รายงานการวิจัย (Research reports)http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/1622024-03-28T16:47:47Z2024-03-28T16:47:47Zศึกษาเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้แบบผู้เรียนมีส่วนร่วมจากผลประเมินในรายวิชา “วิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต”จันผกา, บัวลอยจันทร์นวล, ปฏิมาทัพสุริย์, สุภาวรัตน์จันทร์นวล, เก่งhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/87562024-03-07T10:42:33Z2567-03-03T00:00:00Zศึกษาเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้แบบผู้เรียนมีส่วนร่วมจากผลประเมินในรายวิชา “วิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต”
จันผกา, บัวลอย; จันทร์นวล, ปฏิมา; ทัพสุริย์, สุภาวรัตน์; จันทร์นวล, เก่ง
วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ คือ ศึกษาเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้แบบผู้เรียนมีส่วนร่วมจากผลประเมินในรายวิชา “วิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต” ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในสาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมไฟฟ้า คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และสาขาวิชาสื่อสารมวลชน คณะวิทยาการจัดการ ระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยการประเมินความพึงพอใจในการเรียนการสอน ในภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลการประเมินเจตคติต่อบทเรียนจาก 15 คำถาม และการประเมินการจัดการสอนแบบให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม 25 คำถาม ผลการประเมิน พบว่า หัวข้อที่นักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมไฟฟ้าร้อยละ 52.9 ประเมินว่าสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ คือ ‘พลังงาน’ ในขณะที่นักศึกษาในสาขาวิชาสื่อสารมวลชนร้อยละ 85.7 ประเมินให้หัวข้อ ‘สารเคมีในเครื่องสำอาง’ หัวข้อที่กิจกรรมมีความสนุกสำหรับนักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมไฟฟ้าร้อยละ 52.9 คือ ‘คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า’ และ ‘สารอาหาร สลากอาหาร และยา’ แตกต่างจากนักศึกษาในสาขาวิชาสื่อสารมวลชนที่ประเมินว่าหัวข้อ ‘สารเคมีในเครื่องสำอาง’ มีความสนุกในการทำกิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 71.4 โดยนักศึกษาทั้งสองสาขาประเมินว่าสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันน้อย คือ ‘อัตราส่วน ร้อยละ’ คิดเป็นร้อยละ 41.2 และ 64.3 ตามลำดับ; The aim of this research is to investigate the attitudes in active-learning provided on "Science for Quality of Life" course. The first-year students of Electrical Engineering Technology program in Faculty of Industrial Technology, and Mass Communication program in Faculty of Management Science at Buriram Rajabhat University, registered in second semester, answered a questionnaire. Data was collected from 15 questions for assessed the attitude on each chapter and 25 questions for assessed the active-based learning in this course. The results show that active-based learning impacted on students’ attitude. ‘energy’ is the chapter can used in everyday life, from assessed of 52.9 % students of Electrical Engineering Technology program. In the other hand, 85.7% students of Mass Communication represented in ‘cosmetics chemistry’. In terms of enjoyable activities, 52.9 % students of Electrical Engineering Technology interested in ‘electromagnetic waves’ and ‘nutrition, food label and medicine’ but 71.4 % students of Mass Communication interested in ‘cosmetics chemistry’. However, the lowest interested chapter for both group’ students was ‘ratios and percentages’ that was found at percentage of 41.2 and 64.3, respectively.
2567-03-03T00:00:00Zการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เรื่อง การจัดระบบและอนุรักษ์คัมภีร์ใบลานโดยการบูรณาการกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในจังหวัดบุรีรัมย์ศรัญญา, มณีทองพิพัฒน์, ประเสริฐสังข์เลอสันต์, ฤทธิขันธ์http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/80832022-03-15T06:10:16Z2565-02-25T00:00:00Zการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เรื่อง การจัดระบบและอนุรักษ์คัมภีร์ใบลานโดยการบูรณาการกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในจังหวัดบุรีรัมย์
ศรัญญา, มณีทอง; พิพัฒน์, ประเสริฐสังข์; เลอสันต์, ฤทธิขันธ์
ได้นำนักศึกษาลงพื้นที่วัดแจ้งตลาดโพธิ์ อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อทำการจัดระบบและอนุรักษ์คัมภีร์ใบลานโดยการบูรณาการกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2565-02-25T00:00:00Zผลงานวิจัยทำไปใช้ประโยชน์ศรัญญา มณีทองhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/78262021-09-13T04:26:16Z2564-05-20T00:00:00Zผลงานวิจัยทำไปใช้ประโยชน์
ศรัญญา มณีทอง
ได้ลงพื้นที่สำรวจเอกสารใบลานทั้งหมด 5 แหล่ง ได้แก่ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ วัดมณีจันทร์ ตำบลมะเฟือง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ วัดอิสาณทะเมนชัย อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ วัดแจ้งตลาดโพธิ์ อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ และวัดบ้านโคกเหล็ก อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ พบเอกสารใบลานทั้งหมด 1,073 ผูก สามารถจัดระบบแยกหมวดหมู่ได้ 16 หมวดหมู่ ดังนี้ 1) หมวดพระวินัย 2) หมวดพระสุตตันตปิฎก 3) หมวดพระอภิธรรม 4) หมวดเอกสารภาษาบาลี 5) หมวดชาดก 6) หมวดนิยายธรรม 7) หมวดนิยายนิทานพื้นบ้าน 8) หมวดตำนานพุทธศาสนา 9) หมวดตำรายา 10) หมวดโหราศาสตร์ 11) หมวดโอวาทคำสอน 12) หมวดอานิสงส์/ฉลอง 13) หมวดบทสวดมนต์ 14) ปกิณกะบทสวดมนต์ 15) หมวดธรรมทั่วไป 16) หมวดรวมหลายหมวด และได้ทำการเลือกเอกสารใบลานฉบับที่มีเนื้อหาครบถ้วนหรือสมบูรณ์ที่สุดไปทำการปริวรรตจากอักษรโบราณให้เป็นอักษรไทยปัจจุบันทั้งหมด 5 เรื่อง ได้แก่ ตำรายาโบราณ 2 ฉบับ ปกิณกะอานิสงส์ฉลอง 1 ฉบับ วรรณกรรมคำสอน “ลุงสอนหลาน” 1 ฉบับ และธรรมชาดก 1 ฉบับ หลังจากนั้นนำเอกสารใบลานแต่ล่ะผูกมาทำการปัดฝุ่นละออง ทดสอบความเป็นกรด-เบส แล้วเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ ความเข้มข้นร้อยละ 50 โดยปริมาตร และเช็ดด้วยน้ำมันยูคาลิปตัส สำหรับขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินงานคือ การสร้างแหล่งเรียนรู้ชุมชนด้านเอกสารใบลานและฐานข้อมูลสืบค้นออนไลน์ภายใต้เว็บไซต์ http://www.applibru.com
2564-05-20T00:00:00Zรายงานการสรุปโครงการวิจัยในปีงบประมาณ 2559ชุลีกานต์ สายเนตรhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/56942019-09-12T04:29:25Z2559-11-30T00:00:00Zรายงานการสรุปโครงการวิจัยในปีงบประมาณ 2559
ชุลีกานต์ สายเนตร
กลุ่มสตรีทอผ้าภูอัคนี ผลิตผ้าย้อมด้วย “ดินภูเขาไฟ” และ “ผงฝุ่นหินบะซอลต์จากโรงงานโม่หิน” ซึ่งดินภูเขาไฟที่นำไปย้อมผ้าฝ้ายเกิดจากการที่ปลวกใช้วิธีการทางธรรมชาติ นำดินจากใต้ดินขึ้นมา ซึ่งดินจะมีสีน้ำตาลเข้มไล่ไปจนถึงสีน้ำตาลอ่อน นอกจากนั้นยังมีภูมิปัญญาที่จะรักษาสีผ้าให้คงทนโดยการนำผ้าที่ได้จากการย้อมดินภูเขาไฟไปต้มกับ“น้ำเปลือกต้นประดู่” ส่วนฝ้ายที่ย้อมด้วยผงฝุ่นหินบะซอลต์จะเพิ่มความเข้มสีเส้นด้ายสำหรับย้อมผ้าด้วยดอกอัญชัญ
ปัญหาสำคัญที่พบการย้อมผ้าแต่ละครั้งได้สีไม่เหมือนกันและสีไม่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นกลุ่มชาวบ้าน จึงเพิ่มสีสันของผ้าภูอัคนี โดยใช้สีสังเคราะห์ทางเคมี ซึ่งบางชนิดมีอันตรายและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ด้วยเหตุนี้คณะผู้วิจัยจึงได้มีการพัฒนาสีสันของผ้าภูอัคนีโดยใช้สีจากสารสกัดกลีบดอกบัวสัตตบงกชซึ่งเป็นสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ (natural reagent) เข้ามาร่วมย้อมเส้นด้ายฝ้ายผ้าภูอัคนีเพื่อเป็นการลดใช้สีย้อมเคมีสังเคราะห์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
2559-11-30T00:00:00Z