาคต
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2559
2559-01-01T00:00:00Z
-
การจัดทำสื่อทางสถาปัตยกรรมเพื่อนำเสนอวิธีการบูรณะของกรมศิลปากร “กรณีศึกษาวัดโคกพระ”
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6598
การจัดทำสื่อทางสถาปัตยกรรมเพื่อนำเสนอวิธีการบูรณะของกรมศิลปากร “กรณีศึกษาวัดโคกพระ”
ทวีศักดิ์, เกือยรัมย์
งานวิจัยการจัดทำสื่อทางสถาปัตยกรรมเพื่อนำเสนอวิธีการบูรณะของกรมศิลปากร
“กรณีศึกษาวัดโคกพระ” ต.หนองพลวง อ.จักราช จ.นครราชสีมา มีวัตถุประสงค์ของงานวิจัยเพื่อศึกษากระบวนการบูรณะของกรมศิลปากรและเพื่อจัดทำสื่อทางสถาปัตยกรรมเพื่อนำเสนอวิธีการบูรณะอุโบสถวัดโคกพระและนำเสนอต่อชุมชนและเป็นตัวกลางให้กับชุมชนได้รู้และเข้าใจและเพื่อนำเสนอต่อชุมชนอื่นที่มีโครงการจะบูรณะอุโบสถต่อไป วิธีการวิจัยได้ทำการศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากการลงพื้นที่สำรวจ รังวัด สัมภาษณ์หัวหน้ากลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา และจากเอกสารหนังสือ,เอกสารจากอุโบสที่มีการบูรณะมาแล้วและศึกษาสื่อการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม 3 ตัวอย่าง เพื่อเป็นข้อมูลในการออกแบบจัดทำสื่อทางสถาปัตยกรรม โดยสื่อประกอบไปด้วย ประวัติอุโบสถวัดโคกพระ,สำรวจสภาพปัจจุบัน,จัดทำแบบ 3 มิติ,จัดทำแบบก่อสร้างสภาพปัจจุบันและสภาพที่คิดว่าจะบูรณะ,จัดทำขั้นตอนการบูรณะด้วยโปรแกรม Sketch Up+Animationและจัดทำวิดีโอการจำลองบรรยากาศของวัดโคกพระ ฯลฯ สำหรับข้อเสนอแนะการวิจัยมีความรู้ความเข้าใจในระบบการจัดทำเอกสาร การใช้โปรแกรมออกแบบสื่อ Animation กระบวนการทำงานออกแบบสื่อตามลำดับขั้นตอน เพื่อการออกแบบสื่อที่สมบูรณ์
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2559
2559-01-01T00:00:00Z
-
อาคารเรียนโรงเรียนอนุบาลสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6597
อาคารเรียนโรงเรียนอนุบาลสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
พชระ, นพเก้า; พชระ, นพเก้า
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ในปี พ.ศ.2558 มีจำนวนเด็กนักเรียนในระดับชั้นบริบาลและอนุบาล รวม 335 คน และครู 10 คนจากการสำรวจเก็บข้อมูลพบว่าอาคารเรียนแผนกอนุบาลมีจำนวนห้องเรียนและสิ่งส่งเสริมเครื่องอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอต่อการใช้งานของจำนวนนักเรียนและไม่ครอบคลุมต่อพัฒนาการของนักเรียน ผู้วิจัยจึงทำการออกแบบอาคารเรียนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดพื้นที่ 5139.2 ตารางเมตร ขนาด 2 ชั้น ประกอบด้วย ห้องเรียนความจุ 40 คน/ห้อง จำนวน
11 ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ 2 ห้อง โรงอาหาร สระว่ายน้ำ ห้องสมุดหรือห้องสื่อ สนามเด็กเล่น
และห้องประชุม ฯลฯ โดยใช้แนวความคิดเรื่องสีที่มีส่วนช่วยการกระตุ้นพัฒนาการการเรียนรู้ของนักเรียน
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2558
2558-01-01T00:00:00Z
-
พิพิธภัณฑ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ วัดป่าพระสบาย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6596
พิพิธภัณฑ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ วัดป่าพระสบาย
ธีระพงษ์, เจิงรัมย์
พิพิธภัณฑ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ วัดป่าพระสบาย ที่ตั้ง ต.บึงเจริญ อ.บ้านกรวด เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดูแลและจัดการโดยวัดและชุมชน วัตถุโบราณที่พบ ได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องประดับหินสีก่อสร้างขึ้นเมื่อประมาณวันที่ 28 ธันวาคม 2542 เพื่อเป็นการรวบรวมชิ้นส่วนโบราณวัตถุต่างๆ มีการจัดแสดงเพื่อเผยแพร่ข้อมูลทางโบราณคดีในชุมชนโดยเมื่อพ.ศ.2540 ช่วงวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งมีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ และเศษภาชนะดินเผาซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาชนะดินเผาสีเทาดำไม่มีการเคลือบมีรูปทรงคล้ายภาชนะบ้านเชียงแต่ไม่มีลายจากการเขียนสี มีเพียงลายจากการทาบเชือก และสายจากการจดของแหลมลงในเนื้อภาชนะ ที่สำคัญได้ขุดพบภาชนะรูปทรงหินและโลหะยุคหินใหม่ อาทิเช่น กำไลหินสีเขียว เครื่องใช้แบบสำริด ณ บริเวณของหมู่บ้านบึงน้อยอีกครั้งโดย”พระธงชัย ชาตปัญโญ” ส่วนหนึ่งนำไปจัดแสดงที่ปราสาทหินพนมรุ้ง กรมศิลปากรได้สรุปเบื้องต้นว่า โบราณวัตถุที่ขุดพบอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีอายุราว 3,000 ปี ณ ปัจจุบัน สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น คือ สภาพอาคารที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ยังไม่เหมาะสมเนื่องจากอาคารเสื่อมสภาพ ชำรุด ทรุดโทรม ตามกาลเวลา ช่วงฤดูฝน น้ำจะท่วมขัง มีละอองฝนผ่านเข้าถึงด้านในตัวอาคารที่จัดแสดง ส่งผลสภาพอากาศอับชื้น ทำให้ชิ้นโบราณวัตถุ เกิดสนิมจับ ผุกร่อน สาเหตุจากโครงสร้างอาคารเป็นช่องลม และพื้นอาคารไม่ได้ยกสูง ในส่วนโครงหลังคาเป็นไม้ สภาพปัญหาคือปลวก ไม้ผุพัง หลังคาเป็นกระเบื้อง มีรอยร้าวเวลาฝนตกน้ำรั่วไหลลงภายในตัวอาคาร จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ประกอบกับงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่กำกับดูแลไม่เพียงพอที่จะก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซม ให้มีสภาพที่มั่นคงถาวร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม ในการออกแบบพิพิธภัณฑ์ได้ศึกษาตัวอย่างและเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยของพิพิธภัณฑ์ พื้นที่จัดแสดง พื้นที่สาธารณะ ห้องเก็บของและงานระบบต่างที่นำมาใช้กับพิพิธภัณฑ์ สำหรับข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัยครั้งต่อไป ควรเน้นการเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอย่างใกล้ชิดและการค้นคว้าหาแหล่งข้อมูลจากเอกสาร อินเทอร์เน็ต วารสารหรือนิตยสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อการออกแบบที่สมบูรณ์
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2558
2558-01-01T00:00:00Z
-
การออกแบบสื่อนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ โบสถ์เทเรซา วัดโนนแก้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6595
การออกแบบสื่อนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ โบสถ์เทเรซา วัดโนนแก้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา
อนุวัฒน์, สุขรัตน์
จากวัตถุประสงค์ของงานวิจัย เพื่อศึกษาการออกแบบสื่อนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์เพื่อนำไปปรับปรุง สื่อนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ โบสถ์เทเรซา วัดโนนแก้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ประวัติความเป็นมา ชุมชนบ้านโนนแก้ว และเพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้
จึงมีความจำเป็นในการศึกษาการออกแบบสื่อนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ประวัติความเป็นมา ชุมชนหมู่บ้านโนนแก้วสู่สารธารณะ และยังเป็นที่เก็บสะสมข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของชาวบ้านโนนแก้ว
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2556
2556-01-01T00:00:00Z
-
อาคารศูนย์วิสาหกิจมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6594
อาคารศูนย์วิสาหกิจมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย
ิรุตต์, โคตรชัย
ในปัจจุบันภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยวอย่าง
ต่อเนื่อง และยังส่งผลให้จังหวัดบุรีรัมย์มีการเจริญเติบโตทั้งด้านอุสาหกรรม ด้านการท่องเที่ยว การบริการ
สถาบันการศึกษา ราชการ และการค้าที่เพิ่มมากขึ้นเลื่อยๆ นอกจากนี้จังหวัดบุรีรัมย์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ทางศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และสถาปัตยกรรมที่ส าคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง แต่จังหวัด
บุรีรัมย์ยังขาดงานสถาปัตยกรรมที่ตอบสนองกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และจ านวนประชากรในจังหวัดที่
เพิ่มมากขึ้นบวกกับจ านวนนักท่องเที่ยวที่มีจ านวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี อีกทั้งการอนุรักษณ์งานสถาปัตยกรรมพื้น
ถิ่นของจังหวัดไว้
โครงการศูนย์วิสาหกิจมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์เป็นโครงการหนึ่งที่ตอบสนองความต้องการของคน
ในจังหวัด และการขยายตัวของจังหวัดได้เป็นออย่างดี พื้นที่ตั้งของโครงการอยู่ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
บุรีรัมย์ 432 ถนนจิระ ต าบลในเมือง อ าเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ด้านหน้าโครงการติดกับถนนหลวงหมาย
เลย 219 ตรงข้ามกับตลาดบูลสแคร์มีเนื้อที่ประมาณ 3,716.78 ตารางเมตร โดยโครงการประกอบไปด้วย
พื้นที่ร้านค้าให้เช่า ศูนย์อาหาร(food park) ลานกิจกรรมพื้นที่จัดงานกลางแจ้ง ห้องประชุมสัมมนาบริการ
ให้เช่าพื้นที่ ห้องเรียนกวดวิชาให้เช่า ห้องซ้อมดนตรีให้เช่า ห้องส านักงานอาคาร สวนสาธารณะในโครงการ
ห้องน้ าสาธารณะ ที่จอดรถ เป็นต้น โดยโครงการเกิดจากแผนด าเนินงาน(ทิศทางและจุดเน้นการพัฒนา
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ พ.ศ.2552-2555) ในการออกแบบอาคารให้สอดคล้องเป้าหมายของโครงการเกิด
จากแนวคิดการออกแบบให้โครงการเป็นย่านธุรกิจการซื้อขายสินค้า การบริการ และการท่องเที่ยวที่ส าคัญ
ของจังหวัดบุรีรัมย์ โดยการน าเอาสถาปัตยกรรมอีสานที่มีอยู่ในท้องถิ่นกับสถาปัตยกรรมแบบสมัยใหม่มา
ผสมผสานกับเพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ และเป็นจุดขายของโครงการ ศูนย์วิสาหกิจมหาวิทยาลัยราชภัฏ
บุรีรัมย์จะเป็นศูนย์การค้าแห่งใหม่ของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวและประชากรในจังหวัด
บุรีรัมย์ และเป็นการกระจ่ายรายได้ให้กับชุมชนในจังหวัด ซึ่งเป็นสิ่งส าคัญที่จะสามารถรองรับการขยายตัว
ของจังหวัดบุรีรัมย์
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2555
2555-01-01T00:00:00Z
-
การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6593
การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น
ธีรรักษ์, คะเรียงรัมย์
เนื่องในวาระครบรอบ 15 ปี ของสาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่เปิดหลักสูตรเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม ปี พ.ศ.2541 วท.บ.เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม ต่อเนื่อง 2 ปีหลัง เปิดหลักสูตร วท.บ. เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม (4 ปี) ปี พ.ศ.2548 ปรับปรุงหลักสูตรเป็นหลักสูตร TQF ปี พ.ศ. 2553 และในปี พ.ศ.2555 นี้ ทางคณะกรรมการประเมินคุณภาพได้มีเอกสารสำคัญมาทางสาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และต้องการวัดคุณภาพด้านการศึกษาของนักศึกษาและประเมินการสอนของคณาจารย์ภายในสาขา จึงได้จัดประชุมระหว่างอาจารย์และนักศึกษาเพื่อวางแผนและจัดการเรียนการสอนแบบบูรณการคือการศึกษาแบบลงพื้นที่ศึกษาจริง และเก็บข้อมูลทางสถาปัตยกรรมตามวัตถุประสงค์ต่างๆ เพื่อให้เห็นศักยภาพการทำงานของนักศึกษาในสาขา ผู้วิจัยจึงได้ออกแบบและจัดทำหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค(Pocket Book)ขึ้นมาเพื่อเป็นผลงานของผู้วิจัยโดยใช้ข้อมูล รูปภาพ บทสัมภาษณ์ ของนักศึกษาจากการลงพื้นที่จริง นำมาสู่การเรียบเรียงเนื้อหาและรูปภาพลงในหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค(Pocket Book)เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2555
2555-01-01T00:00:00Z
-
การออกแบบสื่อเพื่อการอนุรักษ์อุโบสถพื้นถิ่นกรณีศึกษาวัดขุนก้อง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6592
การออกแบบสื่อเพื่อการอนุรักษ์อุโบสถพื้นถิ่นกรณีศึกษาวัดขุนก้อง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
วัชระ, คำจันทร์
งานวิจัยการออกแบบสื่อเพื่อการอนุรักษ์อุโบสถพื้นถิ่นกรณีศึกษาวัดขุนก้อง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์ของงานวิจัยเพื่อศึกษาความเป็นมาของวัดขุนก้องและความสำคัญของวัดต่อชุมชน ศึกษาประวัติความเป็นมาของอาคารและศึกษาลักษณะทางกายภาพของอุโบสถและ ออกแบบสื่ออนุรักษ์วัดขุนก้อง โดยอาศัยกระบวนการวิจัยภาคสนามหรือกรณีศึกษา จากการสำรวจและการสัมภาษณ์จากประชาชนในชุมชน
นอกจากนั้นผู้วิจัยยังได้ศึกษารูปแบบพื้นที่การจัดแสดงข้อมูลจากศูนย์บริการข้อมูล ๔ ตัวอย่าง เช่นศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้ จังหวัดบุรีรัมย์ ศูนย์บริการข้อมูลพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดสุรินทร์ ศูนย์บริการข้อมูลปราสาทเมืองต่ำ ศูนย์บริการข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เพื่อเปรียบเทียบข้อดีหรือข้อปรับปรุง ของรูปแบบการจัดแสดง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลนำไปสู่ขั้นตอนการออกแบบพื้นที่จัดแสดงภายในอาคารศูนย์บริการข้อมูล ให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับอาคารสถาปัตยกรรมอุโบสถวัดขุนก้อง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
วท.บ. (เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,2555
2555-01-01T00:00:00Z
-
ออกแบบสวนสาธารณะเทศบาลตำบลหนองไม้งาม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6217
ออกแบบสวนสาธารณะเทศบาลตำบลหนองไม้งาม
ธนวัฒน์, กิ่งเพชร
งานวิจัยนี้ เป็นการศึกษา เกี่ยวกับการศึกษาพื้นที่และออกแบบสวนสาธารณะชุมชนตำบลหนองไม้งาม อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อปรับปรุงพื้นที่บริเวณรอบ สระวังประหูด หรือสระน้ำประปาชุมชน ให้เป็นพื้นที่รองรับกิจกรรมต่างๆ ของคนในชุมชนที่ต้องการพื้นที่ด้านนันทนาการและนันทนาการกระฉับกระเฉง
วท.บ. (สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-01-01T00:00:00Z
-
โรงแรมเซาะซแรย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6216
โรงแรมเซาะซแรย์
สุกัญญา, ฝางนอก
จากการที่จังหวัดบุรีรัมย์มีนโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัด เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของจังหวัดจึงได้จัดทำโครงการขึ้นมาเพื่อรองรับต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น และเพื่อเป็นการสร้างงานให้กับคนที่ว่างงานให้มีรายได้ จึงได้มีแนวคิดในการจัดทำโครงการขึ้นมาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับพื้นที่โดยเปลี่ยนเป็นการใช้งานเชิงพื้นที่สาธารณะ พื้นที่พักผ่อนหย่อนใน พื้นที่ทำกิจกรรม ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโครงการและพื้นที่
วท.บ. (สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-01-01T00:00:00Z
-
ออกแบบโรงละครวัฒนธรรมอีสานใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6215
ออกแบบโรงละครวัฒนธรรมอีสานใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
นิตยาพร, บำรุงชีพ
ศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้มีความต้องการที่จะปรับปรุงและพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันที่กำลังพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง จากการสอบถาม ผู้อำนวยการศิลปะและวัฒนธรรม (อาจารย์ ดร.เชาว์ การวิชา) ถึงปัญหาเกี่ยวกับการใช้สอยอาคาร และความต้องการของผู้ใช้อาคาร พบว่า ศูนย์วัฒนธรรมยังขาดพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยและพื้นที่ในการจัดการแสดงเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมอีสานใต้ ผู้วิจัยจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ จึงมีความสนใจในการออกแบบทางสถาปัตยกรรมเพื่อให้สอยคล้องกับความต้องการที่กล่าวมาข้างต้น จึงนำมาซึ้งการออกแบบโรงละครซึ้งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้มากที่สุด
วท.บ. (สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 เพื่อเป็นอาคารเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6214
โครงการออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 เพื่อเป็นอาคารเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ทศวรรษ, ใจภพ
โครงการออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 เพื่อเป็นอาคารเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันของอาคาร 13 2. เพื่อศึกษาการจัดการเรียนการสอนคณะพยาบาลศาสตร์และจัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อการออกแบบ 3.ออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 และนำเสนอผลการออกแบบให้แก่คณะพยาบาลศาสตร์ปัจจุบันอาคาร 13 ใช้เป็นการเรียนการสอนคณะวิทยาการจัดการและด้วยทางคณะวิทยาการจัดการเองได้มีตึกใหม่ที่ใช้ในการเรียนการสอน ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์จึงมีแนวคิดที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่และคณะพยาบาลศาสตร์มีความประสงค์ที่จะปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร13เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนของคณะพยาบาลศาสตร์จึงนำมาสู่งานวิจัยเพื่อปรับปรุงอาคารเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับสามารถที่จะตอบสนองความต้องการด้านพื้นที่ในการเรียนการสอนให้เพิ่มมากขึ้น ได้แนวทางในการออกแบบปรับปรุงอาคาร 13 สามารถรองรับพื้นที่ในการทำกิจกรรมของนักศึกษาพื้นที่การทำงานของอาจารย์และสร้างบรรยากาศให้เอื้ออำนวยต่อการใช้งาน
วท.บ. (สาขาวิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2557
2562-01-01T00:00:00Z
-
โครงการออกแบบหอประชุมใหญ่และอาคารจอดรถมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6151
โครงการออกแบบหอประชุมใหญ่และอาคารจอดรถมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
มาลินี, บัวทอง
จากวัตถุประสงค์ของงานวิจัย เพื่อศึกษาการออกแบบสื่อนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์เพื่อนำไปปรับปรุง สื่อนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ โบสถ์เทเรซา วัดโนนแก้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ประวัติความเป็นมา ชุมชนบ้านโนนแก้ว และเพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้
จึงมีความจำเป็นในการศึกษาการออกแบบสื่อนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ประวัติความเป็นมา ชุมชนหมู่บ้านโนนแก้วสู่สารธารณะ
วท.บ.(เทคโนโลยีสถาปัตยกรรม) คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ,2556
2556-01-01T00:00:00Z