บทความ (Articles)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/246
2024-03-28T13:43:36Z
2024-03-28T13:43:36Z
กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าไหม 5 ดาว ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อยกระดับสู่ความสามารถในการแข่งขันเชิงพาณิชย์
ฐิติพร, วรฤทธิ์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4238
2018-07-19T08:30:23Z
2018-07-19T00:00:00Z
กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าไหม 5 ดาว ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อยกระดับสู่ความสามารถในการแข่งขันเชิงพาณิชย์
ฐิติพร, วรฤทธิ์
บทคัดย่อ
การวิจัยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) ศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ OTOP 2) ศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันของผลิตภัณฑ์ OTOP ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าไหม 5 ดาว 3) ศึกษาถึงแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าไหม 5 ดาว และ 4) จัดทำกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าไหม 5 ดาว ในจังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ 1) นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปในงาน OTOP และงานการจัดนิทรรศการของดีเมืองบุรีรัมย์ จำนวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ 1. สถิติพื้นฐาน ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ 2) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าไหมระดับ 5 ดาว ในจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 5 กลุ่ม คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวนกลุ่มละ 2 คน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 10 คน โดยใช้วิธีการสนทนากลุ่ม ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ และนำเสนอโดยการพรรณนาเชิงวิเคราะห์
ผลการวิจัย พบว่า
1. ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ OTOP พบว่า ผู้บริโภคมีความพึงพอใจในด้านผลิตภัณฑ์มากที่สุด รองลงมา คือ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และด้านการส่งเสริมการขาย ตามลำดับ
2. สถานการปัจจุบันของผลิตภัณฑ์ OTOP พบว่า 1) ด้านผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกสู่ตลาดมีรูปแบบเดิมๆ 2) ด้านราคา พบว่า ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมีราคาสูง 3) สถานที่การจัดจำหน่าย พบว่า มีการขายผลิตภัณฑ์ตามงานนิทรรศการต่างๆ และการขายทางออนไลน์ และ 4) การส่งเสริมการขาย พบว่า มีการโฆษณาโดยใช้แผ่นพับหรือโปรชัวร์
3. แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP พบว่า 1) ด้านผลิตภัณฑ์ ต้องพัฒนารูปแบบให้มีความสวยงาม และทันสมัย สื่อถึงความเป็นมาของแต่ละท้องถิ่น ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงาม ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ นอกเหนือจากเครื่องนุ่งห่ม และใช้นวัตกรรมในการผลิตเพื่อให้ลดความร้อนในการสวมใส่ 2) ด้านราคา ต้องไม่สูงเกินไป 3) ด้านสถานที่ ต้องขยายตลาดไปสู่แหล่งจำหน่ายที่หลากหลาย และส่งเสริมให้มีการจำหน่ายทางออนไลน์ และ 4) ด้านการส่งเสริมการขาย โดยสามารถนำยอดซื้อผลิตภัณฑ์ OTOP ไปลดหย่อนภาษีเงินได้ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ตามสื่อต่างๆ และหน่วยงานต่างๆ สนับสนุนให้พนักงานสวมใส่ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม
4. กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP พบว่า สามารถใช้หลักการ 4 Ps มาเป็นแนวทางในการจัดทำกลยุทธ์ทางด้านการตลาดให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
คำสำคัญ : กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP, กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าไหม, การแข่งขันเชิงพาณิชย์
2018-07-19T00:00:00Z
รูปแบบการบริหารจัดการหนี้สินในครัวเรือนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในเขตพื้นที่หนองขวาง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
ฐิติพร, วรฤทธิ์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4234
2018-07-17T03:19:05Z
2018-07-17T00:00:00Z
รูปแบบการบริหารจัดการหนี้สินในครัวเรือนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในเขตพื้นที่หนองขวาง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
ฐิติพร, วรฤทธิ์
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาสภาวะหนี้สินของชุมชนในเขตพื้นที่หนองขวาง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการหนี้สินในครัวเรือนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่หนองขวาง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลจากครัวเรือนในเขตพื้นที่ตำบลหนองขวาง จำนวน 229 ครัว และตัวแทนในครัวเรือนในชุมชนหนองขวางที่มีจำนวนหนี้สินมากกว่า 50,000 บาท จำนวนทั้งสิ้น 30 ครัวเรือน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ การสังเกต การสนทนากลุ่ม และวิเคราะห์ข้อมูลแบบอุปนัย และนำเสนอข้อมูลโดยการบรรยายเชิงพรรณนา
ผลการวิจัย พบว่า 1) สาเหตุของปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น คือการกู้ยืม ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ค่าเล่าเรียนบุตรหลาน การใช้จ่ายในครัวเรือน และหนี้สินที่เกิดจากการทำการเกษตร สภาพดินฟ้าอากาศ และภาษีทางสังคม โดยพบว่า ครัวเรือนในชุมชนบ้านหนองขวางมีแหล่งรายรับจากการทำนา ปลูกอ้อย ยางพารา เงินสนับสนุนจากรัฐบาลจากเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย อาชีพเสริมจากการค้าขาย ทอผ้า กลุ่มอาชีพ และรายได้อื่น ๆ ได้แก่ จากการรับจ้าง ลูกหลานส่งมาให้ เป็นต้น โดยเฉลี่ยครัวเรือนละ 68,271 บาท/ปี ส่วนแหล่งรายจ่ายที่มากที่สุดสามอันดับแรกได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ โดยเฉลี่ยครัวเรือนละ 80,906 บาท/ปี รองลงมาเป็นค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเล่าเรียนบุตร โดยเฉลี่ยนครัวเรือนละ 57,933 บาท/ปี และรายจ่ายค่าใช้จ่ายในการผลิตและด้านการเกษตร โดยเฉลี่ยครัวเรือนละ 34,874 บาท/ปี ด้านการออม พบว่า ครัวเรือนเป้าหมายมีการออมเงินอยู่รูปของกองทุนหมู่บ้าน กองทุนสัจจะ และสหกรณ์หมู่บ้าน โดยเฉลี่ยครัวเรือนละ 1,490 บาท/ปี และภาวะหนี้สิน พบว่า หนี้สินในครัวเรือนเกิดจากการู้ยืม ธกส. สหกรณ์การเกษตร กองทุนหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมกลุ่มอาชีพ และหนี้นอกระบบ โดยเฉลี่ยครัวเรือนละ 125,000 บาท/ปี 2) รูปแบบการบริหารจัดการหนี้สินในครัวเรือนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่หนองขวาง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของชุมชนบ้านหนองขวางนั้นหากนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้จะมีแนวทางในการบริหารจัดการหนี้สินดังนี้ 1) ชาวบ้านในเขตชุมชนหนองขวางควรมีการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการใช้จ่ายของครัวเรือน โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยปรับแนวคิดว่าหากมีรายได้ควรเก็บออมเป็นลำดับแรกเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันเผื่อกรณีฉุกเฉิน และเพื่ออนาคตในยามชรา 2) การจัดทำบัญชีครัวเรือน เพื่อตรวจสอบสุขภาพทางการเงิน ระบุถึงรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน และพิจารณาให้ได้ว่ารายจ่ายใดฟุ่มเฟือย ควรใช้จ่ายแต่พอประมาณ ไม่เกินตัว ถึงแม้รายได้ไม่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีเงินออมจากการลดค่าใช้จ่ายได้ การทำบัญชีครัวเรือนเป็นการบริหารจัดการเงินที่มีประสิทธิภาพจะช่วยรู้จักใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลพอประมาณ นับเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3) การตั้งเป้าหมายเพิ่มรายรับ ลดรายจ่าย พยายามลดหนี้ที่มีโดยไม่สร้างหนี้เพิ่มโดยไม่จำเป็น หรือก่อหนี้เมื่อจำเป็นและเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และควรเป็นหนี้เพื่อการลงทุนที่จะก่อให้เกิดรายได้ หรือก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคต ไม่ควรก่อหนี้นอกระบบเพราะปัญหาที่ตามมาอาจมากกว่าภาระหนี้สินที่เกิดขึ้น และ 4) การหาอาชีพเสริมเพื่อใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อยในชีวิตประจำวัน เนื่องจากชุมชนบ้านหนองขวาง ประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย แต่ก็ยังจำเป็นต้องหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ดังนั้นการหาอาชีพเสริมนอกจากจะสร้างรายได้ไว้ช่วยจุนเจือครอบครัวแล้วอาจยังเป็นการช่วยคลายเหงา และยังเป็นกิจกรรมเสริมสุขภาพกายและใจ ช่วยให้ผู้สูงวัยมีอายุยืนยาวได้ด้วย
คำสำคัญ : การบริหารจัดการหนี้สิน หนี้สินในครัวเรือน เศรษฐกิจพอเพียง
2018-07-17T00:00:00Z