สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/216
2024-03-28T23:01:37Z
2024-03-28T23:01:37Z
การผลิตถ่านอัดแท่งจากตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้แล้วร่วมกับเปลือกทุเรียน
ธีรารัตน์ จีระมะกร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8759
2024-03-08T04:18:21Z
2566-11-16T00:00:00Z
การผลิตถ่านอัดแท่งจากตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้แล้วร่วมกับเปลือกทุเรียน
ธีรารัตน์ จีระมะกร
งานวิจัยเรื่องนี้เป็นการศึกษาการผลิตถ่านอัดแท่งจากตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้เเล้วร่วมกับเปลือกทุเรียน โดยจะศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการผลิตถ่านอัดแท่ง และศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพ ได้แก่ การขึ้นรูป การคงรูป ค่าความหนาแน่น ดัชนีการแตกร่วน และคุณสมบัติทางด้านเชื้อเพลิง ได้แก่ ปริมาณความชื้น ปริมาณเถ้า และค่าความร้อน ประกอบด้วย 11 ชุดการทดลองในอัตราส่วน ตะเกียบไม้ไผ่ และเปลือกทุเรียน คือ 100:0 (T1), 90:10 (T2), 80:20 (T3), 70:30 (T4), 60:40 (T5), 50:50 (T6), 40:60 (T7), 30:70 (T8), 20:80 (T9), 10:90 (T10), และ 0:100 (T11) ทำการทดลองจำนวน 3 ซ้ำ อัดแท่งด้วยวิธีการอัดเย็น โดยใช้เครื่องอัดถ่านแบบสกรู และตัวประสานที่ใช้ คือ กาวแป้งเปียก 40 กรัม
ผลการศึกษา พบว่า ถ่านอัดแท่งจากตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้แล้วร่วมกับเปลือกทุเรียน ในชุดการทดลองที่ T4, T5, T6 และ T7 สามารถขึ้นรูป และคงรูปได้สมบูรณ์ที่สุด เมื่อนำมาวิเคราะห์คุณสมบัติทางกายภาพ และคุณสมบัติทางด้านเชื้อเพลิง พบว่า ชุดการทดลองที่ T5 มีความเหมาะสมที่สุดในการนำมาผลิตเป็นถ่านอัดแท่งเนื่องจากมีการขึ้นรูป และคงรูปที่สมบูรณ์ มีค่าความหนาแน่น 1.2029ns กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ดัชนีการแตกร่วน 0.9953ns กรัม ปริมาณความชื้นร้อยละ 0.2078ns ปริมาณเถ้าร้อยละ 2.1682ns และค่าความร้อน 6,796 แคลอรีต่อกรัม เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนของถ่านอัดแท่งปี 2547 กำหนดค่าความร้อนต้องไม่ต่ำกว่า 5,000 แคลรีต่อกรัม มีปริมาณค่าความชื้นไม่ต่ำกว่า 8 โดยน้ำหนัก ตามมาตรฐานกำหนด
2566-11-16T00:00:00Z
การผลิตถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลามจากอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
ธีรารัตน์ จีระมะกร
กุลธิดา ธรรมรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8551
2023-03-19T07:27:08Z
2566-02-16T00:00:00Z
การผลิตถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลามจากอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
ธีรารัตน์ จีระมะกร; กุลธิดา ธรรมรัตน์
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาการผลิตถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลาม (เศษไม้ไผ่กับเศษกะลามะพร้าว) ร่วมกับขี้เลื่อย จากอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการผลิตถ่านอัดแท่งและศึกษาคุณสมบัติของถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลามร่วมกับขี้เลื่อย ได้แก่ คุณสมบัติเชิงกลและคุณสมบัติทางด้านเชื้อเพลิง โดยมีอัตราส่วน 4:1, 3:2, 2:3 และ 1:4 ใช้กาวแป้งเปียกปริมาตร 40 มิลลิลิตร เป็นตัวประสาน โดยใช้อัดแท่งด้วยเครื่องอัดแบบใช้แรงมือ ผลการวิจัย พบว่า ถ่านอัดแท่งที่มีความเหมาะสมที่สุดที่จะนำมาเป็นถ่านอัดแท่ง คือ อัตราส่วน 4:1 เนื่องจากถ่านอัดแท่งที่ได้มีปริมาณความชื้นเท่ากับ 0.2321 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณเถ้าเท่ากับ 8.4319 เปอร์เซ็นต์ ค่าความร้อนสูงที่สุดเท่ากับ 6,250.74 แคลอรี/กรัม ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนถ่านอัดแท่ง (มผช.238/2547)
2566-02-16T00:00:00Z
ปัจจัยที่เหมาะสมต่อการเจริญของเส้นใยเห็ดเผาะในเขตพื้นที่ป่าเขาอังคาร ต้าบลเจริญสุข อ้าเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ บนอาหารเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการ
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8177
2022-03-19T06:40:41Z
2564-11-24T00:00:00Z
ปัจจัยที่เหมาะสมต่อการเจริญของเส้นใยเห็ดเผาะในเขตพื้นที่ป่าเขาอังคาร ต้าบลเจริญสุข อ้าเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ บนอาหารเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการ
สุนทรารักษ์, สุธีรา
เห็ดเผาะ (Astraeus odoratus) เป็นเห็ดป่าเอตโตไมคอร์ไรซาที่เกิดตามธรรมชาติซึ่งได้รับความนิยมนำมาบริโภค อย่างแพร่หลายและมีราคาสูง เนื่องจากพบเฉพาะช่วงฤดูฝน และยังไม่สามารถนำมาเพาะในระบบโรงเรือนเหมือนเห็ดเศรษฐกิจทั่วไปได้ งานวิจัยนี้จึงได้ทำการศึกษาสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญของเส้นใยเห็ดเผาะในห้องปฏิบัติการ จำนวน 2 ไอโซเลต คือ Astraeus KAN04 และ Astraeus KAN05 โดยการทดสอบชนิดอาหารเลี้ยงเชื้อ 4 ชนิด ได้แก่ Potato Dextrose Agar (PDA), Malt Extract Agar (MEA), Potato Dextrose Agar modified+2% ดินภูเขาไฟ (PDA+2%S) และ Cassava Dextrose Agar (CDA) ภายใต้ระดับอุณหภูมิ 25, 30 และ 37 องศาเซลเซียส และค่าความเป็นกรด-ด่างที่ระดับ 4, 7, 9 และ 12 พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p ≤ 0.05) ซึ่งอาหารเลี้ยงเชื้อที่เหมาะสมต่อการเจริญของเส้นใยเห็ดเผาะ ทั้ง 2 ไอโซเลต ได้แก่ อาหารเลี้ยงเชื้อ PDA โดยการเจริญของเห็ดเผาะในไอโซเลต Astraeus KAN04 มากกว่า Astraeus KAN05 และมีเส้นผ่านศูนย์กลางโคโลนีเฉลี่ย เท่ากับ 87.82+1.02 และ 84.42+2.28 ตามลำดับ รองลงมา คือ อาหารเลี้ยงเชื้อ Potato Dextose Agar modified+2% ดินภูเขาไฟ (PDA+2%S) และสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญของเส้นใย คือ เลี้ยงบนอาหาร PDA ที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส โดยมีค่าความเป็นกรด-ด่างที่ระดับ 7 รองลงมา คือ 4, 9 และ 12 ตามลำดับ และมีค่า เส้นผ่านศูนย์กลางโคโลนีเฉลี่ย เท่ากับ 88.67+1.26, 56.23+1.58, 48.27+1.53 และ 32.47+2.16 มิลลิเมตร ตามลำดับ
2564-11-24T00:00:00Z
สื่อประกอบการสอนรายวิชาพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม (4062108)
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8176
2022-03-19T06:31:50Z
สื่อประกอบการสอนรายวิชาพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม (4062108)
สุนทรารักษ์, สุธีรา
เอกสารประกอบการสอนรายวิชาสถิติทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม รหัสวิชา 4063110 ประจำปี 2564
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8175
2022-03-19T06:22:33Z
เอกสารประกอบการสอนรายวิชาสถิติทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม รหัสวิชา 4063110 ประจำปี 2564
สุนทรารักษ์, สุธีรา
การผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากงานหัตถกรรมสินค้า OTOP ชุมชนบ้านหนองบอน ตำบลหนองบอน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
กุลธิดา ธรรมรัตน์
ธีรารัตน์ จีระมะกร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8173
2022-03-19T00:07:27Z
2563-01-01T00:00:00Z
การผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากงานหัตถกรรมสินค้า OTOP ชุมชนบ้านหนองบอน ตำบลหนองบอน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
กุลธิดา ธรรมรัตน์; ธีรารัตน์ จีระมะกร
บทคัดย่อ
การผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากงานหัตถกรรมสินค้า OTOP ชุมชน บ้านหนองบอน ตำบลหนองบอน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยใช้แป้งมันสำปะหลังเป็น ตัวประสาน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งและคุณสมบัติของเชื้อเพลิงอัดแท่ง ใน 5 ชุดการทดลอง ซึ่งประกอบด้วย ขี้เลื่อยไม้ตาลและต้นมันสำปะหลัง ในอัตราส่วน 100:0, 75:25, 50:50, 25:75 และ 0:100
จากการทดลองพบว่าเชื้อเพลิงอัดแท่งในอัตราส่วน 100:0, 75:25, 50:50 และ 25:75 สามารถขึ้นรูปและคงรูปได้ ผลการวิเคราะห์คุณสมบัติทางกลและทางด้านเชื้อเพลิงพบว่าเชื้อเพลงอัดแท่ง ในอัตราส่วนทั้ง 4 มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณลักษณะเชื้อเพลิงอัดเม็ดของประเทศไทย ทั้งนี้ผู้วิจัยเสนอแนะให้เลือกใช้เชื้อเพลิงอัดแท่งที่ผลิตจากขี้เลื่อยไม้ตาลร่วมกับต้นมันสำปะหลัง ในอัตราส่วน 75:25 เนื่องจากมีคุณสมบัติในภาพรวมที่เหมาะสมที่สุด
คำสำคัญ : เชื้อเพลิงอัดแท่ง ขี้เลื่อยไม้ตาล ต้นมันสำปะหลัง และงานหัตถกรรมสินค้า OTOP
2563-01-01T00:00:00Z
เอกสารประกอบการสอน : กฎหมายสิ่งแวดล้อม (ปรับปรุง ปี 2564)
ธีรารัตน์ จีระมะกร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8172
2022-03-18T15:42:51Z
เอกสารประกอบการสอน : กฎหมายสิ่งแวดล้อม (ปรับปรุง ปี 2564)
ธีรารัตน์ จีระมะกร
สื่อการสอน : กฎหมายสิ่งแวดล้อม (ปรับปรุง ปี 2564)
ธีรารัตน์ จีระมะกร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8171
2022-03-18T15:37:15Z
สื่อการสอน : กฎหมายสิ่งแวดล้อม (ปรับปรุง ปี 2564)
ธีรารัตน์ จีระมะกร
การศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียในระบบบึงประดิษฐ์แบบการไหลใต้ผิวดินในแนวดิ่งโดยใช้ชั้นกรองร่วมกับต้นธูปฤาษี และต้นกกกลม
กุลธิดา ธรรมรัตน์
ธีรารัตน์ จีระมะกร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8169
2022-03-18T09:51:46Z
2563-01-01T00:00:00Z
การศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียในระบบบึงประดิษฐ์แบบการไหลใต้ผิวดินในแนวดิ่งโดยใช้ชั้นกรองร่วมกับต้นธูปฤาษี และต้นกกกลม
กุลธิดา ธรรมรัตน์; ธีรารัตน์ จีระมะกร
บทคัดย่อ
การบำบัดน้ำเสียในระบบบึงประดิษฐ์แบบการไหลใต้ผิวดินในแนวดิ่งโดยใช้ชั้นกรองร่วมกับ
ต้นธูปฤาษี และต้นกกกลม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียแบบการไหล
ใต้ผิวดินในแนวดิ่งโดยใช้ชั้นกรองร่วมกับพืช และเพื่อวิเคราะห์คุณภาพน้ำทิ้งในหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้งชุมชน โดยออกแบบชุดการทดลองเพื่อจำลองระบบบำบัดน้ำเสียจากถังพลาสติกขนาด 70 ลิตร ภายในถังมีชั้นกรอง 4 ชั้น ประกอบด้วย 4 ชุดการทดลอง คือ ชุดการทดลองที่ 1 ชั้นกรองร่วมกับต้นธูปฤาษี ชุดการทดลองที่ 2 ชั้นกรองร่วมกับต้นกกกลม
ชุดการทดลองที่ 3 ชั้นกรองร่วมกับต้นธูปฤาษีและต้นกกกลม และชุดการทดลองที่ 4 ชุดควบคุม
(น้ำเสีย) ทำการเก็บตัวอย่างน้ำก่อนเข้าระบบและน้ำที่ผ่านระบบบำบัดในทุก 6 วัน จากนั้นวิเคราะห์
หาค่าพารามิเตอร์ทั้ง 6 พารามิเตอร์ ได้แก่ ค่าความเป็นกรด-ด่าง, บีโอดี, ของแข็งแขวนลอย,
น้ำมันและไขมัน, ไนโตรเจนทั้งหมด และฟอสฟอรัสทั้งหมด ผลการทดลองพบว่า 1) ทั้ง 3 ชุดการทดลอง สามารถบำบัดค่าความเป็นกรด-ด่าง โดยทำให้มีค่าลดลงร้อยละ 3.69-4.43 ซึ่งชุดการทดลองที่ 3 สามารถบำบัดค่าความเป็นกรด-ด่างได้ดีที่สุด 2) ทั้ง 3 ชุดการทดลอง สามารถบำบัดค่าบีโอดีได้ โดยมีค่าลดลงร้อยละ 76.06-83.71 ซึ่งชุดการทดลองที่ 1 สามารถบำบัดค่าบีโอดีได้ดีที่สุด 3) ทั้ง 3 ชุดการทดลอง สามารถบำบัดค่าของแข็งแขวนลอยได้ โดยทำให้ มีค่าลดลงร้อยละ 32.66-54.36 ซึ่งชุดการทดลองที่ 3 สามารถบำบัดค่าของแข็งแขวนลอยได้ดีที่สุด 4) ทั้ง 3 ชุดการทดลอง สามารถบำบัดน้ำมันและไขมันได้ โดยทำให้มีค่าลดลงร้อยละ 51.94-59.18 ซึ่งชุดการทดลองที่ 1 สามารถบำบัดค่าน้ำมันและไขมันได้ดีที่สุด 5) ทั้ง 3 ชุดการทดลอง สามารถบำบัดค่าไนโตรเจนทั้งหมดได้ โดยทำให้มีค่าลดลงร้อยละ 65.91-81.82 ซึ่งชุดการทดลองที่ 3 สามารถบำบัดค่าไนโตรเจนทั้งหมดได้ดีที่สุด 6) ทั้ง 3 ชุดการทดลอง สามารถบำบัดค่าฟอสฟอรัสทั้งหมดได้ โดยมีค่าลดลงร้อยละ 35.00-76.50 ซึ่งชุดการทดลองที่ 2 สามารถบำบัดค่าฟอสฟอรัสทั้งหมดได้ดีที่สุด จากผลการทดลองสามารถสรุปได้ว่าระบบบำบัดแบบการไหลใต้ผิวดิน ในแนวดิ่งโดยใช้ชั้นกรองร่วมกับ ต้นธูปฤาษีและต้นกกกลม (ชุดการทดลองที่ 3) มีประสิทธิภาพสูงสุด ในการบำบัดน้ำทิ้งจากหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
2563-01-01T00:00:00Z
การผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเปลือกถั่วลิสงร่วมกับผักตบชวา เพื่อใช้ในการปลูกผักกวางตุ้ง
กุลธิดา ธรรมรัตน์
ธีรารัตน์ จีระมะกร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8168
2022-03-18T09:48:53Z
2563-01-01T00:00:00Z
การผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเปลือกถั่วลิสงร่วมกับผักตบชวา เพื่อใช้ในการปลูกผักกวางตุ้ง
กุลธิดา ธรรมรัตน์; ธีรารัตน์ จีระมะกร
บทคัดย่อ
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเปลือกถั่วลิสงร่วมกับผักตบชวา และศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพ คุณสมบัติทางเคมี และด้านธาตุอาหารหลักของปุ๋ย โดยผลิตปุ๋ยอินทรีย์ จำนวน 3 สูตร ได้แก่ ปุ๋ยสูตรที่ 1 : เปลือกถั่วลิสง + ผักตบชวา (1:3) ปุ๋ยสูตรที่ 2 : เปลือกถั่วลิสง + ผักตบชวา (2:2) ปุ๋ยสูตรที่ 3 : เปลือกถั่วลิสง + ผักตบชวา (3:1) วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (CRD) ใน 4 ชุดการทดลอง จำนวน 5 ซ้ำ เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของปุ๋ยอินทรีย์ในการใช้ปลูกผักกวางตุ้ง
ผลการทดลองพบว่าปุ๋ยอินทรีย์จากเปลือกถั่วลิสงร่วมกับผักตบชวา ทั้ง 3 สูตร มีลักษณะ ทางกายภาพใกล้เคียงกัน โดยมีขนาดน้อยกว่า 10 มิลลิเมตร มีสีดำปนน้ำตาล ไม่มีกลิ่น มีค่าความชื้น 1.51-1.71 เปอร์เซ็นต์ มีลักษณะทางเคมี ได้แก่ ค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 7.45-7.83 ค่าการนำไฟฟ้าอยู่ในช่วง 4.48-4.70 เดซิซีเมนต์/เมตร ค่าปริมาณอินทรียวัตถุร้อยละ 28.70-29.00 เปอร์เซ็นต์ มีธาตุอาหารหลัก ได้แก่ ไนโตรเจนเท่ากับ 1.6 เปอร์เซ็นต์ ฟอสฟอรัสเท่ากับ 0.6 เปอร์เซ็นต์ และโพแทสเซียมเท่ากับ 2.1 เปอร์เซ็นต์ โดยผ่านเกณฑ์มาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ การศึกษาผลต่อ การเจริญเติบโตของผักกวางตุ้งพบว่าปุ๋ยอินทรีย์สูตรที่ 2 ให้ค่าการเจริญเติบโตด้านความกว้างของใบ ความยาวของใบ จำนวนใบ ความสูงของลำต้น เส้นรอบวงของของลำต้น และน้ำหนักสด-แห้ง มากที่สุด ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า เปลือกถั่วลิสงและผักตบชวาซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากชุมชนสามารถนำมาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงในการปลูกผักกวางตุ้งได้
คำสำคัญ : ปุ๋ยอินทรีย์ ผักกวางตุ้ง เปลือกถั่วลิสง ผักตบชวา
2563-01-01T00:00:00Z
การประเมินวัฏจักรชีวิตของการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโม
ธีรารัตน์ จีระมะกร
กุลธิดา ธรรมรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8167
2022-03-18T09:20:54Z
2564-01-01T00:00:00Z
การประเมินวัฏจักรชีวิตของการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโม
ธีรารัตน์ จีระมะกร; กุลธิดา ธรรมรัตน์
งานวิจัยนี้ ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จากการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโม โดยใช้การประเมินวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment: LCA) มาตรฐานISO 14040 ทำการศึกษา 2 ขั้นตอน คือ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ขั้นตอนการขนส่งและการจำหน่ายของข้าวแต๋นน้ำแตงโมโดยได้ศึกษาจากตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปข้าวแต๋นน้ำแตงโม บ้านม่วงทะเล ตำบลแคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐานและยื่นขออนุญาตผลิตได้รับเลขสารระบบอาหาร (อย.) ที่มีการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโมโดยได้วางจ้าหน่ายเองในพื้นที่เมืองบุรีรัมย์และต่างจังหวัด ผลการศึกษาพบว่าการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโมมีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดเท่ากับ 9,480.2969 kgCO2eq โดยขั้นตอนการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโมมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดเท่ากับ 6,059.7524 kgCO2eq ขั้นตอนการขนส่งและจัดจ้าหน่ายมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุดเท่ากับ 3,420.5445 kgCO2eq โดยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วย 1 กิโลกรัมเท่ากับ14.1286 kgCO2eq/kg
2564-01-01T00:00:00Z
การประเมินวัฏจักรชีวิตของการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโม
ธีรารัตน์ จีระมะกร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8166
2022-03-18T09:10:20Z
2564-10-15T00:00:00Z
การประเมินวัฏจักรชีวิตของการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโม
ธีรารัตน์ จีระมะกร
งานวิจัยนี้ ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จากการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโม โดยใช้การประเมินวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment: LCA) มาตรฐานISO 14040 ทำการศึกษา 2 ขั้นตอน คือ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ขั้นตอนการขนส่งและการจำหน่ายของข้าวแต๋นน้ำแตงโมโดยได้ศึกษาจากตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปข้าวแต๋นน้ำแตงโม บ้านม่วงทะเล ตำบลแคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐานและยื่นขออนุญาตผลิตได้รับเลขสารระบบอาหาร (อย.) ที่มีการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโมโดยได้วางจ้าหน่ายเองในพื้นที่เมืองบุรีรัมย์และต่างจังหวัด ผลการศึกษาพบว่าการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโมมีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดเท่ากับ 9,480.2969 kgCO2eq โดยขั้นตอนการผลิตข้าวแต๋นน้ำแตงโมมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดเท่ากับ 6,059.7524 kgCO2eq ขั้นตอนการขนส่งและจัดจ้าหน่ายมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุดเท่ากับ 3,420.5445 kgCO2eq โดยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วย 1 กิโลกรัมเท่ากับ14.1286 kgCO2eq/kg
2564-10-15T00:00:00Z
สื่อการสอน มลพิษสิ่งแวดล้อม
กุลธิดา, ธรรมรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8165
2022-03-18T08:53:56Z
สื่อการสอน มลพิษสิ่งแวดล้อม
กุลธิดา, ธรรมรัตน์
มลพิษสิ้งแวดล้อม
กุลธิดา, ธรรมรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8164
2022-03-18T08:48:23Z
มลพิษสิ้งแวดล้อม
กุลธิดา, ธรรมรัตน์
การผลิตการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากใบกระถินณรงค์และเปลือกข้าวโพด ต่อการเจริญเติบโตของผักกวางตุ้ง
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7863
2021-09-14T02:00:00Z
2564-09-10T00:00:00Z
การผลิตการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากใบกระถินณรงค์และเปลือกข้าวโพด ต่อการเจริญเติบโตของผักกวางตุ้ง
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากใบกระถินณรงค์และเปลือกข้าวโพด
2) วิเคราะห์คุณสมบัติทางกายภาพได้แก่ ขนาด สี กลิ่น ลักษณะของเนื้อปุ๋ย อุณหภูมิ และความชื้น คุณสมบัติทางเคมี ได้แก่ ค่าความเป็นกรด-ด่าง การนำไฟฟ้า และปริมาณอินทรียวัตถุ และธาตุอาหารหลักได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม และ 3) เพื่อศึกษาผลของปุ๋ยอินทรีย์ที่มีต่อการเจริญเติบโตของผักกวางตุ้ง ได้แก่ ด้านความกว้าง ความยาว และจำนวนของใบ ความสูง เส้นรอบวงของลำต้น น้ำหนักสด และน้ำหนักแห้ง โดยผลิตปุ๋ยอินทรีย์จำนวน 3 สูตร ได้แก่ สูตรที่ 1 (ใบกระถินณรงค์ + มูลวัว) สูตรที่ 2 (เปลือกข้าวโพด + มูลวัว) และสูตรที่ 3 (ใบกระถินณรงค์ + เปลือกข้าวโพด + มูลวัว) ออกแบบเพื่อทดสอบผลของปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโตของกวางตุ้งโดยทำการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ 4 ชุดการทดลองๆ ละ 5 ซ้ำ รวม 20 ชุดการทดลอง และวิเคราะห์คุณสมบัติของปุ๋ยอินทรีย์ ได้แก่ คุณสมบัติทางกายภาพ ทางเคมี และปริมาณธาตุอาหารหลัก
ผลการทดลองพบว่า ปุ๋ยอินทรีย์จากใบกระถินณรงค์และเปลือกข้าวโพดทั้ง 3 สูตร มีลักษณะทางกายภาพ ดังนี้ ปุ๋ยมีขนาด 1-2 มิลลิเมตร สีน้ำตาลเข้มถึงดำ ไม่มีกลิ่น และมีความชื้นระหว่าง 0.228-0.417 เปอร์เซ็นต์ มีลักษณะทางเคมี ได้แก่ ค่าความเป็นกรด-ด่างระหว่าง 7.885-8.156 ค่าการนำไฟฟ้าระหว่าง 0.054 - 0.072 เดซิซีเมนต์/เมตร ปริมาณอินทรียวัตถุระหว่าง 59.710-59.711 เปอร์เซ็นต์ และมีธาตุอาหารหลัก คือ ไนโตรเจนระหว่าง 1.72-1.83 เปอร์เซ็นต์ ฟอสฟอรัสระหว่าง 0.72-0.82 เปอร์เซ็นต์ และโพแทสเซียมระหว่าง 1.77-2.65 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปุ๋ยทุกสูตรมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์มาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ (กรมวิชาการเกษตร, 2548) การศึกษาผลต่อการเจริญเติบโตของผักกวางตุ้ง สามารถสรุปได้ว่าปุ๋ยอินทรีย์ทั้ง 3 สูตรมีความเหมาะสมต่อการปลูกผักกวางตุ้ง และไม่มีแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p≤0.05)
2564-09-10T00:00:00Z
การผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งจากมูลวัวร่วมกับกากกาแฟ เพื่อเป็นพลังงานทดแทน
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7862
2021-09-14T01:57:23Z
2564-09-10T00:00:00Z
การผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งจากมูลวัวร่วมกับกากกาแฟ เพื่อเป็นพลังงานทดแทน
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาการผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งจากมูลวัวร่วมกับกากกาแฟเพื่อเป็นพลังงานทดแทน โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ โดยอัตราส่วนระหว่างมูลวัวต่อกากกาแฟ ได้แก่ T(1), T(2), T(3), T(4), T(5), T(6), T(7), T(8), T(9), T(10), และ T(11) คือ 0:100, 10:90, 20:80, 30:70, 40:60, 50:50, 60:40, 70:30, 80:20, 90:10 และ 0:100 ตามลำดับ 11 ชุดการทดลองๆ ละ 3 ช้ำ ทำการอัดแท่งเชื้อเพลิงแบบอัดเย็นใช้ กาวแป้งเปียกเป็นตัวประสาน พบว่าอัตราส่วน 60:40, 70:30, 80:20 และ 90:10 สามารถขึ้นรูปและ สามารถคงรูปได้ ซึ่งมีความเหมาะสมในการผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่ง จึงนำมาวิเคราะห์คุณสมบัติของ เชื้อเพลิงอัดแท่ง ได้แก่ สรุปได้ว่าเชื้อเพลิงอัดแท่งที่อัตราส่วน 60:40 มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดคือ มีปริมาณความชื้นร้อยละ 2.5197 ปริมาณเถ้าร้อยละ 30.1833 สารระเหยได้ร้อยละ 2.5197 คาร์บอนคงตัวร้อยละ 35.9066 และค่าความร้อน 3,094.71 แคลอรี่ต่อกรัม
2564-09-10T00:00:00Z
การผลิตถ่านอัดแท่งจากกะลามะพร้าวและตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้แล้ว
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7861
2021-09-14T01:54:47Z
2564-09-10T00:00:00Z
การผลิตถ่านอัดแท่งจากกะลามะพร้าวและตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้แล้ว
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการผลิตถ่านอัดแท่งจากกะลามะพร้าวและตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้แล้วและศึกษาคุณสมบัติของถ่านอัดแท่งตามคุณลักษณะที่ต้องการของเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนของถ่านอัดแท่ง (มผช.238/2547) ได้แก่ ลักษณะทั่วไปของถ่านอัดแท่ง การใช้งานเมื่อติดไฟ ปริมาณความชื้น ค่าความร้อน ความหนาแน่น และดัชนีการแตกร่วน รวมถึงระยะเวลาในการจุดติดไฟ ระยะเวลาในการมอดดับ และประสิทธิภาพการให้ความร้อน ใช้วัตถุดิบหลัก 2 ชนิด คือ กะลามะพร้าว และตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้แล้วประสานด้วยกาวแป้งเปียก 30 มิลลิลิตร อัดแท่งด้วยเครื่องอัดชนิดเย็น จำนวน 11 ชุดการทดลอง ในอัตราส่วนกะลามะพร้าวต่อตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้แล้ว คือ (T1) 100:0, (T2) 90:10, (T3) 80:20, (T4) 70:30, (T5) 60:40, (T6) 50:50, (T7) 40:60, (T8) 30:70, (T9) 20:80, (T10) 10:90 และ (T11) 0:100 ตามลำดับ ผลการศึกษาพบว่าถ่านอัดแท่ง สามารถขึ้นรูป และคงรูปได้สมบูรณ์จำนวน 6 ชุดการทดลอง เป็นรูปทรงกระบอกมีเหลี่ยม และมีรูตรงกลางแท่งทรงกระบอก มีขนาดใกล้เคียงกัน มีสีดำสม่ำเสมอ ไม่เปราะ บางส่วนมีการแตกหักเพียงเล็กน้อย เมื่อจุดติดไฟไม่มีสะเก็ดไฟกระเด็น ไม่มีควัน และไม่มีกลิ่นฉุน มีปริมาณความชื้นระหว่าง 0.1425-0.1747 เปอร์เซ็นต์ ค่าความร้อนระหว่าง 5,854-6,507 แคลอรีต่อกรัม ความหนาแน่นระหว่าง 1.1703-1.1752 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ดัชนีการแตกร่วนระหว่าง 0.9707-0.9963 ระยะเวลาในการมอดดับระหว่าง 182-231 นาที มีประสิทธิภาพการให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงสุดระหว่าง 93-96 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิของน้ำลดลงที่ 50 องศาเซลเซียส ระหว่าง 125-160 นาที จากการทดสอบคุณสมบัติเบื้องต้นชุดการทดลองที่ 3 (80:20) เป็น ชุดการทดลองที่ดีที่สุด มีปริมาณความชื้น 0.1488 เปอร์เซ็นต์ ค่าความร้อน 6,507 แคลอรีต่อกรัม ความหนาแน่น 1.2660 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ดัชนีการแตกร่วน 0.9949 ระยะเวลาในการมอดดับ 219 นาที ประสิทธิภาพการให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 95 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิของน้ำลดลงที่ 50 องศาเซลเซียส ที่ 160 นาที
2564-09-10T00:00:00Z
การบำบัดน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้าโดยใช้ผักกาดขาวไดโตเกียวเบกาน่าในระบบไฮโดรโปนิกส์แบบ NFT
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7860
2021-09-14T01:50:17Z
2564-09-10T00:00:00Z
การบำบัดน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้าโดยใช้ผักกาดขาวไดโตเกียวเบกาน่าในระบบไฮโดรโปนิกส์แบบ NFT
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
การบำบัดน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้าโดยใช้ผักกาดขาวไดโตเกียวเบกาน่าในระบบไฮโดรโปนิกส์แบบ NFTมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบำบัดคุณภาพน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้าและศึกษาการเจริญเติบโตของผักกาดขาวไดโตเกียวเบกาน่าในน้ำทิ้งจากเครื่อง ซักผ้าด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์แบบ NFTวางแผนการทดลองแบบ Completely Randomized Design (CRD) ทั้งหมด 4 ชุดการทดลอง โดยใช้น้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้า 3 ชุดการทดลอง และน้ำ+สารละลายธาตุอาหาร A B 1 ชุดการทดลอง ชุดการทดลองละ 3 ซ้ำ ปลูกพืชรางละ 3 ต้น ทำการเก็บข้อมูลวิเคราะห์คุณภาพน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้าในระบบไฮโดรโปนิกส์ แบบ NFT น้ำเข้า – น้ำออก ผลการทดลอง พบว่าผักกาดขาวไดโตเกียวเบกาน่าในระบบไฮโดรโปนิกส์แบบแนวนอนสามารถบำบัดน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้าได้ เมื่อพิจารณาจากผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้า ได้แก่ พีเอชเท่ากับ 7.8-8.7 ค่าการนำไฟฟ้าเท่ากับ 1.5 บีโอดีลดลงร้อยละ 68.31 น้ำมันและไขมันลดลงร้อยละ 82.83 ฟอสฟอรัสทั้งหมดลดลงร้อยละ 4.58 ไนโตรเจนทั้งหมดลดลงร้อยละ 44.10 และของแข็งแขวนลอยเพิ่มขึ้นร้อยละ 78.88 ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐานควบคุม การระบายน้ำทิ้งจากระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน และการเจริญเติบโตของผักกาดขาวไดโตเกียวเบกาน่า จะเห็นได้ว่าสามารถเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในน้ำทิ้งจากเครื่องซักผ้า และไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 มีความเหมาะสมในการปลูกผักกาดขาวไดโตเกียวเบกาน่าในระบบไฮโดรโปนิกส์แบบ NFTเนื่องจากมีปริมาณธาตุอาหารที่เพียงพอที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
2564-09-10T00:00:00Z
เอกสารประกอบการสอน : การจัดการขยะและกากเป็นพิษ (ปรับปรุง ปี 2564)
จีระมะกร, ธีรารัตน์
ธีรารัตน์, จีระมะกร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7859
2021-09-14T00:37:28Z
เอกสารประกอบการสอน : การจัดการขยะและกากเป็นพิษ (ปรับปรุง ปี 2564)
จีระมะกร, ธีรารัตน์; ธีรารัตน์, จีระมะกร
สื่อการสอน : การจัดการขยะและกากเป็นพิษ (ปรับปรุง ปี 2564)
จีระมะกร, ธีรารัตน์
ธีรารัตน์, จีระมะกร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7858
2021-09-14T00:35:04Z
สื่อการสอน : การจัดการขยะและกากเป็นพิษ (ปรับปรุง ปี 2564)
จีระมะกร, ธีรารัตน์; ธีรารัตน์, จีระมะกร
การผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนจากผักตบชวาและเศษแตงโมเพื่อใช้ปลูกผักกาดหอม
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
จีระมะกร, ธีรารัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7839
2021-09-13T08:27:36Z
2564-09-10T00:00:00Z
การผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนจากผักตบชวาและเศษแตงโมเพื่อใช้ปลูกผักกาดหอม
ธรรมรัตน์, กุลธิดา; จีระมะกร, ธีรารัตน์
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาวัสดุที่เหมาะสมต่อการผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือน ได้แก่ 1) ผักตบชวา และ 2) เศษแตงโม โดยนำวัสดุทั้ง 2 ชนิด มาผสมตามอัตราส่วน ดังนี้ 1) ผักตบชวา 4 กิโลกรัมผสมกับมูลวัว 4 กิโลกรัม 2) เศษแตงโม 4 กิโลกรัมผสมกับมูลวัว 4 กิโลกรัม และ 3) ผักตบชวา 2 กิโลกรัม ร่วมกับเศษแตงโม 2 กิโลกรัมและมูลวัว 4 กิโลกรัม จากนั้นนำวัสดุที่ผสมตามอัตราส่วนทั้ง 3 มาใช้เลี้ยงเป็นอาหารของไส้เดือนเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งจะได้ปุ๋ยมูลไส้เดือนทั้ง 3 สูตร จากนั้นนำปุ๋ยไส้เดือนวิเคราะห์หาคุณสมบัติทางเคมี และทดลองปลูกผักกาดหอม ผลการวิเคราะห์ทางเคมีของปุ๋ยมูลไส้เดือนสูตรที่ 1, 2, และ 3 ดังนี้ 1) ความเป็นกรด–ด่าง (pH) เท่ากับ 7.79, 7.50 และ 6.97 2) ความชื้น (ร้อยละโดยน้ำหนัก) เท่ากับ 10.48, 8.48 และ 7.45 3) อินทรียวัตถุ (ร้อยละโดยน้ำหนัก) เท่ากับ 42.81, 43.84 และ 44.58 4) ธาตุอาหารหลักของพืช ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม สูตรที่ 1 มีค่าเท่ากับ 1.58, 1.24 และ 0.56 สูตรที่ 2 มีค่าเท่ากับ 1.10, 0.60 และ 0.78 และ สูตรที่ 3 มีค่าเท่ากับ 1.52, 1.32 และ 0.52 ตามลำดับ โดยผลการวิเคราะห์ทางเคมีของปุ๋ยมูลไส้เดือนทั้ง 3 สูตร พบว่าทุกพารามิเตอร์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ของกรมวิชาการเกษตร และนำปุ๋ยมูลไส้เดือนทดลองปลูกผักกาดหอมเพื่อวัดการเจริญเติบโต ดังนี้ ชุดการทดลองที่ 1 (ไม่ใส่ปุ๋ย) ชุดการทดลองที่ 2 (ใส่ปุ๋ยหมัก) ชุดการทดลองที่ 3 (ใส่ปุ๋ยมูลไส้เดือนสูตรที่ 1) ชุดการทดลองที่ 4 (ใส่ปุ๋ยมูลไส้เดือนสูตรที่ 2) และชุดการทดลองที่ 5 (ใส่ปุ๋ยมูลไส้เดือนสูตรที่ 3) วางแบบแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (CRD) 5 ชุดการทดลองๆ ละ 5 ซ้ำ จึงสรุปได้ว่าปุ๋ยมูลไส้เดือนทั้ง 3 สูตร มีความเหมาะสมในการปลูกผักกาดหอม
2564-09-10T00:00:00Z
การประเมินคุณภาพน้ำคลองจรเข้มาก และแหล่งน้ำดิบ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
รอดอารี, สถิตรัตน์
ปลายเนตร, กรรณิการ์
พวงจันทร์, จิรัญติญา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7798
2021-09-12T14:45:55Z
2021-05-14T00:00:00Z
การประเมินคุณภาพน้ำคลองจรเข้มาก และแหล่งน้ำดิบ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
รอดอารี, สถิตรัตน์; ปลายเนตร, กรรณิการ์; พวงจันทร์, จิรัญติญา
2021-05-14T00:00:00Z
การศึกษาประสิทธิผลของสมุนไพรมาส์กหน้าด้วยใบเครือหมาน้อย และโปรตีนสกัดเซริซิน (Sericin) จากเศษรังไหม
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7796
2021-09-12T12:55:24Z
2564-08-06T00:00:00Z
การศึกษาประสิทธิผลของสมุนไพรมาส์กหน้าด้วยใบเครือหมาน้อย และโปรตีนสกัดเซริซิน (Sericin) จากเศษรังไหม
สุนทรารักษ์, สุธีรา
บทความวิจัย
2564-08-06T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากก้อนเชื้อเห็ดเก่าเหลือทิ้งร่วมกับกากกาแฟ เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตเห็ดในชุมชน
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7795
2021-09-12T12:19:12Z
2564-05-07T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากก้อนเชื้อเห็ดเก่าเหลือทิ้งร่วมกับกากกาแฟ เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตเห็ดในชุมชน
สุนทรารักษ์, สุธีรา
บทความวิจัย
2564-05-07T00:00:00Z
สื่อการสอน รายวิชา แร่ธาตุ พลังงานและการอนุรักษ์ (ปรับปรุง ปี 2563)
จีระมะกร, ธีรารัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7453
2021-03-19T09:43:01Z
สื่อการสอน รายวิชา แร่ธาตุ พลังงานและการอนุรักษ์ (ปรับปรุง ปี 2563)
จีระมะกร, ธีรารัตน์
การจัดการและการอนุรักษ์ทรัพยากรพลังงาน (ฉบับปรับปรุง ปี 2563)
จีระมะกร, ธีรารัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7452
2021-03-19T09:36:48Z
การจัดการและการอนุรักษ์ทรัพยากรพลังงาน (ฉบับปรับปรุง ปี 2563)
จีระมะกร, ธีรารัตน์
การผลิตถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลาม ร่วมกับขี้เลื่อย
จีระมะกร, ธีรารัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7451
2021-03-19T09:27:00Z
2020-11-29T00:00:00Z
การผลิตถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลาม ร่วมกับขี้เลื่อย
จีระมะกร, ธีรารัตน์
หัวข้องานวิจัย : การผลิตถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลาม
ร่วมกับขี้เลื่อยจากอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
ผู้วิจัย : อาจารย์ ดร.ธีรารัตน์ จีระมะกร, จิตราวดี ดีนิยม และศราวดี สาแก้ว
สาขาวิชา : วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ปีการศึกษา : 2563
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาการผลิตถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลามร่วมกับขี้เลื่อยจากอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการผลิตถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลามร่วมกับขี้เลื่อยจากอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์และศึกษาคุณสมบัติของถ่านอัดแท่งจากเศษวัสดุเหลือทิ้งในการผลิตข้าวหลามร่วมกับขี้จากอำเภอ
ท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ ศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพ ได้แก่ สี กลิ่น ศึกษาคุณสมบัติเชิงกล ได้แก่ การขึ้นรูป การคงรูป ความหนาแน่น และดัชนีการแตกร่วน ศึกษาคุณสมบัติทางด้านเชื้อเพลิง ได้แก่ ปริมาณความชื้น ปริมาณเถ้า ค่าความร้อน ประสิทธิภาพการให้ความร้อน ระยะเวลาในการจุดติดไฟ และระยะเวลาในการมอดดับ และทดสอบการใช้งานเมื่อติดไฟ ใช้วัตถุดิบระหว่าง เศษไม้ไผ่ และกะลามะพร้าว : ขี้เลื่อย โดยใช้กาวแป้งเปียกเป็นตัวประสานปริมาตร 40 มิลลิลิตร อัดแท่งด้วยเครื่องอัดแบบใช้แรงมือ จำนวน 4 ชุดการทดลอง ในอัตราส่วน T1 (4:1), T2 (3:2), T3 (2:3) และT4 (1:4) ตามลำดับ
ผลการทดลอง พบว่า ถ่านอัดแท่งสามารถขึ้นรูป และสามารถคงรูปได้จำนวน 3 ชุดการทดลอง ได้แก่ อัตราส่วน T1 (4:1), T2 (3:2) และT3 (2:3) จากนั้นนำทั้ง 3 ชุดการทดลองไปทดสอบคุณสมบัติเชิงกล และคุณสมบัติทางด้านเชื้อเพลิง ซึ่งชุดการทดลองที่มีความเหมาะสมที่สุดที่จะนำมาเป็น
ถ่านอัดแท่ง คือ ชุดการทดลอง T1 เนื่องจากเป็นรูปทรงกระบอก สีดำสม่ำเสมอ ไม่มีกลิ่น สามารถขึ้นรูป และคงรูปได้ มีค่าความหนาแน่นมากที่สุดเท่ากับ 0.7275 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร มีค่าดัชนี
การแตกร่วนเท่ากับ 0.9906 มีปริมาณความชื้นเท่ากับ 0.2321 เปอร์เซ็นต์ มีปริมาณเถ้าใกล้เคียงเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนถ่านไม้หุงต้ม (มผช.657/2547) เท่ากับ 8.4319 เปอร์เซ็นต์
มีค่าความร้อนสูงที่สุดเท่ากับ 6,250.74 แคลอรี/กรัม มีประสิทธิภาพการให้ความร้อนเท่ากับ 84 องศาเซลเซียส ที่เวลา 36 นาที มีการไต่ระดับความร้อนสม่ำเสมอไม่ตกระดับ มีระยะเวลาในการจุดติดไฟที่ 3 นาที และระยะเวลาในการมอดดับที่ 163 นาที เมื่อจุดติดไฟไม่มีสะเก็ดไฟ ไม่มีควัน และไม่มีกลิ่นตลอดระยะเวลาในการทดสอบ และเมื่อทำการเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนถ่านอัดแท่ง (มผช.238/2547) พบว่า ค่าความร้อนสูงกว่า 5,000 แคลอรี/กรัม ดัชนีการแตกร่วนมี
ค่าเข้าใกล้ 1 ปริมาณความชื้นต่ำกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณเถ้าใกล้เคียง 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้มในครัวเรือนได้
คำสำคัญ : ถ่านอัดแท่ง เศษไม้ไผ่ กะลามะพร้าว ขี้เลื่อย
2020-11-29T00:00:00Z
การผลิตถ่านกัมมันต์จากกากกาแฟผสมแกลบเพื่อใช้ดูดซับสีย้อมในน้ำเสียสังเคราะห์
คณิตตา ธรรมจริยวงศา, สถิตรัตน์ รอดอารี
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7140
2020-09-16T09:33:27Z
2563-01-01T00:00:00Z
การผลิตถ่านกัมมันต์จากกากกาแฟผสมแกลบเพื่อใช้ดูดซับสีย้อมในน้ำเสียสังเคราะห์
คณิตตา ธรรมจริยวงศา, สถิตรัตน์ รอดอารี
งานวิจัยนี้ศึกษาการเตรียมถ่านกัมมันต์ที่ผลิตจากกากกาแฟผสมแกลบ ซึ่งกระตุ้นทางเคมีด้วยซิงก์คลอไรด์ เพื่อใช้ในกำจัดน้ำเสียสีย้อมสังเคราะห์ โดยถ่านคาร์บอไนซ์เตรียมได้จากการเผากากกาแฟที่อุณหภูมิ 400 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมง และเผาแกลบที่อุณหภูมิ 400 องศาเซลเซียส 2 ชั่วโมง ถ่านกัมมันต์เตรียมได้โดยนำกากกาแฟและแกลบที่ผ่านการเผามาผสมกัน ในอัตราส่วน 5 : 5 กรัม และกระตุ้นด้วยซิงก์คลอไรด์ในอัตราส่วน 1:3 ด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 500 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที ที่สภาวะดังกล่าวได้ถ่านกัมมันต์ที่มีค่าไอโอดีนนัมเบอร์สูงสุดเท่ากับ 410.33 มิลลิกรัมต่อกรัม นอกจากนี้ได้ศึกษาคุณสมบัติอื่น ๆ ที่มีผลต่อการดูดซับน้ำเสียสีย้อมสังเคราะห์ ได้แก่ ปริมาณถ่านกัมมันต์ ระยะเวลาเขย่า ค่าพีเอช และไอโซเทอร์ม พบว่าการดูดซับน้ำเสียสีย้อมสังเคราะห์ประเภทเอซิด โทนสีแดง ที่ความเข้มข้น 1,500 มิลลิกรัมต่อลิตร ในปริมาณที่ใช้ 50 มิลลิลิตร ผลจากการทดลองปรากฏว่าถ่านกัมมันต์ที่ผลิตจากกากกาแฟผสมแกลบ ในปริมาณ 5 กรัม ที่พีเอช 2 ด้วยเครื่องเขย่าตามแนวราบเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง มีประสิทธิภาพการดูดซับน้ำเสียสีย้อมสังเคราะห์ที่ดีที่สุด คือ 95.21 เปอร์เซ็นต์ และไอโซเทอร์มการดูดซับของถ่านกัมมันต์ที่ผลิตจากกากกาแฟผสมแกลบสอดคล้องกับไอโซเทอร์ม แบบแลงเมียร์ แสดงให้เห็นว่าเป็นการดูดซับแบบชั้นเดียว และปริมาณซีโอดีในน้ำเสียสีย้อมสังเคราะห์หลังการดูดซับตรวจวัดได้ 224 มิลลิกรัมต่อลิตร
2563-01-01T00:00:00Z
การศึกษาประสิทธิภาพการดูดซับสีย้อมผ้าไหมโดยใช้ถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวเคลือบไทเทเนียมไดออกไซด์
คณิตตา ธรรมจริยวงศา
คณิตตา ธรรมจริยวงศา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7139
2020-09-16T09:25:47Z
2562-01-01T00:00:00Z
การศึกษาประสิทธิภาพการดูดซับสีย้อมผ้าไหมโดยใช้ถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวเคลือบไทเทเนียมไดออกไซด์
คณิตตา ธรรมจริยวงศา; คณิตตา ธรรมจริยวงศา
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาประสิทธิภาพการดูดซับสีย้อมผ้าไหมโดยใช้ถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวและถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวเคลือบไทเทเนียมไดออกไซด์ มีการศึกษาวิธีการเตรียมถ่านกัมมันต์ที่ขนาดและสภาวะการกระตุ้นต่างกัน วิเคราะห์คุณสมบัติบางประการของถ่านกัมมันต์ และนำถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวเคลือบด้วยไทเทเนียมไดออกไซด์ วิเคราะห์ค่าการดูดซับไอโอดีนและพื้นที่ผิวจำเพาะ และศึกษาประสิทธิภาพการดูดซับสีย้อมโดยใช้ถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าว และถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวเคลือบไทเทเนียม ไดออกไซด์ และนำสภาวะที่เหมาะสมไปทดสอบการดูดซับในน้ำเสียจริงจากศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านอำเภอนาโพธิ์
จากการวิเคราะห์สมบัติบางประการของถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าว พบว่าถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวให้ผลดีที่ขนาดถ่านกัมมันต์น้อยกว่า 80 เมช สภาวะการกระตุ้น 1:3.5 ให้ผลการศึกษาความสามารถการดูดซับไอโอดีนและคำนวณพื้นที่ผิวจำเพาะของถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าว เท่ากับ 1,120.79 mg/g และ 1,073.06 m2 /g ตามลำดับ ถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวเคลือบไทเทเนียมไดออกไซด์ให้ผลการศึกษาความสามารถการดูดซับไอโอดีนและคำนวณพื้นที่ผิวจำเพาะ เท่ากับ 1,155.06 mg/g และ 1,102.48 m2 /g ตามลำดับ การทดสอบประสิทธิภาพการกำจัดสารละลายน้ำเสียสังเคราะห์สีแอซิดโทนสีแดงของถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าว ทุกการทดลองสามารถดูดซับน้ำเสียสีย้อมสังเคราะห์ได้ ประสิทธิภาพการกำจัดสารละลายน้ำเสียสังเคราะห์สีแอซิดโทนสีแดงของถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวที่ให้ผลดีที่สุดในการทดลองครั้งนี้คือ ปริมาณถ่านกัมมันต์ที่ใช้ 4 กรัม ความเป็นกรดด่างของสารละลายอยู่ที่พีเอช 7 ระยะเวลาปั่นกวน 180 นาที โดยให้ประสิทธิภาพสูงสุดที่ 80 % เมื่อทดสอบประสิทธิภาพการกำจัดน้ำเสียสีย้อมจากศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านอำเภอนาโพธิ์ของถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าว และถ่านกัมมันต์จากกะลามะพร้าวเคลือบไทเทเนียมไดออกไซด์ พบว่าให้ประสิทธิภาพการกำจัดสูงสุดที่ 95.17 เปอร์เซ็นต์และ 85 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับที่เวลา 180 นาทีและค่าความเป็นกรดด่างเท่ากับ 7
2562-01-01T00:00:00Z
แบบฟอร์มขอยืมอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7138
2020-09-16T09:07:15Z
แบบฟอร์มขอยืมอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
แบบฟอร์มขอยืมอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
ารศึกษาปริมาณและองค์ประกอบขยะมูลฝอย เพื่อหาวิธีการจัดการขยะ
สถิตรัตน์, รอดอารี
คงพลปาน, วันชัย
ต่างประโคน, สราวุธ
จิราภานุสรณ์, สุพรรณษา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5987
2020-03-21T10:25:21Z
2020-03-21T00:00:00Z
ารศึกษาปริมาณและองค์ประกอบขยะมูลฝอย เพื่อหาวิธีการจัดการขยะ
สถิตรัตน์, รอดอารี; คงพลปาน, วันชัย; ต่างประโคน, สราวุธ; จิราภานุสรณ์, สุพรรณษา
2020-03-21T00:00:00Z
วัสดุช่วยตกตะกอนในระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอเอส
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5741
2019-09-28T11:22:22Z
2556-01-01T00:00:00Z
วัสดุช่วยตกตะกอนในระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอเอส
รอดอารี, สถิตรัตน์
2556-01-01T00:00:00Z
พลาสติกกับการย่อยสลาย
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5739
2019-09-28T11:04:24Z
2555-01-01T00:00:00Z
พลาสติกกับการย่อยสลาย
รอดอารี, สถิตรัตน์
2555-01-01T00:00:00Z
ขยะอิเล็กทรอนิกส์
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5738
2019-09-28T10:56:16Z
2557-01-01T00:00:00Z
ขยะอิเล็กทรอนิกส์
รอดอารี, สถิตรัตน์
2557-01-01T00:00:00Z
ระบบบำบัดน้ำเสียทางชีวภาพ
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5737
2019-09-28T10:53:38Z
2555-01-01T00:00:00Z
ระบบบำบัดน้ำเสียทางชีวภาพ
รอดอารี, สถิตรัตน์
2555-01-01T00:00:00Z
เทคโนโลยีการใช้แผ่นเมมเบรนเพื่อการใช้น้ำอย่างยั่งยืน
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5736
2019-09-28T10:50:18Z
2559-01-01T00:00:00Z
เทคโนโลยีการใช้แผ่นเมมเบรนเพื่อการใช้น้ำอย่างยั่งยืน
รอดอารี, สถิตรัตน์
2559-01-01T00:00:00Z
รื้อเขื่อน
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5735
2019-09-28T10:45:01Z
2558-01-01T00:00:00Z
รื้อเขื่อน
รอดอารี, สถิตรัตน์
2558-01-01T00:00:00Z
การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อการตรวจวิเคราะห์
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5734
2019-09-28T10:39:42Z
2559-01-01T00:00:00Z
การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อการตรวจวิเคราะห์
รอดอารี, สถิตรัตน์
2559-01-01T00:00:00Z
วัสดุนาโน
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5733
2019-09-28T10:33:42Z
2558-01-01T00:00:00Z
วัสดุนาโน
รอดอารี, สถิตรัตน์
2558-01-01T00:00:00Z
การตรวจสอบคุณภาพน้ำระบบประปาผิวดินขนาดใหญ่
รอดอารี, สถิตรัตน์
คานทอง, ฉัตรธิดา
ปะโกสันตัง, ลัลธริกา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5732
2019-09-26T13:31:27Z
2019-09-19T00:00:00Z
การตรวจสอบคุณภาพน้ำระบบประปาผิวดินขนาดใหญ่
รอดอารี, สถิตรัตน์; คานทอง, ฉัตรธิดา; ปะโกสันตัง, ลัลธริกา
2019-09-19T00:00:00Z
การวิเคราะห์คุณภาพน้ำดื่มตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติในชุมชน
รอดอารี, สถิตรัตน์
เพ็งประจญ, จุฑารัตน์
พรมหงส์, ศศิชา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5731
2019-09-26T08:57:41Z
2561-08-29T00:00:00Z
การวิเคราะห์คุณภาพน้ำดื่มตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติในชุมชน
รอดอารี, สถิตรัตน์; เพ็งประจญ, จุฑารัตน์; พรมหงส์, ศศิชา
2561-08-29T00:00:00Z
การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5730
2019-09-26T08:49:54Z
2561-06-01T00:00:00Z
การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน
รอดอารี, สถิตรัตน์
2561-06-01T00:00:00Z
การวิเคราะห์คุณภาพน้ำจากแหล่งน้ำกินน้ำใช้ในเขตพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
รอดอารี, สถิตรัตน์ และคณะ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5729
2019-09-26T08:41:31Z
2559-12-22T00:00:00Z
การวิเคราะห์คุณภาพน้ำจากแหล่งน้ำกินน้ำใช้ในเขตพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
รอดอารี, สถิตรัตน์ และคณะ
2559-12-22T00:00:00Z
การวิเคราะห์คุณภาพน้ำประปาผิวดินขนาดใหญ่หมู่บ้านสวายตางวน
รอดอารี, สถิตรัตน์
ก่อแก้ว, ภัทรา
บุญเสริม, สุภาพร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5728
2019-09-26T07:49:03Z
2562-02-01T00:00:00Z
การวิเคราะห์คุณภาพน้ำประปาผิวดินขนาดใหญ่หมู่บ้านสวายตางวน
รอดอารี, สถิตรัตน์; ก่อแก้ว, ภัทรา; บุญเสริม, สุภาพร
2562-02-01T00:00:00Z
การจัดการปัญหาระยะห่างระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชน
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5727
2019-09-26T07:34:55Z
2553-01-01T00:00:00Z
การจัดการปัญหาระยะห่างระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชน
รอดอารี, สถิตรัตน์
2553-01-01T00:00:00Z
การบำบัดสารมลพิษโดยใช้เทคโนโลยี
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5726
2019-09-26T07:30:45Z
2554-01-01T00:00:00Z
การบำบัดสารมลพิษโดยใช้เทคโนโลยี
รอดอารี, สถิตรัตน์
2554-01-01T00:00:00Z
ระบบบำบัดน้ำเสียทางชีวภาพโดยวิธีการเติมอากาศ
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5725
2019-09-26T07:20:35Z
2555-01-01T00:00:00Z
ระบบบำบัดน้ำเสียทางชีวภาพโดยวิธีการเติมอากาศ
รอดอารี, สถิตรัตน์
2555-01-01T00:00:00Z
รอยเท้าคาร์บอน
รอดอารี, สถิตรัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5724
2019-09-26T07:14:22Z
2556-01-01T00:00:00Z
รอยเท้าคาร์บอน
รอดอารี, สถิตรัตน์
2556-01-01T00:00:00Z
การผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนจากเศษอาหารร่วมกับผักกาดขาวเพื่อใช้ปลูกผักกวางตุ้ง
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
จีระมะกร, ธีรารัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5676
2019-09-11T14:24:36Z
2019-05-23T00:00:00Z
การผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนจากเศษอาหารร่วมกับผักกาดขาวเพื่อใช้ปลูกผักกวางตุ้ง
ธรรมรัตน์, กุลธิดา; จีระมะกร, ธีรารัตน์
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนจากเศษอาหารร่วมกับผักกาดขาว 2) เพื่อศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพ คุณสมบัติทางเคมี และวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารหลักของปุ๋ยมูลไส้เดือน 3) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของปุ๋ยมูลไส้เดือนต่อการเจริญเติบโตของผักกวางตุ้ง โดยปุ๋ยมูลไส้เดือนมีทั้งหมด 3 สูตรมีอัตราส่วนผสม 1:1 คือ 1) เศษอาหาร 4 กิโลกรัม ผสมกับมูลวัว 4 กิโลกรัม 2) เศษผักกาดขาว 4 กิโลกรัม ผสมกับมูลวัว 4 กิโลกรัม 3) เศษอาหาร 2 กิโลกรัม ร่วมกับผักกาดขาว 2 กิโลกรัม ผสมกับมูลวัว 4 กิโลกรัม ออกแบบแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (complete Randomized Design : CRD) ในการทดลองปลูกผักกวางตุ้งจานวน 4 ชุดการทดลอง จานวน 5 ซ้า และการวิเคราะห์ทางเคมีของปุ๋ยมูลไส้เดือน 3 สูตร สูตรที่ 1, 2, และ 3 พบว่ามีค่าตามลาดับดังนี้ ค่าความเป็นกรด–ด่าง (pH) เท่ากับ 6.78, 7.93, และ 7.32 ค่าความชื้น (เปอร์เซ็นต์) 1.5544, 2.0633 และ 3.0802 ค่าการนาไฟฟ้า (เดซิซีเมน/เมตร) 0.0030, 0.0030 และ 0.0050 ปริมาณอินทรียวัตถุ (ร้อยละ) 60.53, 60.51 และ 60.62 มีปริมาณธาตุอาหารหลักได้แก่ ไนโตรเจนเท่ากับร้อยละ 1.00, 1.00 และ 1.20 ตามลาดับ มีฟอสฟอรัส เท่ากับร้อยละ 0.50, 0.40 และ 0.60 ตามลาดับ และมีโพแทสเซียม เท่ากับร้อยละ 1.30, 1.20 และ 1.3 ตามลาดับ การศึกษาผลต่อการเจริญเติบโตของผักกวางตุ้ง พบว่า ปุ๋ยมูลไส้เดือนสูตรที่ 3 (ปุ๋ยมูลไส้เดือนจากเศษอาหารร่วมกับผักกาดขาว) ให้ค่าการเจริญเติบโตด้านความสูงของลาต้น ความกว้างของใบ ความยาวของใบ จานวนใบ เส้นรอบวง และน้าหนักสด-แห้ง อย่างมีอย่างนัยสาคัญทางสถิติ (p≤0.05) ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าปุ๋ยมูลไส้เดือนที่ผลิตขึ้นมีความเหมาะสมต่อการใช้ปลูกผักกวางตุ้ง
2019-05-23T00:00:00Z
แก๊สชีวภาพ
สถิตรัตน์, รอดอารี
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5654
2019-09-11T07:44:12Z
2011-12-07T00:00:00Z
แก๊สชีวภาพ
สถิตรัตน์, รอดอารี
2011-12-07T00:00:00Z
เทคโนโลยีสะอาด-Clean-Technology
สถิตรัตน์, รอดอารี
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5651
2019-09-11T07:37:39Z
2012-11-07T00:00:00Z
เทคโนโลยีสะอาด-Clean-Technology
สถิตรัตน์, รอดอารี
2012-11-07T00:00:00Z
บทความพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
สถิตรัตน์, รอดอารี
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5650
2019-09-11T07:35:53Z
2013-11-01T00:00:00Z
บทความพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
สถิตรัตน์, รอดอารี
2013-11-01T00:00:00Z
ถ่านกัมมันต์ : ภูมิปัญญาชาวบ้านสู่โรงงานอุตสาหกรรม
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5640
2019-09-11T06:56:29Z
2007-08-18T00:00:00Z
ถ่านกัมมันต์ : ภูมิปัญญาชาวบ้านสู่โรงงานอุตสาหกรรม
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2007-08-18T00:00:00Z
ขยะอิเล็กทรอนิกส์...อันตรายกว่าที่คุณคิด
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5636
2019-09-11T06:49:29Z
2006-08-18T00:00:00Z
ขยะอิเล็กทรอนิกส์...อันตรายกว่าที่คุณคิด
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2006-08-18T00:00:00Z
เตาเผาศพ : อันตรายจากคนตายสู่คนเป็น
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5635
2019-09-11T06:47:04Z
2007-01-08T00:00:00Z
เตาเผาศพ : อันตรายจากคนตายสู่คนเป็น
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2007-01-08T00:00:00Z
น้ำเสียจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5633
2019-09-11T06:44:50Z
2007-08-18T00:00:00Z
น้ำเสียจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2007-08-18T00:00:00Z
อีกหนึ่งทางเลือก...โรงไฟฟ้านิวเคลียร์?
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5630
2019-09-11T06:42:50Z
2007-01-14T00:00:00Z
อีกหนึ่งทางเลือก...โรงไฟฟ้านิวเคลียร์?
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2007-01-14T00:00:00Z
คาร์บอนเครดิต ธุรกิจทำเงิน
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5629
2019-09-11T06:40:06Z
2008-08-18T00:00:00Z
คาร์บอนเครดิต ธุรกิจทำเงิน
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2008-08-18T00:00:00Z
ฉลากคาร์บอน...มาตรฐานสินค้าลดภาวะโลกร้อน
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5628
2019-09-11T06:38:00Z
2009-01-29T00:00:00Z
ฉลากคาร์บอน...มาตรฐานสินค้าลดภาวะโลกร้อน
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา; ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2009-01-29T00:00:00Z
การศึกษาการใช้วัสดุนาโนเพื่อเป็นวัสดุช่วยตกตะกอนในระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอเอส
สถิตรัตน์, รอดอารี
จารุวรรรณ, สิงคะนอง
พัชรี, แจ่มจันทร์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5627
2019-09-11T06:34:49Z
2016-07-12T00:00:00Z
การศึกษาการใช้วัสดุนาโนเพื่อเป็นวัสดุช่วยตกตะกอนในระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอเอส
สถิตรัตน์, รอดอารี; จารุวรรรณ, สิงคะนอง; พัชรี, แจ่มจันทร์
2016-07-12T00:00:00Z
มลพิษจากอาคาร...บ้านเรือน
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5626
2019-09-11T06:33:55Z
2009-01-11T00:00:00Z
มลพิษจากอาคาร...บ้านเรือน
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2009-01-11T00:00:00Z
แบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออน
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5625
2019-09-11T06:30:31Z
2012-08-18T00:00:00Z
แบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออน
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2012-08-18T00:00:00Z
โอโซน...สูดเข้าไป ดีจริงหรือ?
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5624
2019-09-11T06:28:18Z
2012-01-30T00:00:00Z
โอโซน...สูดเข้าไป ดีจริงหรือ?
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2012-01-30T00:00:00Z
ทำความรู้จักกับออร์กาโนเคลย์ (Organoclay)
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5623
2019-09-11T06:25:30Z
2014-08-18T00:00:00Z
ทำความรู้จักกับออร์กาโนเคลย์ (Organoclay)
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2014-08-18T00:00:00Z
แร่ใยหิน (Asbestos) : แร่อันตรายภัยใกล้ตัว
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5621
2019-09-11T06:22:00Z
2014-01-13T00:00:00Z
แร่ใยหิน (Asbestos) : แร่อันตรายภัยใกล้ตัว
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2014-01-13T00:00:00Z
จีโอพอลิเมอร์: วัสดุก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อม
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5620
2019-09-11T06:18:05Z
2015-08-18T00:00:00Z
จีโอพอลิเมอร์: วัสดุก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อม
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2015-08-18T00:00:00Z
สื่อการสอนรายวิชา การจัดการขยะและกากเป็นพิษ
จีระมะกร, ธีรารัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5617
2019-09-11T04:19:29Z
สื่อการสอนรายวิชา การจัดการขยะและกากเป็นพิษ
จีระมะกร, ธีรารัตน์
สื่อการสอนวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5616
2019-09-11T04:03:35Z
สื่อการสอนวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
สื่อการสอน
การศึกษาปริมาณและประเภทของดอกไม้จากศาลหลักเมืองจังหวัดบุรีรัมย์และพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สบู่
งาหอม, รุ่งเรือง
สืบขำเพชร, จินดาพร
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5611
2019-09-11T03:11:09Z
2018-08-07T00:00:00Z
การศึกษาปริมาณและประเภทของดอกไม้จากศาลหลักเมืองจังหวัดบุรีรัมย์และพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สบู่
งาหอม, รุ่งเรือง; สืบขำเพชร, จินดาพร; ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2018-08-07T00:00:00Z
การผลิตสบู่ดินและหินภูเขาไฟร่วมกับรังไหม จังหวัดบุรีรัมย์
สืบขำเพชร, จินดาพร
งาหอม, รุ่งเรือง
ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5608
2019-09-11T03:04:23Z
2018-08-07T00:00:00Z
การผลิตสบู่ดินและหินภูเขาไฟร่วมกับรังไหม จังหวัดบุรีรัมย์
สืบขำเพชร, จินดาพร; งาหอม, รุ่งเรือง; ธรรมจริยวงศา, คณิตตา
2018-08-07T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าใหญ่ อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
นพพิทักษ์, แสงดาว
จีระมะกร, ธีรารัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5607
2019-09-11T03:02:14Z
2560-07-02T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าใหญ่ อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์
ธรรมรัตน์, กุลธิดา; นพพิทักษ์, แสงดาว; จีระมะกร, ธีรารัตน์
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่จังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งมีพื้นที่195,486 ไร่รวบรวมข้อมูลชั้นแนวเขตรักษา
พันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Landsat8โดยการหาค่า Normalized Difference
Vegetation Index (NDVI) ด้วยโปรแกรม Quantum Geographic Information System (QGIS)
จากนั้นทำการสำรวจภาคสนามโดยเลือกช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับภาพถ่ายดาวเทียม กำ หนดจุดตัวอย่าง
โดยการสุ่มแบบจำแนกชั้น (Stratified RandomSampling)ผลที่ได้จากการสำรวจนำ มาเปรียบเทียบ
ค่าการสะท้อนของวัตถุณ ตำแหน่งของภาพถ่ายดาวเทียม การทดสอบค่าการปะปนกันระหว่างข้อมูล
พบว่ามีความถูกต้องรวมทั้งหมดเท่ากับร้อยละ 85.7
ผลการวิจัยพบว่า
1) มีพื้นที่ป่าไม้143,561 ไร่ พื้นที่โล่ง 41,297 ไร่ พื้นที่ชุมชน/เกษตรกรรม 9,624 ไร่
และพื้นที่แหล่งนํ้า 1,004 ไร่
2) มีการบุกรุกพื้นที่ป่าไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรมเพื่อปลูกยางพาราเป็นพืชหลักและปลูก
มันสำ ปะหลังเป็นพืชรอง
2560-07-02T00:00:00Z
การประเมินวัฏจักรชีวิตของการปลูกหญ้าบาน่า
จีระมะกร, ธีรารัตน์
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5599
2019-09-10T15:13:23Z
2562-09-19T00:00:00Z
การประเมินวัฏจักรชีวิตของการปลูกหญ้าบาน่า
จีระมะกร, ธีรารัตน์; ธรรมรัตน์, กุลธิดา
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการปลูกหญ้าบาน่าสำหรับเลี้ยงช้างในจังหวัดสุรินทร์ โดยใช้การประเมินวัฏจักรชีวิตจากการปลูกหญ้าบาน่าใน 5 ขั้นตอน ได้แก่ การเตรียมดิน การเตรียมท่อนพันธุ์ การเพาะปลูก การดูแลรักษา และการเก็บเกี่ยวและการขนส่ง ผลการศึกษาพบว่า การปลูกหญ้าบาน่าให้ผลผลิตหญ้าบาน่าน้ำหนัก 20 ตัน/ไร่ ผลการปลูกหญ้าบาน่าด้วย 5 ขั้นตอนในข้างต้นพบว่า มีการปล่อยก๊าคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับ 27.2122, 45.7542, 38.6334, 161.6686 และ 1,733.0448 kgCO2eq ตามลำดับ ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการปลูกหญ้าบาน่ารวมทุกขั้นตอนเท่ากับ 2,006.3132 kgCO2eq ส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยมีค่าเท่ากับ 100.3157 kgCO2eq/ton
2562-09-19T00:00:00Z
ความหลากหลายทางชีวภาพของเห็ดในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาอังคาร ตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5598
2019-09-10T14:45:31Z
2562-09-19T00:00:00Z
ความหลากหลายทางชีวภาพของเห็ดในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาอังคาร ตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์
สุนทรารักษ์, สุธีรา
งานวิจัยนี้เป็นการสำรวจความหลากชนิดของเห็ดในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาอังคาร ตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ.2562 โดยนำตัวอย่างเห็ดที่เก็บได้มาศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยา เพื่อจำแนกชนิดของเห็ดมาเปรียบเทียบกับคำบรรยายและรูปภาพจากคู่มือการจำแนกเห็ด พบว่าเห็ดที่พบทั้งหมดมี 20 ชนิด 9 วงศ์ จากการศึกษาทางอนุกรมวิธานสามารถจำแนกชนิดลักษณะทางสัณฐานวิทยาได้โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มเห็ดมีครีบ 2) กลุ่มเห็ดหิ้ง 3) กลุ่มเห็ดขมิ้น 4) กลุ่มเห็ดผึ้ง และ 5) กลุ่มเห็ดที่มีลักษณะเป็นก้อนกลม จากนั้นก็สามารถแยกชนิดของเห็ดที่สามารถนำมาบริโภคได้พบมากที่สุดอยู่ในวงศ์ Russulaceae ได้แก่ Russula emetic (เห็ดน้ำหมาก), Russula alboareolata (เห็ดน้ำแป้ง), Russulaceae cyanoxantha (เห็ดหน้าม่วง), Rusula viresceus Fr (เห็ดไค), Lactarius hygrophoroides (เห็ดฟานสีเหลืองทอง) และ Lactarius glaucescens (เห็ดข่า) รองลงมาวงศ์ Polyporaceae ได้แก่ Ganoderma lucidum (เห็ดหลินจือ), Lentinus polychrous (เห็ดลม) และ Polyporus grammocephalus (เห็ดพัดใบลาน)
2562-09-19T00:00:00Z
ผลของการใช้น้ำหมักซาวข้าวร่วมกับพืชสมุนไพรเพื่อกำจัดหอยเชอรี่ (Pomacea canaliculata)
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5459
2019-09-08T06:56:35Z
2014-04-26T00:00:00Z
ผลของการใช้น้ำหมักซาวข้าวร่วมกับพืชสมุนไพรเพื่อกำจัดหอยเชอรี่ (Pomacea canaliculata)
สุนทรารักษ์, สุธีรา
การศึกษาประสิทธิภาพของการใช้น้ำหมักซาวข้าวร่วมกับพืชสมุนไพรเพื่อกำจัดหอยเชอรี่ (Pomacea canaliculata) โดยวางแผนการทดลองแบบ Completely Randomized Design (CRD) มี 5 ทรีทเม้นท์ ได้แก่ T1 (น้ำกลั่น), T2 (น้ำซาวข้าว), T3 (น้ำหมักซาวข้าวหัวกลอย), T4 (น้ำหมักซาวข้าวเมล็ดน้อยหน่า) และ T5 (น้ำหมักซาวข้าวใบสาบเสือ) ที่ระดับความเข้มข้น คือ 20 มิลลิลิตร : น้ำกลั่น 1,000 มิลลิลิตร ในห้องปฏิบัติการ ต่อหอยเชอรี่ตัวเต็มวัย จำนวน 10 ตัวต่อถัง สิ่งทดลองละ 5 ซ้ำ พบว่า ทรีทเม้นท์ T5 (น้ำหมักซาวข้าวใบสาบเสือ) มีประสิทธิภาพดีที่สุดอย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.05) โดยเปรียบเทียบจากจำนวนการตายของหอยเชอรี่ควบคู่กับระยะเวลาที่หอยเชอรี่ตายทั้งหมด ซึ่งพบว่า ที่เวลา 48 ชั่วโมง หอยเชอรี่มีการตายทั้งสิ้น 100 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาได้แก่ ทรีทเม้นท์ที่ 3 และทรีทเม้นท์ที่ 4 ตามลำดับ จากการสังเกตพฤติกรรมของหอยเชอรี่เมื่อสัมผัสกับน้ำหมักซาวข้าวร่วมกับพืชสมุนไพร พบว่า หอยเชอรี่จะขับเมือกออกมามาก บริเวณเท้ามีลักษณะหดเกร็งไม่สามารถปิดฝาเปลือกได้และตายในที่สุด จึงอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า สารสกัดพืชสมุนไพร 3 ชนิด ได้แก่ หัวกลอย เมล็ดน้อยหน่าและใบสาบเสือด้วยน้ำซาวข้าวสามารถทำให้หอยเชอรี่ตายได้
2014-04-26T00:00:00Z
ความหลากชนิดของพรรณไม้ต้น และมูลค่าทางเศรษฐกิจกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าธรรมชาติ บริเวณศูนย์ปฏิบัติการอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ศูนย์หนองขวาง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5458
2019-09-08T06:06:35Z
2560-11-30T00:00:00Z
ความหลากชนิดของพรรณไม้ต้น และมูลค่าทางเศรษฐกิจกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าธรรมชาติ บริเวณศูนย์ปฏิบัติการอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ศูนย์หนองขวาง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
สุนทรารักษ์, สุธีรา
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหลากชนิดของพรรณไม้ต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและการใช้ประโยชน์ของชุมชน ในเขตพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ศูนย์หนองขวาง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ดำเนินการศึกษาโดยวิธีการวางแปลงตัวอย่างขนาด 40 x 40 ตรม. ในเขตพื้นที่ศึกษา และศึกษาการเก็บหาการใช้ประโยชน์เพื่อใช้เป็นแนวทางการใช้ประโยชน์ของของป่าอย่างยั่งยืน ผลการศึกษาพบพรรณไม้ต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ทั้งสิ้น 29 วงศ์ 64 ชนิด และค่าดัชนีความหลากชนิดของของป่าโดยเฉลี่ยของ Shannon-Wiener เท่ากับ 3.65 สำหรับข้อมูลจากจากการเดินสำรวจและจากการทำเวทีชุมชน พบว่า เป็นพืชอาหาร 32 ชนิด สมุนไพร 12 ชนิด เป็นทั้งพืชอาหารและสมุนไพร 2 ชนิด ใช้ประโยชน์อื่นๆ 15 ชนิด และเป็นทั้งพืชอาหารและใช้ประโยชน์อื่นๆ 3 ชนิด ทั้งนี้ของป่าบางชนิดเก็บหาได้ตลอดปีและหลายชนิดเก็บได้เฉพาะฤดูกาล ชุมชนเก็บหาของป่าเพื่อการยังชีพและยังสามารถนำไปขายเพื่อสร้างรายได้แก่ครัวเรือน ผลการศึกษาครั้งนี้สามารถนำไปประยุกต์เข้าสู่การสำรวจพรรณไม้ในป่าชุมชน รวบรวมข้อมูลและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นแนวทางทำให้เกิดความหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ในชุมชนและการอนุรักษ์พื้นที่ป่าของชุมชนให้ยั่งยืนต่อไป
2560-11-30T00:00:00Z
การคัดแยกเชื้อราที่มีความสามารถในการผลิตเอนไซม์เซลลูเลสเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงเกษตรชีวภาพ
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5457
2019-09-08T05:51:55Z
2562-06-05T00:00:00Z
การคัดแยกเชื้อราที่มีความสามารถในการผลิตเอนไซม์เซลลูเลสเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงเกษตรชีวภาพ
สุนทรารักษ์, สุธีรา
รายละเอียดตามบทความฉบับเต็ม
2562-06-05T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากปุ๋ยหมักเศษอาหารร่วมกับใบจามจุรีในการปลูกข้าวเหนียวพันธุ์ กข 6
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5456
2019-09-08T05:36:58Z
2557-02-07T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากปุ๋ยหมักเศษอาหารร่วมกับใบจามจุรีในการปลูกข้าวเหนียวพันธุ์ กข 6
สุนทรารักษ์, สุธีรา
เนื้อความตามบทความวิจัยฉบับเต็ม
2557-02-07T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากน้ำมันที่ใช้แล้วเพื่อผลิตสบู่แฟนซี
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5455
2019-09-08T05:28:47Z
2558-02-03T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากน้ำมันที่ใช้แล้วเพื่อผลิตสบู่แฟนซี
สุนทรารักษ์, สุธีรา
เนื้อความตามบทความฉบับเต็ม
2558-02-03T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากก้อนเชื้อเห็ดเก่าเหลือทิ้งร่วมด้วยวัสดุ เสริมอาหาร เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตเห็ดในชุมชน
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5441
2019-09-06T05:53:57Z
2561-06-05T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากก้อนเชื้อเห็ดเก่าเหลือทิ้งร่วมด้วยวัสดุ เสริมอาหาร เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตเห็ดในชุมชน
สุนทรารักษ์, สุธีรา
การเพาะเห็ดนางรมฮังการีโดยใช้ก้อนเชื้อเห็ดเก่าเหลือทิ้งเป็นวัสดุเพาะ ได้ศึกษาทดลองในวัสดุเพาะ ได้แก่ ก้อนเชื้อเห็ดเก่า ขี้เลื่อยไม้ยางพารา และฟางข้าวหมัก จ้านวน 5 สูตร คือ ชุดทดลองที่ 1 ขี้เลื่อยไม้ยางพารา 100% ชุดทดลองที่ 2 ก้อนเชื้อเห็ดเก่า 100% ชุดทดลองที่ 3 ก้อนเชื้อเห็ดเก่า 75% + ฟางข้าวหมัก 25% ชุดทดลองที่ 4 ก้อนเชื้อเห็ดเก่า 50% + ฟางข้าวหมัก 50% และชุดทดลองที่ 5 ก้อนเชื้อเห็ดเก่า 25% + ฟางข้าวหมัก 75% การวิเคราะห์สมบัติทางเคมีและปริมาณธาตุอาหารของวัสดุเพาะเห็ด ผลการศึกษา พบว่า วัสดุเพาะเห็ดแต่ละชนิดมีความชื้นที่แตกต่างกัน มีค่าความเป็นกรดด่างเหมาะสมต่อการใช้เป็นวัสดุเพาะเห็ด และปริมาณธาตุอาหารเพิ่มขึ้นตามปริมาณฟางหมักที่เพิ่มขึ้น การให้ผลผลิตของนางรมฮังการีพบว่าสามารถให้ผลผลิตได้ทุกชุดการทดลอง โดยในชุดทดลอง ที่ 3 (ก้อนเชื้อเห็ดเก่า 75% + ฟางข้าวหมัก 25%) เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นอัตราส่วนผสมสำหรับเพาะเห็ดนางรมฮังการีได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับชุดทดลองอื่นๆเนื่องจากให้น้ำหนักผลผลิตเห็ดเฉลี่ยสูงสุด คือ 75.17 กรัมต่อก้อน
2561-06-05T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากสารสกัดของผลต้นแปะ (Vitex quinata (Lour.) F.N. Williams) เพื่อผลิตสบู่สมุนไพรยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคทางผิวหนัง
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5440
2019-09-06T05:38:10Z
2560-12-25T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากสารสกัดของผลต้นแปะ (Vitex quinata (Lour.) F.N. Williams) เพื่อผลิตสบู่สมุนไพรยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคทางผิวหนัง
สุนทรารักษ์, สุธีรา
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตสบู่ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคทางผิวหนังจากสารสกัดของผลต้นแปะ (Vitex quinata (Lour.) F.N. Williams) ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus และ Staphylococcus epidermidis ผลการทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดในการยับยั้งเชื้อโดยวิธี agar diffusion พบว่า สารสกัดหยาบของผลต้นแปะด้วยตัวทำละลาย 95% เอทานอล สารสกัดส่วนที่ละลายในเฮกเซน คลอโรฟอร์ม เอทิลอะซิเตทและน้ำสามารถยับยั้งเชื้อ S. aureus ได้ โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของโซนใสเท่ากับ 18.20, 7.15, 12.00, 23.50 และ 12.30 มิลลิลิตร ตามลำดับ ในขณะที่เชื้อ S. epidermidis ขนาดของโซนใสมีค่า 16.40, 7.20, 8.20, 20.20 และ 10.40 มิลลิลิตร ตามลำดับ ดังนั้น จึงนำสารสกัดส่วนที่ละลายในเอทิลอะซิเตทซึ่งมีฤทธิ์สูงสุดในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียทั้งสองชนิดมาเตรียมสบู่ก้อนที่อัตราส่วนน้ำมันผสมระหว่างน้ำมันมะพร้าว : น้ำมันปาล์ม : น้ำมันเมล็ดทานตะวัน เท่ากับ 150 : 150 : 50 มิลลิลิตร โดยผสมสารสกัดผลต้นแปะที่ 0, 5, 15 และ 25 มิลลิลิตร ตามลำดับ และทำการทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ พบว่า อัตราส่วนที่ผ่านเกณฑ์การยอมรับของ มอก. 29-2545 คือ อัตราส่วนผสมระหว่างน้ำมันผสม : สารสกัดผลต้นแปะอัตราส่วนเท่ากับ 350 : 25 มิลลิลิตร
2560-12-25T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากปุ๋ยหมักกากตะกอนอ้อยสำหรับเป็นวัสดุปลูกดาวเรือง
สุนทรารักษ์, สุธีรา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5438
2019-09-06T04:36:20Z
2553-01-01T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากปุ๋ยหมักกากตะกอนอ้อยสำหรับเป็นวัสดุปลูกดาวเรือง
สุนทรารักษ์, สุธีรา
ข้อมูลในเอกสาร
2553-01-01T00:00:00Z
การผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดจากเศษไม้ไผ่ร่วมกับใบอ้อย
จีระมะกร, ธีรารัตน์
แสนคนึง, กมลวรรณ
สัตรีวงค์, ผกาวดี
ธรรมรัตน์, กุลธิดา
จีระมะกร, ธีรารัตน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5378
2019-08-30T06:01:09Z
2018-06-13T00:00:00Z
การผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดจากเศษไม้ไผ่ร่วมกับใบอ้อย
จีระมะกร, ธีรารัตน์; แสนคนึง, กมลวรรณ; สัตรีวงค์, ผกาวดี; ธรรมรัตน์, กุลธิดา; จีระมะกร, ธีรารัตน์
2018-06-13T00:00:00Z
ารถ่ายทอดความรู้เรื่องการจัดการตอซัง-ฟางข้าวสู่ชุมชนโดยการใช้ปฏิบัติการ ทางเทคโนโลยีอย่างง่ายขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองตาด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
สุธีรา สุนทรารักษ์, suteera suntararak
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4709
2019-06-14T08:43:20Z
2554-06-01T00:00:00Z
ารถ่ายทอดความรู้เรื่องการจัดการตอซัง-ฟางข้าวสู่ชุมชนโดยการใช้ปฏิบัติการ ทางเทคโนโลยีอย่างง่ายขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองตาด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
สุธีรา สุนทรารักษ์, suteera suntararak
2554-06-01T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากน้ำมันที่ใช้แล้วเพื่อผลิตสบู่สมุนไพรระงับกลิ่นเท้า
สุธีรา สุนทรารักษ์, suteera suntararak
สุธีรา สุนทรารักษ์, suteera suntararak
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4705
2019-06-14T08:28:38Z
2560-02-03T00:00:00Z
การใช้ประโยชน์จากน้ำมันที่ใช้แล้วเพื่อผลิตสบู่สมุนไพรระงับกลิ่นเท้า
สุธีรา สุนทรารักษ์, suteera suntararak; สุธีรา สุนทรารักษ์, suteera suntararak
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตสบู่ระงับกลิ่นเท้าจากน้ำมันที่ใช้แล้วร่วมกับสารสกัดจากใบมะกรูด
ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus และ Micrococcus sedentarius ผลการทดสอบฤทธิ์ของ
สารสกัดในการยับยั้งเชื้อโดยวิธี agar diffusion พบว่า สารสกัดหยาบของใบมะกรูดด้วยตัวทำละลาย 95%
เอทานอล สารสกัดส่วนที่ละลายในเฮกเซน คลอโรฟอร์ม เอทิลอะซิเตทและน้ำ สามารถยับยั้งเชื้อ
Staphylococcus aureus ได้ โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของโซนใสเท่ากับ 18.50, 8.20, 14.00, 21.30และ
14.15 มิลลิลิตร ตามลำดับ ในขณะที่เชื้อ Micrococcus sedentarius ขนาดของโซนใสมีค่า 12.60, 8.15, 9.40,
18.20 และ 9.60 มิลลิลิตร ตามลำดับ ดังนั้น จึงนำสารสกัดส่วนที่ละลายในเอทิลอะซิเตทซึ่งมีฤทธิ์สูงสุดในการ
ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียทั้งสองชนิดมาเตรียมสบู่ก้อนที่อัตราส่วนน้ำมันใช้แล้ว : น้ำมันปาล์ม อัตราส่วนเท่ากับ
750 : 250 มิลลิลิตร โดยผสมสารสกัดใบมะกรูดที่ 0, 75, 100 และ 150 มิลลิลิตร ตามลำดับ และทำการทดสอบ
ฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ พบว่า อัตราส่วนต่ำสุดที่ผ่านเกณฑ์การยอมรับของ มอก. 29-2545 คือ อัตราส่วนผสม
ระหว่างน้ำมันผลิตสบู่ : สารสกัดใบมะกรูดอัตราส่วนเท่ากับ 1,000 : 75 มิลลิลิตร
2560-02-03T00:00:00Z