สาขาวิชาดนตรี (ศศ.บ.) 4 ปี
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/151
2024-03-28T17:07:56Zหมอลำหมู่ศิลปินภูไท : มิติใหม่ของการจัดการเชิงกลยุทธ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5943
หมอลำหมู่ศิลปินภูไท : มิติใหม่ของการจัดการเชิงกลยุทธ
มะเสน, อิทธิพล
ปัจจุบันกระแสความนิยมของหมอลำามี
จำานวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหมอลำาหมู่หรือ
หมอลำาเรื่องต่อกลอนที่มีการนำาเสนอวัฒนธรรมที่
หลากหลายและเข้าถึงผู้คนทุกวัย ถึงแม้ว่าหมอลำา
หมู่จะเป็นการพาณิชย์ด้านวัฒนธรรมแต่การรักษา
มรดกทางวัฒนธรรมยังคงปรากฏให้เห็นในหมอลำา
ทุกคณะที่สื่อสารผ่านบทกลอนและทำานองการ
เคลื่อนไหวทางสรีระแบบฉบับศิลปะการแสดงอีสาน
การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมีผลกระทบต่อวิถี
ชีวิตและวัฒนธรรมพื้นถิ่น เช่น ความเชื่อ ประเพณี
หรือศาสนา ถูกนำามาปรับเพื่อความเหมาะสมใน
สภาวะปัจจุบัน “การเปลี่ยนแปลงเพื่อการอนุรักษ์
(ณรงค์ เส็งประชา, 2532 : 91-95) ด้วยสภาพสังคม
ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำางานภาย
ใต้สังคมยุคพัฒนาที่มีปัจจัยด้านเทคโนโลยีเข้ามา
เกี่ยวข้อง การกำาหนดทิศทางของการใช้ทรัพยากร
อย่างเหมาะสม กลยุทธ์ในการดึงดูดความสนใจและ
การสร้างแรงจูงใจให้ผู้ชมและเจ้าภาพหลากหลาย
อีกทั้งยังมีการประเมินความเสี่ยงในการบริหารงาน
ของหัวหน้าคณะ รวมถึงการคิดรูปแบบการนำาเสนอ
มิติใหม่ที่เกิดความแตกต่างจากคณะหมอลำาหมู่
ทั่วไป จึงเป็นมาตรฐานในการบริหารงานในรูปแบบ
ใหม่ของคณะหมอลำาหมู่ที่ดำารงอยู่ในปัจจุบันและ
หมอลำาหมู่ที่จะก่อตั้งในอนาคต
ผู้วิจัยพบการศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการ การ
แก้ปัญหาสังคมจากวิทยานิพนธ์บางเรื่อง อาทิ
นำาใจ อุทรักษ์ (2553) เรื่อง การศึกษาและแนวทาง
การพัฒนาหมอลำาเรื่องต่อกลอนในภาคอีสาน งาน
วิจัยของสุรพล เนสุสินธุ์ (2550) พัฒนาการการแสดง
หมอลำาเรื่องต่อกลอนทำานองขอนแก่นคณะระเบียบ
วาทะศิลป์ จังหวัดขอนแก่น และวิทยานิพนธ์ของ
สิทธิศักดิ์ จำาปาแดง (2548) บทบาทของหมอลำาใน
การแก้ปัญหาสังคม ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวศึกษาด้วย
วิธีการเชิงคุณภาพ ศึกษาข้อมูลจากภาคสนามและ
ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม มีผลต่อการ
ดำาเนินชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น โดยเฉพาะหมอลำา
ในฐานะผู้เผยแพร่วัฒนธรรมที่สำาคัญ ทำาหน้าที่
ขยายผลทางวัฒนธรรม แต่ยังไม่พบผู้ศึกษาในการ
จัดการเชิงพาณิชย์ในรูปแบบของดนตรีและศิลปะ
การแสดงพื้นบ้าน สอดคล้องกับแนวคิดการขาย
วัฒนธรรมสำาหรับการเป็นสินค้าของ ไทยโรจน์ พวง
มณี (2554 : 73) ที่กล่าวว่า “วัฒนธรรมต้องเข้าถึง
คนส่วนใหญ่ ถ้ามีการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ก็จะต้อง
มีสีสันมีความแปลกและมีความสวยงาม” นอกจาก
การสร้างสรรค์วัฒนธรรมสมัยใหม่แต่ยังคงรักษา
รากฐานของวัฒนธรรมเดิมให้คงไว้ เพื่อสื่อสารให้
ผู้คนทุกกลุ่มได้เข้าถึงแก่นของหมอลำาหมู่เป็น
ประเด็นสำาคัญของความยั่งยืนของหมอลำา
2561-01-01T00:00:00Zการบรรเลงตรัวในวงมโหรีฟื้นบ้านอีสานใต้ : กรณีศึกษา คณะอีสานพันปีี จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5942
การบรรเลงตรัวในวงมโหรีฟื้นบ้านอีสานใต้ : กรณีศึกษา คณะอีสานพันปีี จังหวัดบุรีรัมย์
ชาคำไฮ, เชาวฤทธิ์
การวิจัยเรื่อง การบรรเลงตรัวในวงมโหรีพื้นบ้านอีสานใต้ : กรณีศึกษา คณะอิสาณพันปี จังหวัดบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบของวงมโหรีพื้นบ้านอีสานใต้ คณะอิสาณพันปี จังหวัดบุรีรัมย์ 2) เพื่อศึกษาเทคนิคการบรรเลงตรัวในวงมโหรีพื้นบ้านอีสานใต้ คณะอิสาณพันปี จังหวัดบุรีรัมย์ ประชากรกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย กลุ่มผู้รู้กลุ่มผู้ปฏิบัติ และกลุ่มบุคคลทั่วไป เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกตการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยข้อมูลทางวิชาการ และข้อมูลภาคสนาม การจัดกระทำาและการวิเคราะห์ข้อมูล ตาม
ความมุ่งหมายที่กำาหนดไว้ และนำาเสนอผลการวิจัยเชิงพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัย 1) องค์ประกอบของวงมโหรีพื้นบ้านอีสานใต้ คณะอิสาณพันปี จังหวัดบุรีรัมย์ วงมโหรีได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 ซึ่งมีหัวหน้าวงมโหรีคือนายจันทร์ที คะเลรัมย์ ปัจจุบันมีสมาชิก 10 คน นักดนตรีส่วนมากประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป เครื่องดนตรีประกอบด้วย ปี่ใน ตรัว ซอเล็ก
ซออู้ โทน รำามะนา ฉิ่ง และฉาบ เครื่องดนตรีส่วนใหญ่เป็นเครื่องดนตรีที่ทำาขึ้นเอง ระบบเสียงของตรัว จะตั้งเป็นคู่ 4 ซอเล็กกับซออู้จะตั้งเสียงคู่ 5 โดยใช้ปี่ในเป็นตัวเทียบเสียง บรรเลงโดยการนั่งบรรเลง บทเพลงที่ใช้บรรเลงมีทั้งหมด 10 เพลงเป็นเพลงบรรเลงทั้งสิ้นไม่มีการขับร้อง ใช้บรรเลงในงานมงคลเท่านั้น การบรรเลงทุกครั้งต้องมีการไหว้ครู โดยจะบรรเลง
เพลงครู (โต) เป็นเพลงแรกเสมอ บทบาทหน้าที่ทางสังคมของวงดนตรี คือ ใช้ในพิธีกรรมต่างๆ เช่น งานตรุษสงกรานต์การทำาบุญขึ้นบ้านใหม่ บวชนาคและงานแต่งงาน ตลอดจนเพื่อความบันเทิงและสร้างสามัคคีในหมู่คณะ 2) เทคนิคการบรรเลงตรัวในวงมโหรีพื้นบ้านอีสานใต้ คณะอิสาณพันปี จังหวัดบุรีรัมย์ มีการใช้เทคนิคการบรรเลงตรัวในวงมโหรีพื้นบ้านอีสานใต้
คณะอิสาณพันปี จังหวัดบุรีรัมย์ 4 เทคนิค คือ เทคนิคการพรมสาย เทคนิคการใช้เสียงเลื่อน(เอ้เสียง) เทคนิคการขย่มสาย
และเทคนิคการประสาย
2560-01-01T00:00:00Zแนวคิดการเรียบเรียงเสียงประสานเพลงไทยลูกทุ่งของศิลปินแห่งชาติ ประยงค์ ชื่นเย็น
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4745
แนวคิดการเรียบเรียงเสียงประสานเพลงไทยลูกทุ่งของศิลปินแห่งชาติ ประยงค์ ชื่นเย็น
ขุนสงคราม, ธงรบ
Abstract
This study aimed to explore Prayong Chuenyen, a national artist, musical concept in Thai folk songs arrangement as follows: 1) the biography and influences on his musical work; 2) the combination of Thai musical culture concept; and 3) The theme of Thai folk song arrangement. Qualitative research method was used in this study. The subjects included 5 songs of Prayong Chuenyen, a national artist, arrangement which received awards from His Majesty the King during the period of 2519 - 2534 B.E. selected by purposive sampling.
The finding demonstrated the followings:
1. Prayong Chuenyen, a national artist, grew up in the social and cultural milieu of the Thai countryside. The folk songs and Thai music that he heard from a temple near his home were the main motivation on his work. He started playing music in the brass band at his school. He was also a part-time musician after he graduated school. He tried to arrange music according to his experience and through listening to professionals work before taking a course in musical arrangement. He used his musical knowledge and ability, his bravery in presenting a unique of creativities, and his intention to develop arrangements of Thai folk songs. His arrangements were performed by famous singers and some was recognized by His Majesty the King. Moreover, he arranged the music for the song written by HRH Princess Maha Chakri Sirindhorn.
2. Prayong Chuenyen, a national artist, has harmonized combining both the musical cultures of Thai music and Thai melody in Western music. Since the composer, singer, and musician were Thai, Thai styles were confounded naturally in the play. He adapted melodies from Thai songs, used both Thai and international musical instruments to present simulations of Thai musical instruments. These were led to the connections and harmony in songs.
3. Prayong Chuenyen, a national artist, has conceptualized in Thai folk song arrangement as follows:
3.1 The unique identity appeared in performance of two primary instrumental sections including: 1) the percussion section; and 2) the melody section joined to main musical instrument such trumpet.
3.2 The introduction, interlude, and ending were adapted from a short melody or phrase which can lead to lyrics and end properly. In brass group, the movement that supports the main melody was constructed primarily from basic chords, especially the introduction of the five songs use only one chord.
3.3 All 5 songs were used primary chord during the preceding: 1) Song “Mae Yok” was used Cm Gm chord; 2) Song “Noom Na Ro Nang” was used F Bb C7 chord; 3) Song “Ei sao Transistor” was used Em Am Bm7 chord; 4) Song “Khoi Wao Man Bo” was used Bb F7 chord; and 5) Song “Som Tam” was used Bm Em7 F#m7 chord. The perfect cadence ending was found in all 5 songs. However, the imperfect cadence was shown in 3 songs: Song “Noom Na Ro Nang”, Song “Khoi Wao Man Bo”, and Song “Som Tam”. The cadential was displayed in 4 songs: Song “Noom Na Ro Nang”, Song “Ei sao Transistor”, Song “Khoi Wao Man Bo”, and Song “Som Tam”. Besides, this indicated the mostly used in the dominant 7 chord was the first one, conversely, there were no pattern chord found in all 5 songs.
Key Word: Thai Folk Songs Arrangement, Concept.
2013-06-01T00:00:00Zบทความแปล เทคนิคการเล่นโมเดิร์นกีต้าร์แจ๊ส
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4744
บทความแปล เทคนิคการเล่นโมเดิร์นกีต้าร์แจ๊ส
คามาโช, อิทธิกร
จากการที่ดนตรีแจ๊สได้ก้าวพ้นจากยุคบีบ็อพและฮาร์ดบ็อพ บรรดานักดนตรีทั้งหลายต่างเริ่มที่จะคิดค้นวิธีการใหม่ๆ เพื่อที่จะโซโล่บนทางเดินคอร์ดต่างๆให้ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ บรรดานักดนตรีอย่าง จอห์น โคลเทรน จอห์น อาเบอร์คอมบี้ เวย์น ชอร์ตเตอร์ และ เฮอร์บี้ แฮนค็อก ต่างก็พากันนำเสนอ ”วิธีการฝึกอิมโพรไวซ์แบบใหม่ๆ” ซึ่งต่อมาเราเรียกกันว่า “โมเดิร์นแจ๊ส”
2014-11-26T00:00:00Z