คณะวิทยาการจัดการ (Faculty of Management)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/244
2024-03-29T15:28:51Zแนวทางการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ 19 ของหมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8314
แนวทางการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ 19 ของหมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
ฮวดศรี, กิตติกร
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ 19 ของหมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ประกอบด้วยการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) และการวิจัยสนาม (Field Research) ทฤษฏีที่ใช้ในการศึกษาได้แก่แนวคิด SWOT และ PDCA กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในวิจัย ได้แก่ ผู้นำชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน พัฒนาชุมชน ตัวแทนผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ควาญช้าง ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ จำนวน 30 คนโดยใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง
( Purposive sampling )เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ แบบมีโครงสร้าง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการตีความและพรรณนาเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่าแนวทางการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ 19 ของหมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ ผลการวิเคราะห์ SWOT ได้ผลการวิจัยดังนี้ จุดแข็ง มีวัฒนธรรมประเพณีที่เกี่ยวข้องกับชีวิตช้างมาตั้งแต่สมัยก่อนหลายร้อยปี ชุมชนมีทรัพยากร ปราชญ์ชาวบ้านที่มีวัฒนธรรมความเชื่อที่เกี่ยวกับช้างซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน จุดอ่อน การขาดความต่อเนื่องในการพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และการขาดกำลังใจ โอกาส มีเวลาปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว หรือปรับปรุงกระบวนการ ขั้นตอนการต้อนรับนักท่องเที่ยว และอุปสรรค การเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้ส่งผลต่อการงดกิจกรรมต่างๆ ภายในชุมชน ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นเข้ามาเที่ยวในชุมชนหมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ทำให้ขาดรายได้ สภาพเศรษฐกิจไม่ดี ผลการศึกษาตามกรอบแนวคิด โดยนำแนวคิด PDCA พบว่า ชุมชนมีการสร้างการรับรู้และการตระหนักต่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสพันธ์ 19 นำไปสู่การพัฒนาสภาพพื้นที่ และปรับปรุงวิธีการบริหารจัดการ ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนให้สามารถจำหน่ายได้ในรูปแบบอื่นๆและปัจจัยหนุนเสริมจากส่วนราชการจากการเขียนแผนเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับทุกสภาพการณ์
0016-11-03T00:00:00Zกศ.บป. K Reat
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8260
กศ.บป. K Reat
สำนักงานคณบดี คณะวิทยาการจัดการ
สื่อประกอบการสอน "การฝึกปฏิบัติการให้คำปรึกษา"
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8153
สื่อประกอบการสอน "การฝึกปฏิบัติการให้คำปรึกษา"
วินิรณี ทัศนะเทพ, ธัญยาภรณ์ วรรณา
ลื่อประกอบการสอน "การใช้ BMC ในการพัฒนาไอเดียทางธุรกิจ"
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8122
ลื่อประกอบการสอน "การใช้ BMC ในการพัฒนาไอเดียทางธุรกิจ"
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, ทรรจิกาญจน์ อุ่นภูษา; พิมพ์สิรี สากระจาย, พิรุฬห์ลักษณ์ ประจันบาล; ภาวิตา มโนปราณีต, ระพีพัฒน์ พลเมืองยศ; ทักษพร ศิริสุวลักษณ์
การพัฒนาธุรกิจคุ้กกี้ดาวอินคา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8099
การพัฒนาธุรกิจคุ้กกี้ดาวอินคา
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, กรรณิการ์ ฝอยสระน้อยและคณะ
2565-05-16T00:00:00Zจิตวิทยาการศึกษา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7828
จิตวิทยาการศึกษา
วินิรณี ทัศนะเทพ; วินิรณี ทัศนะเทพ
สื่อประกอบการสอน
Factors Affecting the Success of the Sufficiency Economy Model Community. Case Study: Sai Yao Community Thalung-lek Subdistrict, Mueang District, Buriram Province
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7765
Factors Affecting the Success of the Sufficiency Economy Model Community. Case Study: Sai Yao Community Thalung-lek Subdistrict, Mueang District, Buriram Province
Rangsima Sawangtap, Chaninart Thipaksorn, Kittikorn Huadsri.
The application of Sufficiency Economy Philosophy drove a community to strengthen the economy and society. Studying Sufficiency Economy Model Community revealed the success factors to use in community development for well-being. The objectives of this study were to find out the factors affecting the success of Sufficiency Economy Model Community, Sai Yao Community, Thalung-lek Subdistrict, Mueang District, Buriram Province.The study was quantitative research. The population sample size was 1,421 Sai Yao Community members and the sample size was 302, obtained by simple random sampling. The research tool used for data collection was a questionnaire which it indicated reliability of 0.8622. The statistics used for data analysis were percentage (percentage), mean (standard deviation), and confirmatory factor Analysis. Findings from the research showed that the mean and standard deviation of factors affecting the success of Sufficiency Economy Model Community at the high-level, there were leadership (4.350.301), budget (4.170.425), management (4.140.335), and participation (4.040.451), respectively. By the confirmatory factor analysis, variables consisted of four factors. In a sequence of factor loadings, they were participation, leadership, management, and budget. The model in accordance was fit with the empirical data with chi-square = 2.94, df = 2, p-value = 0.022990, RMSEA = 0.040, RMR = 0.003, CFI = 0.997, GFI = 0.995, AGFI = 0.976.
2021-04-27T00:00:00Zแนวทางการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาผ่าน Google Classroom ในรายวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7756
แนวทางการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาผ่าน Google Classroom ในรายวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแนวทางการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาผ่าน Google Classroom ในรายวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศเพื่อประเมินผลการพัฒนาแนวทางการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาผ่าน Google Classroom ในรายวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ การศึกษาแนวทางการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาผ่าน Google Classroom ในรายวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ โดยสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 6 ท่าน จากนั้นทำการการทดลองกับนักศึกษาสาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์รุ่น 59 จำนวน 60 คน ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศปีการศึกษา 2/2561 และประเมินผลด้วยแบบสอบถามโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่าแนวทางการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาผ่าน Google Classroom ในรายวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศมีความครอบคลุมผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติทั้งห้าด้าน ซึ่งเนื้อหาภายในประกอบด้วย กลยุทธ์การสอนที่ใช้ในการพัฒนา กลยุทธ์การประเมินผลการเรียนรู้ในแต่ละด้าน และเนื้อหา/สื่อประกอบการเรียน ผลการประเมินการพัฒนาแนวทางการพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาผ่าน Google Classroomพบว่าในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงเมื่อพิจารณาเรียงตามลำดับค่าเฉลี่ยพบว่า พบว่า ด้านคุณธรรมจริยธรรม เป็นลำดับหนึ่ง รองลงมาคือด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบด้านความรู้ ด้านทักษะทางปัญญา และความสามารถในการวิเคราะห์ตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยี
2564-01-01T00:00:00Zความพร้อมของผู้ประกอบการ OTOP ในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ : กรณีศึกษากลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายจังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7755
ความพร้อมของผู้ประกอบการ OTOP ในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ : กรณีศึกษากลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายจังหวัดบุรีรัมย์
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสามารถในการแข่งขันภายในประเทศ และ เพื่อศึกษาความพร้อมของผู้ประกอบการ OTOP ในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ : กรณีศึกษากลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย จังหวัดบุรีรัมย์ด้วยการวิจัยเอกสาร การสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง และการสนทนากลุ่ม กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ประกอบการผู้ประกอบการ OTOP Quadrant C ที่เข้าร่วมโครงการกับมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายและมีความประสงค์ที่จะส่งสินค้าออกจำหน่ายต่างประเทศจำนวน 10 ราย
ผลการวิจัยพบว่า 1 ) ผู้ประกอบการมีความสามารถในการความแข่งขันโดยมีการกระจายสินค้าทั้งภายในและภายนอกจังหวัดบุรีรัมย์ มีความแตกต่างใน 3 ประเด็นหลักคือ วัตถุดิบ เทคนิคการผลิตและ ลวดลาย มีการบริหารจัดการทางการเงินแบบไม่ซับซ้อน ทีมงานจะเป็นผู้ประกอบการผ้าทอพื้นบ้าน ซึ่งมีประธานกลุ่มเป็นผู้นำ สมาชิกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวบ้านในชุมชนรวมถึงผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำหน้าที่หลักในการผลิตและออกแบบลวดลายโดยการระดมความคิดเห็นร่วมกัน โดยมีหน่วยงานภายนอกให้การสนับสนุน การเติบโตของยอดขายนั้นไม่สามารถบอกในลักษณะของตัวเลข ทั่งนี้เนื่องจากการทำบัญชีเป็นลักษณะบัญชีแบบไม่ซ้ำซ้อน จึงขาดข้อมูลบางส่วนที่จะวิเคราะห์แนวโน้มของการเติบโตได้ 2) ผู้ประกอบการมีความสนใจที่จะเข้าสู่ตลาดต่างประเทศคือประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวโดยการมองเห็นถึงโอกาสในข้อตกลงความช่วยเหลือระหว่างประเทศเป็นสำคัญ แต่ไม่มีความพร้อมในด้านทักษะ ความรู้ และทรัพยากรขององค์การ
2564-01-01T00:00:00Zกลุ่มไส้กรอกเห็ด (เจ)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7745
กลุ่มไส้กรอกเห็ด (เจ)
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, ธัญญา แฉล้มไธสงและคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zไส้กรอกเห็ด ข้ำวไรซ์เบอร์รี่
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7744
ไส้กรอกเห็ด ข้ำวไรซ์เบอร์รี่
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, เกียรติศักดิ์ ตันติพลำผลและคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zไส้กรอกcollagen
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7743
ไส้กรอกcollagen
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, ณัฐกร แซ่เล้าและคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zใบขนุนทอด
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7742
ใบขนุนทอด
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, ยถนอม นิลพาทย์และคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zลูกชิ้นเห็ดหอม
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7741
ลูกชิ้นเห็ดหอม
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, กิตติพร วรรณทองและคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00ZChikin-ไก่แผ่นอบกรอบ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7740
Chikin-ไก่แผ่นอบกรอบ
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, กฤษติน สิริประภำกรและคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zเห็ดกรอบสมุนไพร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7739
เห็ดกรอบสมุนไพร
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, ศิรินำถ สุวรรณทำและคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zโดนัทข'าวไรซ-เบอร-รี่ถั่วแดง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7738
โดนัทข'าวไรซ-เบอร-รี่ถั่วแดง
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, ปฐวี อบอารีและคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zเค้กฟักทองนึ่ง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7737
เค้กฟักทองนึ่ง
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, ธนัชญา ปัตสาโก
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zคุกกี้เฮลตี้
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7736
คุกกี้เฮลตี้
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, จันทมณี ล้อประโคนและคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zบรำวนี่มันม่วง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7735
บรำวนี่มันม่วง
นลินทิพย์ พิมพ์กลัด, นรินทร หำญประโคนและคณะ
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00ZกระยาสารทFruity
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7734
กระยาสารทFruity
ปัณณรุจน์ พรสิทธิไพศาลและคณะ, นลินทิพย์ พิมพ์กลัด
ธุรกิจจำลอง
2564-01-01T00:00:00Zกศ.บป. K4 ใบเซ็นเบิกค่าสอนนักศึกษา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7681
กศ.บป. K4 ใบเซ็นเบิกค่าสอนนักศึกษา
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
กศ.บป. K3 ใบเสร็จรับเงิน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7680
กศ.บป. K3 ใบเสร็จรับเงิน
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
กศ.บป. K2 หน้างบใบสำคัญ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7679
กศ.บป. K2 หน้างบใบสำคัญ
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
กศ.บป. K1 ใบหน้างบสำคัญค่าตอบแทนการสอน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7678
กศ.บป. K1 ใบหน้างบสำคัญค่าตอบแทนการสอน
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ภาคปกติ- U4 หลักฐานการเบิกจ่ายค่าสอน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7677
ภาคปกติ- U4 หลักฐานการเบิกจ่ายค่าสอน
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ภาคปกติ- U3 รายวิชาสาที่สอน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7676
ภาคปกติ- U3 รายวิชาสาที่สอน
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ภาคปกติ- U2 งบหน้าใบสำคัญ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7675
ภาคปกติ- U2 งบหน้าใบสำคัญ
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ภาคปกติ- U2 สรุปรายการเบิกค่าสอนภาคปกติ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7674
ภาคปกติ- U2 สรุปรายการเบิกค่าสอนภาคปกติ
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ภาคปกติ- U1 ฐานข้อมูลสาขา/กลุ่มวิชา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7673
ภาคปกติ- U1 ฐานข้อมูลสาขา/กลุ่มวิชา
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ภาคปกติ-ตารางสรุปเบิกค่าสอน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7672
ภาคปกติ-ตารางสรุปเบิกค่าสอน
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ค่าที่ปรึกษา-03 แบบรายงานปฏิบัติงานอาจารย์ที่ปรึกษา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7671
ค่าที่ปรึกษา-03 แบบรายงานปฏิบัติงานอาจารย์ที่ปรึกษา
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ค่าที่ปรึกษา-02 ใบสำคัญรับเงิน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7670
ค่าที่ปรึกษา-02 ใบสำคัญรับเงิน
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ค่าที่ปรึกษา-01 งบหน้าใบสำคัญ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7669
ค่าที่ปรึกษา-01 งบหน้าใบสำคัญ
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มลาพักผ่อน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7668
แบบฟอร์มลาพักผ่อน
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มใบลาพักผ่อนไปต่างประเทศ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7667
แบบฟอร์มใบลาพักผ่อนไปต่างประเทศ
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มใบลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7666
แบบฟอร์มใบลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มบันทึกชี้แจงการไม่ได้ลงชื่อปฏิบัติราชการ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7665
แบบฟอร์มบันทึกชี้แจงการไม่ได้ลงชื่อปฏิบัติราชการ
แบบฟอร์มบันทึกชี้แจงการไม่ได้ลงชื่อปฏิบัติราชการ
แบบฟอร์มขออนุญาตไปต่างประเทศ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7664
แบบฟอร์มขออนุญาตไปต่างประเทศ
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มขอลาออก
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7663
แบบฟอร์มขอลาออก
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มขอลาป่วย ลากิจ ลาคลอดบุตร
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7662
แบบฟอร์มขอลาป่วย ลากิจ ลาคลอดบุตร
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มขอลากิจ ไปต่างประเทศ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7661
แบบฟอร์มขอลากิจ ไปต่างประเทศ
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มขอยกเลิกวันลา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7660
แบบฟอร์มขอยกเลิกวันลา
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มขอเพิ่มวุฒิการศึกษา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7659
แบบฟอร์มขอเพิ่มวุฒิการศึกษา
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบฟอร์มขอเปลี่ยนชื่อ-สกุล
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7658
แบบฟอร์มขอเปลี่ยนชื่อ-สกุล
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
แบบใบลาอุปสมบท
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7657
แบบใบลาอุปสมบท
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ps11 ตัวอย่างปกรายงานภาคนิพนธ์ (กศ.บป.)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7656
ps11 ตัวอย่างปกรายงานภาคนิพนธ์ (กศ.บป.)
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ps10 บันทึกข้อความ ขอเปลี่ยนแปลงที่ฝึกงาน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7655
ps10 บันทึกข้อความ ขอเปลี่ยนแปลงที่ฝึกงาน
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ps09 แบบฟอร์มการให้คะแนน ภาคนิพนธ์ (กศ.บป.)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7654
ps09 แบบฟอร์มการให้คะแนน ภาคนิพนธ์ (กศ.บป.)
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ps08 หลักเกณฑ์รูปแบบการพิมพ์ ภาคนิพนธ์ (กศ.บป.)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7653
ps08 หลักเกณฑ์รูปแบบการพิมพ์ ภาคนิพนธ์ (กศ.บป.)
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ps07 กรอบการจัดทำเอกสารงาน ภาคนิพนธ์ (กศ.บป.)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7652
ps07 กรอบการจัดทำเอกสารงาน ภาคนิพนธ์ (กศ.บป.)
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ps06 แบบคำร้องส่งข้อมูลสถานที่ฝึกงาน (กศ.บป.)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7651
ps06 แบบคำร้องส่งข้อมูลสถานที่ฝึกงาน (กศ.บป.)
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ps05 ข้อมูลแผนที่หน่วยงาน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7650
ps05 ข้อมูลแผนที่หน่วยงาน
สำนักงานคณบดีคณะวิทยาการจัดการ
ps04โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีีพทางธุรกิจ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7649
ps04โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีีพทางธุรกิจ
แบบฟรอ์มสำหรับนักศึกษา
ps03แบบประเมินผลการฝึกประสบการณ์วิชาชีพทางธุรกิจ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7648
ps03แบบประเมินผลการฝึกประสบการณ์วิชาชีพทางธุรกิจ
แบบฟรอ์มสำหรับนักศึกษา
ps02 แบบตอบรับนักศึกษาฝึกงาน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7647
ps02 แบบตอบรับนักศึกษาฝึกงาน
แบบฟรอ์มสำหรับนักศึกษา
ps01 แบบคำร้องส่งข้อมูลสถานที่ฝึกงาน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7646
ps01 แบบคำร้องส่งข้อมูลสถานที่ฝึกงาน
แบบฟรอ์มสำหรับนักศึกษา
แบบคำร้องส่งข้อมูลสถานที่ฝึกงาน
ความคาดหวังของครูที่มตี่อคุณลักษณะของผู้บรหิารสถานศึกษาตามมาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภา สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 มหาวิทยาลยัราชภัฏบรุีรมัย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7587
ความคาดหวังของครูที่มตี่อคุณลักษณะของผู้บรหิารสถานศึกษาตามมาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภา สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 มหาวิทยาลยัราชภัฏบรุีรมัย์
ยุพยงค์ สุรักษา, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและ เปรียบเทียบความคาดหวังของครูที่มีต่อคุณลักษณะของ ผู้บริหารสถานศึกษา ตามมาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภา จำแนกตามเพศ ประสบการณ์การ ทำงาน และขนาด โรงเรียน กลุ่มตัวอย่างเป็นครูจำนวน 317 คน โดยการสุ่ม แบบแบ่งชั้นอย่างเป็น สัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็น แบบสอบถามจำ นวน 3 ตอน มีลักษณะเป็นแบบ ตรวจสอบ รายการ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบสอบถาม ปลายเปิด สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมติฐานโดยใช้ค่าที (t–test) และ one–way ANOVA ผลการวิจัยพบว่า 1) ความคาดหวังของครูที่มีต่อคุณลักษณะของผู้บริหารสถาน ศึกษา ตามมาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภาโดยรวมอยู่ในระดับ มาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้าน คุณลักษณะตาม มาตรฐานการปฏิบัติตน และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านคุณลักษณะตาม มาตรฐานความรู้และประสบการณ์และ วิชาชีพ 2) การเปรียบเทียบความคาดหวังของครูที่มีต่อ คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษา ตามมาตรฐานวิชาชีพ ของคุรุสภา จำแนกตามเพศ โดยรวม และรายด้านไม่แตกต่างกัน จำแนกตามประสบการณ์ทำ งานโดยรวมไม่ แตกต่างกัน และจำแนก ตามขนาดโรงเรียนโดยรวมแตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2016-08-01T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษา ร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7571
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษา ร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย
รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, ทศพร แก้วขวัญไกร,รัชนีกร บวรชาติ,อัจฉรา หลาว,ิติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒนนินาถ ทิพย์อักษร,กิตติกร ฮวดศรี,จตุพร จันทารัมย์,
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ศึกษาคุณลักษณะผู้ประกอบการเชิงรุกที่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขาย
ของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2) ศึกษา
เครือข่ายผู้ประกอบการร้านธงฟ้าประชารัฐที่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0
กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3) เพื่อศึกษาช่องทางการจัดจำหน่ายที่ส่งผลต่อ
การเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่ง
รัฐ กลุ่มตัวอย่าง .คือ ผู้ประกอบร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 320 คน
การศึกษาใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างตามความสะดวก เครื่องมือในการทำวิจัยใช้แบบสอบถาม การวิเคราะห์
ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติอนุมาน การวิเคราะห์การถดถอย ผลการศึกษาพบว่า คุณลักษณะ
ผู้ประกอบการเชิงรุกส่งผลเชิงลบต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้า
ประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากนี้พบว่าเครือข่ายผู้ประกอบการร้านธงฟ้าประชารัฐไม่ส่งผล
ต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการ
แห่งรัฐ และสุดท้ายช่องทางการจัดจำหน่ายส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0
กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ; The research aimed to study the entrepreneurs’’ proactive characteristics that
affected an increase of the overall sales of the retail shops in Thailand 4.0 : a case study
of the state financed shops , to examine the network of the state-financed shops, and
to explore the distribution channels that could affect the overall sale of the retail shops in
the study. The samples were 320 entrepreneurs of the state-supported shops in Buriram
Province. They were derived by a convenient random sampling. The research instrument
was a questionnaire. Data were analyzed by means of a descriptive and inferential
statistics, and regression analysis.
The study found that the entrepreneurs’ proactive characteristics had a negative
impact on an increase of the overall sales of the retail shops under study. It was also
found that the network of entrepreneurs who ran the state financed shops had no
effect on an increase of the overall sale of the state financed shops.
2020-12-03T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้าท่องเที่ยว กรณีศึกษาบ้านสนวนนอกตำบลสนวน อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7570
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้าท่องเที่ยว กรณีศึกษาบ้านสนวนนอกตำบลสนวน อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์
จินดารัตน์ ทรัพย์เจริญ, ธนพร สุขแก้ว, นริศรา ชะระตะคุ, นารีรัตน์ สบายดี, บัวชมพู เกตชิด, พรทิพย์ วังสันต์,รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, ชนินาถ ทิพย์อักษร, กิตติวินท์ เอี่ยมวิริยะวัฒน์
การศึกษาวิจัยเรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านผู้นำที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว
2) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านการมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชนต่อความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว 3) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านสังคมและวัฒนธรรมต่อความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว คือ สมาชิกหมู่บ้าน บ้านสนวนนอก จำนวน 638 คน และผู้วิจัยได้เก็บตัวอย่างข้อมูลจำนวน 234 คน เก็บข้อมูลในการใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ( Percentage ) ค่าเฉลี่ย ( Mean ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation ) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สัมพันธ์เพียร์สัน ( Pearson Correlation Coefficientหรือ Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient ) และการวิเคราะห์สมการถดถอย(Regression Analysis) ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว บ้านสนวนนอก มี 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วม และปัจจัยด้านสังคมละวัฒนธรรม โดยมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ 0.1 ส่วนปัจจัยด้านผู้นำ ไม่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวมากที่สุดคือ ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตามในการศึกษา ผลการวิจัยในอนาคตสามารถศึกษาในปัจจัยอื่นๆ หรือในบริบทต่างไปจากเดิมหรือจะศึกษาในตัวแปรอื่นๆ ต่อไป
2021-06-18T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) กรณีศึกษา ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7569
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) กรณีศึกษา ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
คมกฤษ ม่วงมงคล, นาถภูมิ ฮุยปาอาจ, สุชา ฉลาด, จิราวรรณ บุญหลัง, ชิดชนก เจริญผล,รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์ ,ชนินาถ ทิพย์อักษร ,กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยะวัฒน์
การศึกษาวิจัยเรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านการฝึกอบรมของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน 2)เพื่อศึกษาปัจจัยด้านการติดต่อสื่อสารหรือประชาสัมพันธ์ ที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน 3)เพื่อศึกษาปัจจัยด้านความพร้อมของอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน คือ สมาชิกเจ้าหน้า อปพร. ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 170 คน จำนวน 170 ชุด เก็บข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ( Percentage ) ค่าเฉลี่ย( Mean ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( Standard Deviation ) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สัมพันธ์เพียร์สัน( Pearson Correlation Coefficient® หรือ Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient )
ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มี 3 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านการฝึกอบรม ปัจจัยด้านการติดต่อสื่อสารหรือประชาสัมพันธ์และปัจจัยด้านความพร้อมของอุปกรณ์ โดยภาพรวมมีเพียงปัจจัยด้านการฝึกอบรม และปัจจัยด้านความพร้อมของอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.00 และพบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกมากที่สุด คือปัจจัยด้านความพร้อมของอุปกรณ์ในการปฎิบัติงาน อย่างไรก็ตามในการศึกษาในอนาคตสามารถศึกษาในปัจจัยอื่นๆ หรือในบริบทต่างไปจากเดิมหรือจะศึกษาในตัวแปรอื่นๆต่อไป
2021-06-18T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัด บุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7568
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัด บุรีรัมย์
ณัฏฐธิดา เทวอนรัมย์, ชลธิชา จีนเกา, นัฐชา คดรัมย์, บุตรศราภรณ์ กองสะอาด, บุษผา เรียนไธสง, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์,ชนินาถ ทิพย์อักษร
การศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา1)เพื่อศึกษาปัจจัยด้านการทำงานเป็นทีมที่ส่งผลต่อความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 2)เพื่อศึกษาปัจจัยด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ส่งผลต่อความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 3)เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านทักษะและด้านการอบรมที่ส่งผลต่อความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ คือ สมาชิกในชุมชนพื้นที่เขตชุมชนตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 650 คน และผู้วิจัยได้เก็บตัวอย่างข้อมูลจำนวน 221 คน เก็บข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ( Percentage ) ค่าเฉลี่ย ( Mean ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( Standard Deviation ) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สัมพันธ์เพียร์สัน ( Pearson Correlation Coefficient หรือ Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient ) และการวิเคราะห์สมการถดถอย (Regression Analysis) ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชน ของตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มี 3 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านการทำงานเป็นทีม ปัจจัยด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น และปัจจัยด้านทักษะและการด้านอบรม โดยมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.01
2021-06-18T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขเมื่อเกิดโรค โควิด 19 ระบาด กรณีศึกษาหมู่บ้านบัวทอง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7567
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขเมื่อเกิดโรค โควิด 19 ระบาด กรณีศึกษาหมู่บ้านบัวทอง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
ชลธิชา แก้วธานี, ณัฐฐินันท์ นาดี, ธิภาภรณ์ ยาตา, ธีรรัตน์ สอนน้อย, นิภาพร สีสว่าง, ประภาพร บวรรัมย์, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, อาจารย์ชนินาถ ทิพย์อักษร, อาจารย์กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยะวัฒน์
การศึกษาวิจัยเรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขเมื่อเกิดโรค โควิด 19 ระบาด มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านบุคคลที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขเมื่อเกิดโรค โควิด 19 ระบาด 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขเมื่อเกิดโรค โควิด 19 ระบาด 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านผู้นำที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขเมื่อเกิดโรค โควิด 19 ระบาด คือ สมาชิกหมู่บ้าน บ้านบัวทอง จำนวน 470 คน และผู้วิจัยได้เก็บตัวอย่างข้อมูลจำนวน 222 คน เก็บข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ( Percentage ) ค่าเฉลี่ย ( Mean ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( Standard Deviation ) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สัมพันธ์เพียร์สัน ( Pearson Correlation Coefficient หรือ Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient ) และการวิเคราะห์สมการถดถอย (Regression Analysis)
ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขเมื่อเกิดโรค โควิด 19 ระบาด ของหมู่บ้าน บ้านบัวทอง มี 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านบุคคล และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมของชุมชน ส่วนปัจจัยด้านผู้นำไม่ส่งผลเชิงบวกต่อการเป็นหมู่บ้านที่มีการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขเมื่อเกิดโรค โควิด 19 ระบาด โดยภาพรวมทั้ง 2 ปัจจัยจะพบว่าปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมของชุมชนและปัจจัยด้านบุคคลส่งผลเชิงบวกต่อ ความสำเร็จในการเป็นหมู่บ้านที่มีการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขเมื่อเกิดโรค โควิด 19 ระบาด โดยมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ 0.1 และพบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกมากที่สุด คือปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมของชุมชน อย่างไรก็ตามในการศึกษาผลการวิจัยในอนาคตสามารถศึกษาในปัจจัยอื่นๆ หรือในบริบทต่างไปจากเดิมหรือจะศึกษาในตัวแปรอื่นๆต่อไป
2021-06-03T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งเสริม เพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว กรณีศึกษาหมู่บ้านสนวนใน ตำบลสนวน อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7566
ปัจจัยที่ส่งเสริม เพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว กรณีศึกษาหมู่บ้านสนวนใน ตำบลสนวน อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์
ภัทรพงศ์ ทวีสุข, วรวุฒิ สีลาอ, สุมนัสชัย สมานทอง, ฐิติพร สุขประโคน, ปภาวี พวงพันธ์, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์ กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์ , กิตติกร ฮวดศรี
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยด้านผู้นำที่ส่งผลต่อการส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว 2) ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว 3) ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรมชุมชนที่ส่งผลต่อการส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยวคือสมาชิกหมู่บ้าน บ้านสนวนใน จำนวน 948 คน จำนวน 270 ชุด เก็บข้อมูลในการใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Persentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson Correlation Coefficient หรือ Pearson’s Product Moment Correlation) และวิเคราะห์สมการถดถอย (Regression Analysis) ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่ส่งเสริม เพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยวของหมู่บ้านสนวนใน มี 3 ปัจจัยได้แก่ ปัจจัยด้านผู้นำ ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วม ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม โดยภาพรวมทั้ง 3 ปัจจัยมีเพียงปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อการส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยวโดยมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 อย่างไรก็ตามผลการวิจัยในอนาคตควรนำตัวแปรไปทดสอบในบริบทอื่นๆ
2021-06-03T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยวกรณีศึกษา ชุมชนโคกใหญ่ (เขากระโดง) ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7565
ปัจจัยที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยวกรณีศึกษา ชุมชนโคกใหญ่ (เขากระโดง) ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
จินตนา ไชยศรีรัมย์, จุฑารัตน์ สาลี, ชฏาทิพย์ ฉ่องงูเหลือม, ณัฐฐินันท์ วัชระวรพันธ์, นพรัตน์ โสรเนตร, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, กิตติกร ฮวดศรี
การศึกษาวิจัยเรื่องปัจจัยที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว กรณีศึกษาชุมชนโคกใหญ่
(เขากระโดง) ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านผู้นำที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว 2) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านการมีส่วนร่วมที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว 3) เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว คือ สมาชิกชุมชนโคกใหญ่ จำนวน 450 จำนวน 200 เก็บข้อมูลโดยการ
ใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean)
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการหาค่าสัมประสิทธิ์สัมพันธ์เพียร์สัน(Pearson Correlation Coefficient หรือ Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient )
ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว กรณีศึกษาชุมชนโคกใหญ่
(เขากระโดง) ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มี 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยทางด้านผู้นำที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว และ ปัจจัยทางด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว ส่วนปัจจัยทางด้านการมีส่วนร่วมไม่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว
โดยภาพรวมทั้ง 2 ปัจจัยมีความสัมพันธ์กับความสำเร็จในการเป็นชุมชนท่องเที่ยวโคกใหญ่
(เขากระโดง) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ทั้งสองด้านและพบว่าปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมไม่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกมากที่สุด คือ ปัจจัยด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยวและปัจจัยด้านผู้นำที่ส่งเสริมเพื่อเป็นชุมชนท่องเที่ยว รองลงมาตามลำดับ อย่างไรก็ตามในการศึกษาผลการวิจัยในอนาคตสามารถศึกษาในปัจจัยอื่นๆ หรือในบริบทต่างไปจากเดิมหรือจะศึกษาในตัวแปรอื่นๆต่อไป
2021-06-03T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อความสุขของแรงงานผู้สูงอายุ กรณีศึกษาชุมชนบ้านยาง ตำบลบ้านยาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7564
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสุขของแรงงานผู้สูงอายุ กรณีศึกษาชุมชนบ้านยาง ตำบลบ้านยาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, กิตติกร ฮวดศรี,ชนินาถ ทิพย์อักษร,จตุพร จันทารัมย์,กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์,รังสิมา สว่างทัพ,ทศพร แก้วขวัญไกร,; รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, กิตติกร ฮวดศรี,ชนินาถ ทิพย์อักษร,จตุพร จันทารัมย์,กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์,รังสิมา สว่างทัพ,ทศพร แก้วขวัญไกร,
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยด้านการเป็นบุคคลที่มีคุณค่าในสังคม ปัจจัยด้านสุขภาพอนามัย และปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการมีความสุขของแรงงานผู้สูงอายุ กรณีศึกษาชุมชนบ้านยาง ตำบลบ้านยาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่างคือแรงงานผู้สูงอายุ 316 คน การศึกษาใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือในการทำวิจัยใช้แบบสอบถามเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์การถดถอย ผลการศึกษาพบว่า การเป็นบุคคลที่มีคุณค่าในสังคม ปัจจัยด้านสุขภาพอนามัย และปัจจัยด้านเศรษฐกิจส่งผลต่อการมีความสุขของแรงงานผู้สูงอายุ การศึกษานี้พบว่าปัจจัยด้านการสุขภาพอนามัยเป็นปัจจัยที่สำคัญแรงงานผู้สูงอายุควรดูแลสุขภาพร่างกายและใช้หลักธรรมในการดำรงชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงด้านการเจ็บป่วย การวิจัยนี้ทำให้เกิดองค์ความรู้เกี่ยวกับการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวคิดในการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพการเกษตร เช่นเดิม ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเรียบง่ายและพึ่งพาตนเองถึงแม้สภาพแวดล้อมทางสังคมจะเปลี่ยนแปลงไป; This research aimed to study the factors of being a valuable person in society, health factors and, economic factors affecting the happiness of elderly workers case study of Bann Yang community, Bann Yang Sub-district, Mueang District, Buriram Province. The sample of 316 elderly workers. The study used a random sampling method. Research tools used to collect data by questionnaire and data analysis using regression analysis. The study indicated that being a valuable person in society, healthy factors and, economic factors affecting the happiness of elderly workers. This study found that healthy factors are important factors for elderly workers to take care of their physical health and use the principles of living to reduce the risk of illness. This research gave rise to knowledge about the implementation of the sufficiency economy as a concept of living in rural society, where members of the community had a farmer career happy in the old age and have the principles of living by being self-reliant in the changing social environment from the past.
2020-01-18T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษา ร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7563
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษา ร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์
รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, ทศพร แก้วขวัญไกร, รัชนีกร บวรชาติ,อัจฉรา หลาว,ชนินาถ ทิพย์อักษร,,กิตติกร ฮวดศรีทอง,จตุพร จันทารัมย์,กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ศึกษาคุณลักษณะผู้ประกอบการเชิงรุกที่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2) ศึกษาเครือข่ายผู้ประกอบการร้านธงฟ้าประชารัฐที่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3) เพื่อศึกษาช่องทางการจัดจำหน่ายที่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ประกอบร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 320 คน การศึกษาใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างตามความสะดวก เครื่องมือในการทำวิจัยใช้แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติอนุมาน การวิเคราะห์การถดถอย ผลการศึกษาพบว่า คุณลักษณะผู้ประกอบการเชิงรุกส่งผลเชิงลบต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากนี้พบว่าเครือข่ายผู้ประกอบการร้านธงฟ้าประชารัฐไม่ส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และสุดท้ายช่องทางการจัดจำหน่ายส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก ยุคไทยแลนด์ 4.0 กรณีศึกษาร้านธงฟ้าประชารัฐบริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ; The purposes of this research were 1) to study the proactive entrepreneurship affecting increasing sales of retailers in Thailand 4.0 era under a case study of Blue Flag (Thong Fah Pracharat) shops providing state welfare smartcard, 2) to study the Thong Fah Pracharat entrepreneurial network affecting increasing sales of retailers in Thailand 4.0 era under a case study of Blue Flag (Thong Fah Pracharat) shops providing state welfare smartcard, 3) to study distribution channels (place) affecting increasing sales of retailers in Thailand 4.0 era under a case study of Blue Flag (Thong Fah Pracharat) shops providing state welfare smartcard. The sample of this study consisted of 320 entrepreneurs in Thong Fah Pracharat project in Buriram Province. The sample was selected based on a convenience sampling. A questionnaire was used as a research instrument. Data collected were then analyzed using descriptive and inferential statistics, and regression analysis. The results of this study indicated that the proactive entrepreneurship to increase retail sales of Blue Flag (Thong Blue Flag Pracharat) retailers associated with providing state welfare smartcard, a case study in Thailand 4.0, is negative. Also, the entrepreneurial network does not affect increase retailer sales of Blue Flag (Thong Fah Pracharat) retailers with providing state welfare smartcard. Eventually, distribution channels (place) affected increasing sales of retailers in Thailand 4.0 era under a case study of Blue Flag (Thong Fah Pracharat) shops providing state welfare smartcard.
2020-12-18T00:00:00Zปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ต าบลสวายจีก อ าเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7562
ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ต าบลสวายจีก อ าเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย
กิตติกร ฮวดศรี, พงษ์ศักดิ์ จงกรด, จิตติมา หาญยิ่ง, ลักษณาวดี มุ้งบ้ง, รังสิมา สว่างทัพ, ชนินาถ ทิพย์อักษร ุ, กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์ และ รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนต าบลสวายจีกอ าเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน ใช้กลุ่มประชากรในการศึกษาได้แก่ ผู้น ากลุ่ม หัวหน้า สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านใหม่ จ านวน 42 คน เครื่องมือทีใช้ในการวิจัยได้แก่แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์เชิงโครงสร้าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการตีความเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านทุนมนุษย์ ส่งผลต่อการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ต าบลสวายจีก อ าเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์โดยทุนมนุษย์จะประกอบด้วย 2 ด้านได้แก่ ทุนทางปัญญาและทุนทางแรงงาน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านทุนทางปัญญา และด้านทุนทางแรงงาน มีผลต่อการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนต าบลสวายจีกอ าเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์อยู่ในระดับปานกลาง และผลการสัมภาษณ์ ผู้น า หัวหน้าและสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จ านวน 42 คนพบว่าด้านทุนทางปัญญาสมาชิกวิสาหกิจชุมชนต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาอบรมพัฒนา เพิ่มเติมความรู้ เพิ่มทักษะในด้านต่างๆ เช่น ด้านเทคโนโลยี ด้านการสื่อสาร หรือความคิดสร้างสรรค์ ส่วนด้านทุนทางแรงงาน ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพัฒนาความเชี่ยวชาญเพื่อให้แรงงานมีศักยภาพ หาตลาดเพื่อจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม
2021-05-21T00:00:00Zแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์เสื่อกก อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7561
แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์เสื่อกก อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์
Kittikorn Huadsri, Suphasan Petlerd Chawanluk Songkramrod Natthawut Detchkulram Natcha Wongsongchan Rapheephan Phonginwong, Tossaporn Kaewkaunkhai
This research aimed to study guidelines for community product development a case
study of reed mat products, Khan Dong District, Buriram Province. This research is a mixed method research. Theories adopted include the concept of business condition analysis (SWOT ANALYSIS) and and business model canvans (BMC model). The sample groups were 15 members of the reed mats product group and 50 people in the Buriram walking street. The participatory action research methodology (Participatory Action Research: PAR) and the research instruments were observational interviews and small group chat setting up a community forum and satisfaction assessments of the customer. The results of the research were as follows: guidelines for community product development: case studies of reed products which consists of guidelines for the accounting system management, product identity and diversity product. This research has made reed mat products to be accepted and become a product in the Provincial Government GSB Yuwaphat Project.
2021-05-21T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กรณีศึกษา ตำบลหินโคน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7560
ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กรณีศึกษา ตำบลหินโคน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
อารีญา พันธ์สุวรรณ, เปมณีย์ ฉวีวงษ์, ธนกฤต พินัยรัมย์ ,ณัชชา วงษ์สองชั้น, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, กิตติกร ฮวดศรี, ชนินาถ ทิพย์อักษร,ธีรรัตน์ สอนน้อย
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยด้านความรู้และทักษะการทำงาน ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กรณีศึกษาตำบลหินโคน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ 2) ปัจจัยด้านการติดต่อสื่อสารที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กรณีศึกษาตำบลหินโคน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตำบลหินโคน อำเภอลำปลายมาศ จำนวน 170 คน เครื่องมือวิจัยคือ แบบสอบถาม โดยใช้สถิติพรรณนาวิเคราะห์เพื่อหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ค่าถดถอย ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านความรู้และทักษะการทำงาน และปัจจัยด้านการติดต่อสื่อสาร ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กรณีศึกษาตำบลหินโคน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีนัยสำคัญทางสถิติในระดับ 0.01; This research aimed to study 1) factors of knowledge and working skills affecting the performance of the village health volunteers case Study of Hin Khon Subdistrict, Lam Plai Mat District Buriram Province 2) Communication factor affecting performance of village health volunteers case study of Hin Khon Subdistrict, Lam Plai Mat District, Buriram Province. This research is a quantitative research. The sample group was 170 community health volunteers of Hin Khon Subdistrict, Lam Plai Mat District. The research tool was a questionnaire using descriptive statistics to analyze percentage, mean, standard deviation, and the regression analysis.
The research results were found that factors of knowledge and work skills and communication factors affecting the performance of the village health volunteers case study of Hin Khon Subdistrict Lam Plai Mat District, Buriram Province with statistical significance at the level of 0.01.
2021-01-07T00:00:00Zคุณลักษณะนักทรัพยากรมนุษย์ในยุค 2020 ตามความต้องการของตลาดแรงงาน กรณีศึกษา นักศึกษาสาขาวิชาทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7559
คุณลักษณะนักทรัพยากรมนุษย์ในยุค 2020 ตามความต้องการของตลาดแรงงาน กรณีศึกษา นักศึกษาสาขาวิชาทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์
ธนิดา นันกวน, วรวุฒิ สีลา, สุมนัสชัย สมานทอง, ฐิติพร สุขประโคน,ธีรรัตน์ สอนน้อย, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, กิตติกร ฮวดศรี, กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์; ธนิดา นันกวน, วรวุฒิ สีลา, สุมนัสชัย สมานทอง, ฐิติพร สุขประโคน,ธีรรัตน์ สอนน้อย, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, กิตติกร ฮวดศรี, กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาคุณลักษณะนักทรัพยากรมนุษย์ตามความต้องการของตลาดแรงงาน ในยุค 2020 กรณีศึกษานักศึกษาสาขาวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ 2) เพื่อได้แนวทางในการพัฒนาคุณลักษณะนักสาขาวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในยุค 2020 ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน กรณีศึกษานักศึกษาสาขาวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาสาขาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ จำนวน 140 คน และ ผู้ประกอบการในเขตพื้นที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จำนวน 10 คน เครื่องมือวิจัยคือ แบบสอบถาม โดยใช้สถิติสหสัมพันธ์ ผลการวิจัยพบว่า คุณลักษณะของนักทรัพยากรมนุษย์ในยุค 2020 ประกอบด้วยทุนทางปัญญา ทุนทางสังคมและทุนทางอารมณ์ ตามความต้องการของตลาดแรงงาน โดยมีนัยสำคัญทางสถิติในระดับ 0.01; The purposes of this research is to 1) study the characteristics of human resource workers according to the needs of the labor market in the 2020 case study of students in human resource management program 2) To guide line on developing human resource characteristics in the 2020 to meet the needs of the labor market. This research is the mix method research. The sample were students in human resource management program, faculty of management science 140 people and 10 entrepreneurs in the area of Muang Buriram district, The research tool was a questionnaire.
The research using descriptive statistics to analyze the percentage, mean and standard deviation. and analyze the regression. The results were found that the 2020 human resource attributes include intellectual capital, social capital and emotional capital according to the needs of the labor market with statistical significance at the level of 0.01
2021-01-07T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในสถานการณ์ การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 กรณีศึกษาเขตพื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7558
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในสถานการณ์ การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 กรณีศึกษาเขตพื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
สุพัตรา หงส์ลอยลม, อารีญา พันธ์สุวรรณ อิศริยา ดีอ้อม รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์ กิตติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์ กิตติกร ฮวดศรี และธนิดา นันกวน
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านความภูมิใจที่ส่งผลต่อการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 กรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 2) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านความรู้เกี่ยวกับงานอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือนที่ส่งผลต่อการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 กรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จำนวน 160 คนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลสวายจีก เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณ 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านความภูมิใจและด้านความรู้เกี่ยวกับงานอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือนที่ส่งผลเชิงบวกต่อการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 กรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในระดับ 0.01; The objectives of this research were : 1) To study the factors of pride that affect the disaster prevention and mitigation performance in the situation of the COVID 19 outbreak, a case study of the Sawai Jeek Subdistrict administrative organization, Muang district, Buriram province ; and to study the factors of knowledge about civil defence volunteer work affecting the disaster prevention and mitigation performance in the situation of the COVID-19 outbreak, a case study of Sawai Jeek Subdistrict administrative organization, Muang district, Buriram province. This research is a quantitative research. Sample group these included 160 civilian defence volunteers in the area responsible for the Sawai Jeek Subdistrict administrative organization. The instrument used to collect data was approximately 5 scale questionnaires. The statistics used for data analysis were percentage, mean, standard deviation and multiple regression. The study found that factors of pride and knowledge of civil defence volunteer work that affects disaster prevention and mitigation performance in the situation of the COVID 19 a case study of Swai Jeek Subdistrict administrative organization, Muang district, Buriram province, statistically significant at a level of 0.01
2020-09-18T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นชุมชนยั่งยืน กรณีศึกษาบ้านใหม่ ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7557
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นชุมชนยั่งยืน กรณีศึกษาบ้านใหม่ ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
รวิฐา ทวีพร้อม, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์,ชนินาถ ทิพย์อักษร, กิติกวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์, และ กิตติกร ฮวดศรี และอัจฉรา หลาวทอง
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านการเป็นชุมชนต้นแบบด้านวิสาหกิจชุมชนที่ส่งผลต่อการเป็นชุมชนยั่งยืน กรณีศึกษาบ้านใหม่ ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 2) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านความปรองดองส่งผลต่อการเป็นชุมชนยั่งยืน กรณีศึกษาบ้านใหม่ ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่สมาชิกบ้านใหม่ ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 201 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณ 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านการเป็นชุมชนต้นแบบด้านวิสาหกิจชุมชนและปัจจัยด้านความปรองดองที่ส่งผลเชิงบวกต่อการเป็นชุมชนยั่งยืน กรณีศึกษาบ้านใหม่ ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในระดับ 0.01; The objective of this research is 1) to study the factors of be a model of a community enterprise that affect be a sustainable community case study of Ban Mai, Sawai jeek subdistrict, Mueang district, Buriram province. 2) To study the factors of reconciliation affecting the sustainable community case Study of Ban Mai, Sawai jeek subdistrict, Mueang district, Buriram province. This research is a quantitative research. Sample group Including members of the new house 201, Sawai jeek sub-district, Mueang district, Buriram province. The data collection tool was approximately five scale questionnaires. The statistics used in data analysis were percentage, mean, standard deviation and multiple regression. The study found that factors of be a model of a community enterprise and a factor of reconciliation positive affecting a sustainable community case study of Ban Mai, Sawai jeek subdistrict, Mueang district, Buriram province statistically significant at a level of 0.01
2020-09-18T00:00:00Zปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทขนมจีน กรณีศึกษาชุมชนสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7556
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทขนมจีน กรณีศึกษาชุมชนสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
รวิฐา ทวีพร้อม, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์, อัจฉรา หลาวทอง, กานต์มณี การินทร์, กิตติกร ฮวดศรี, ชนินาถ ทิพย์อักษรุ,และกิตติกวินทร์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยด้านอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ การสนับสนุนของหน่วยงานรัฐ การตลาดออนไลน์ ส่งผลต่อการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทขนมจีน กรณีศึกษาชุมชนสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ บุคลากรทั้งภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วนที่เป็นคณะกรรมการโครงการ RISMEP และผู้ประกอบการผลิตขนมจีน รวมทั้งหมด 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่แบบสัมภาษณ์เชิงโครงสร้าง การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการตีความและสรุปความเรียง ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทขนมจีน กรณีศึกษาชุมชนสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์นั้นได้แก่ อัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ การสนับสนุนของหน่วยงานรัฐ การตลาดออนไลน์ ส่งผลต่อการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทขนมจีน
The purpose of this research is to study the factors identity, government support, online marketing affecting the enhancement of community products of the Thai rice flour noodle a case study of Sawai jeek community, Muang district, buriram province. This research is a qualitative research. The sample 15 groups were Small and Medium Business network committee. The tools used in the study were structured interviews and data collection by in-depth interviews. Analyze data by interpreting and summarizing essays. The research results were found that factors affecting the upgrading of community products, Thai rice flour noodle a case study of the Sawai jeek community, Muang district, Buriram province are as follows: product identity, government support, online marketing affecting the enhancement of community products of thai rice flour noodle.
2020-09-18T00:00:00Zการส่งเสริมโรงเรียนสุขภาพผู้สูงอายุที่เหมาะสมแบบมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นด้วยการขับเคลื่อนตามฐานคิดการพัฒนาศัตวรรษที่ 21 ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7555
การส่งเสริมโรงเรียนสุขภาพผู้สูงอายุที่เหมาะสมแบบมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นด้วยการขับเคลื่อนตามฐานคิดการพัฒนาศัตวรรษที่ 21 ตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
รวิฐา ทวีพร้อม, กิตติวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์ ,กิตติกร ฮวดศรี; รวิฐา ทวีพร้อม, กิตติวินท์ เอี่ยมวิริยาวัฒน์, รพีพรรณ พงษ์อินทร์วงศ์ ,กิตติกร ฮวดศรี
A study on the promotion of the potential of suitable elderly school participation. Of the local community With the development of the 21st century development, Sawaijeek Sub-district, Muang District, Buriram Province. 1. To analyze the potential of the elderly school in Sawaijeek Sub-district, Muang District, Buriram Province. 2. To study the needs of elderly students in Sawaijeek Sub-district, Muang District, Buriram Province. 3. To find ways to promote the capacity of the elderly school That is appropriate with the participation of local communities in Sawaijeek Sub-district, Muang District, Buriram Province. The participatory action research method was used as a participatory action research project Qualitative Research and Quantitative Research and Development Using both research tools. Observation, Questionnaire, Indepth Interview, and Focus Group to collect data. It was analyzed by descriptive briefing as a point to promote and find ways to promote the potential of the elderly. Appropriate participation of local communities. The main target groups are related to research issues. There are 3 groups: 1. Representatives from the group who initiated the establishment of the Elderly School 1 person. 2. Elderly students in Sawaijeek Sub-district 42 person. 3. Representatives from various groups in the community. The potential of the Elderly School 35 person. The results of the research were as follows: 1. The elderly school in Sawaijeek Sub-district Have the potential to be developed to upgrade to a model elderly school This is due to the strong leadership potential, suitable location, continuous budget support, volunteer lecturer from various sectors, the elderly in the community themselves who are in harmony with each other. Regularly interested in participating in school activities for the elderly. 2. Most of the elderly students demand a form of learning activities that are consistent with the 21st century development thinking, except for foreign languages. And the use of technology in daily life 3. Promoting the potential of schools for the elderly in Sawaijeek Sub-district To have more potential Must begin with the establishment of a steering committee Including Advisory Committee, Operational Support Committee, Executive Committee And volunteer lecturer To come together to define courses, activities, regulations And image of the elderly school.
2020-09-03T00:00:00Zธุรกิจจำลองโดนัลข้าวไรซ์เบอรรี่ถั่วแดง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7282
ธุรกิจจำลองโดนัลข้าวไรซ์เบอรรี่ถั่วแดง
อาจารย์ นลินทพย์ พิมกลัด
ธุรกิจจำลองโดนัลข้าวไรซ์เบอรรี่ถั่วแดง
ธุรกิจจำลอง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7281
ธุรกิจจำลอง
อาจารย์ นลินทิพย์ พิมกลัด
ธุรกิจจำลองกลุ่มพาวเวอร์บอลดีท็อก
ข้าวเกรียบซี๊ด
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7280
ข้าวเกรียบซี๊ด
นางสาว กมลชนก สมรูป; นางสาว จันทร์จิรา สมดัง; นางสาว ณัฐมน มาลัยโคตร; นางสาว พัชรินทร์ ชินรัตน์; นางสาว เพ็ญกวิน ดีรื่นรัมย์; นางสาว วริศรา งามนวล; นางสาว สุวิมล นันทวงศ์
จัดทำโดย กลุ่มข้าวเกรีบยซี๊ด
วิชาธุรกิจจำลอง
ธุรกิจจำลอง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7279
ธุรกิจจำลอง
อาจารย์ นลินทิพย์ พิมกลัด
เอกสารแบบฟอร์มธุรกิจจำลองคุกกี้ผักหวาน
การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ของนักศึกษาสาขาวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7142
การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ของนักศึกษาสาขาวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ชนินาถ, ทิพย์อักษร; รังสิมา, สว่างทัพ; กิตติกวินท์, เอี่ยมวิริยาวัฒน์; กิตติกร, ฮวดศรี
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนารูปแบบการสอนแบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ของนักศึกษาสาขาวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ (2) ศึกษาคุณลักษณะผู้สอนในการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning (3) ประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการจัดการกรเรียนการสอนแบบ Active Learning ผลการจัดการเรียนการสอน รายวิชาเทคนิคการนำเสนองาน (3511402) โดยใช้การสอนแบบมีส่วนร่วม (Active Learning); The purposes of this research study were: (1) to develop the participative teaching model (Active Learning) for the students of Human Resource Management Department, Faculty of Management Sciences, Buriram Rajabhat University; (2) to investigate the characteristics of teachers in Active Learning management; and (3) to evaluate students' satisfaction towards Active Learning management.
2020-08-02T00:00:00Zการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6334
การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด
จิรัชญา, ฉิมมา; มนธิกานต์, ดียื่ง
โครงงานนี้ได้ทำการศึกษาและพัฒนาเว็บไซต์การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดโ
ดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด บ้านตลาดควาย
ตำบลสะแกซำ อำเภอเมือง จ.บุรีรัมย์ เช่น จุดเช่าจักรยาน จุดถ่ายรูป จุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น
จุดพักผ่อน จุดชมนก จุดบริการห้องน้ำ และอื่นๆ
โดยนำเอาเทคโนยีเว็บไซต์และระบบฐานข้อมูลมาใช้ในการพัฒนา และได้มีการสำรวจความพึงพอใจ
นักท่องเที่ยวที่ เป็นกลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาใช้ระบบเว็บไซต์ จำนวน 100 คน
ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีจำนวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 57 รองลงมาคือ เพศชาย มีจำนวน 43 คน
คิดเป็นร้อยละ 43 พบว่า ผู้ใช้มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.50
เมื่อแยกเป็นรายด้าน พบว่า มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจมากที่สุดในด้านประโยชน์และการนำไปใช้
ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.55 รองลงมาคือ ด้านข้อมูลข่าวสาร มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 เท่ากันกับ
ด้านการออกแบบและ จัดการรูปแบบ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 และ
ด้านการบริการที่มีอยู่ในสื่อโซเชียลมีเดีย มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.46
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบแอพพลิเคชั่นประชาสัมพันธ์ร้านซัมหมิงสุกี้โบราณ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6333
ระบบแอพพลิเคชั่นประชาสัมพันธ์ร้านซัมหมิงสุกี้โบราณ
ทรงปัญญา, ทองดี; ณัฐพล, ตลับทอง
โครงงานระบบระบบแอพพลิเคชั่นประชาสัมพันธ์ กรณีศึกษาร้านซัมหมิงสุกี้โบราณ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นประชาสัมพันธ์ให้กับร้านซัมหมิงสุกี้โบรา
ณและเพื่อประเมินความพึงพอใจของคนที่เข้ามาใช้สื่อประชาสัมพันธ์ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น
โครงงานนี้ได้จัดทำระบบระบบแอพพลิเคชั่นประชาสัมพันธ์และได้มีการสำรวจความพึงพอใจ
ผู้ที่เข้ามาใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาศึกษาระบบแอพพลิเคชั่นประชาสัมพันธ์
ได้แก่ผู้ที่เข้ามาใช้งานแอพพลิเคชั่น จำนวน 50 คน
โปรแกรมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่
การหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน
ผลการทดลองที่ได้สามารถสรุปได้ว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อ
ระบบแอพพลิเคชั่นประชาสัมพันธ์ เนื้อหาด้านการออกแบบระบบ คิดเป็นร้อยล่ะ 3.99
เนื้อหาด้านความเหมาะสมของระบบ คิดเป็นร้อยล่ะ 4.45 เนื้อหาด้านประโยชน์ของระบบ
คิดเป็นร้อยล่ะ 4.49 โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก คิดเป็นร้อยล่ะ 4.31
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านผ้าไหมพิชญาภา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6332
ระบบร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านผ้าไหมพิชญาภา
บุณฑริกา, เชษรัมย์; สุนิตา, พรามนาค
โครงงาน ระบบร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านผ้าไหมพิชญาภา มีวัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาระบบเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์
โครงงานนี้ได้ทำการพัฒนาระบบของเว็บไซค์ร้านค้าออนไลน์ร้านผ้าไหมพิชญาภาและได้มีการสำรวจความ
พึงพอใจจากกลุ่มตัวอย่างที่ได้เข้ามาทดลองระบบเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ร้านผ้าไหมพิชญาภา จำนวน 50
คน โปรแกรมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่
การหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการทดลองที่ได้สามารถสรุปได้ว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อระบบร้านค้าออน
ไลน์ร้านผ้าไหมพิชญาภา โดยรวมอยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 3.76
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษาร้านลูกเต๋า
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6331
ระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษาร้านลูกเต๋า
ปนัดดา, บุญมี; สุวิช, อาจยาเมือง
โครงงานระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษาร้านลูกเต๋า
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์และเพื่อประเมินความพึ่ง
พอใจของผู้ใช้งานระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์
โครงงานนี้ได้จัดทำระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์และได้มีการสำรวจความพึงพอใจ
พบว่าโดยรวมมีปัญหาและอุปสรรคอยู่มากในการบริหารจัดการ ปัจจุบันมีการนิยม
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) การตลาด การขาย สื่อออนไลน์ต่าง ๆ เป็นอย่างมาก
ดังนั้นผู้จัดทำจึงได้มีแนวคิดในการนำเอา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce)
การขายสินค้าออนไลน์ เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้ร้านค้า โดยการพัฒนาระบบบริหารจัดการ
โดยใช้เทคนิควิธีการทาง อินเตอร์ เว็บไซต์ E-commerce
เพื่อให้สะดวกรวดเร็วในการเลือกซื้อของและตรงตามความต้องการของลูกค้า
เพิ่มช่องทางในการขายได้มากขึ้น
ทำให้ผู้คนเข้ามาชมเว็บไซต์ของร้านหรือข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
กลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาศึกษาระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ ได้แก่นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จำนวน 45 คน สรุปได้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจ ทั้งหมด จำนวน 45 คน
คิดเป็นร้อยละ 100.0 ส่วนมากเป็นเพศหญิง จำนวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 73.3 และเพศชาย
จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 26.7 ตามลำดับ
ผลการประเมินความพึงพอใจของเว็บไซต์จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 45 คน พบว่า
ผู้ใช้มีความพึงพอใจด้านการออกแบบและการจัดการรูปแบบเว็บไซต์ อยู่ในระดับดีมากมีค่าเฉลี่ย
เท่ากับ 4.23 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 0.52 อยู่ในเกณฑ์ดีมาก
ด้านเนื้อหาและความถูกต้องมีความพึงพอใจภาพรวม อยู่ในระดับดีมากมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.29
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 0.51 อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ด้านประโยชน์และการนำไปใช้
5
มีความพึงพอใจภาพรวม อยู่ในระดับดีมากมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.35 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) 0.43
อยู่ในเกณฑ์ดีมาก
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านอุปกรณ์การเกษตร นานาแมชชีน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6330
ระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านอุปกรณ์การเกษตร นานาแมชชีน
วิลัยรัตน์, โยราช; กฤษฎา, พรมประโคน
ร้านอุปกรณ์การเกษตรนานาแมชชีนที่มีการขายสินค้าการเกษตรอุปกรณ์การเกษตรที่มีอยู่หลากหลายแต่
ยังขาดความรู้เกี่ยวกับการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการจัดการความรู้ด้านบริหารจัดการเพร
าะว่าเกษตรกรไม่มีเวลามาที่ร้านหรือมาที่ร้านแล้วเสียเวลาในการเลือกซื้อและบางครั้งมาที่ร้านสินค้าอาจ
หมดไม่ได้สินค้าตามที่ต้องการทำให้เสียเวลาทางเราจึงได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขายสินค้าอย่าง E-
commerce ที่ช่วยให้การขายเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย
เพื่อเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการร้านอุปกรณ์การเกษตรขายสินค้าออนไลน์
โครงงานนี้จัดทำระบบบริหารจัดการร้านอุปกรณ์การเกษตรนานาแมชชีนทำการขายสินค้าและได้มีการสำ
รวจความพึงพอใจนักศึกษาที่เป็นกลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาศึกษาระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์กรณีศึก
ษาร้านอุปกรณ์การเกษตรนานาแมชชีนได้แก่นักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจคณะวิทยาการจัดการม
หาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ จำนวน 50 คน
โปรแกรมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่การหาค่าเ
ฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการทดลองที่ได้สามารถสรุปได้ว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อระบบบริหารจัดก
ารร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านอุปกรณ์การเกษตรนานาแมชชีนความพอของระบบในส่วนเนื้อหาด้านกา
รออกแบบระบบ มีค่าเฉลี่ยโดยรวม
4.46%ความพึงพอใจของระบบในส่วนเนื้อหาด้านประโยชน์ของระบบมีค่าเฉลี่ยโดยรวม
4.48%ความพึงพอใจของระบบในส่วนเนื้อหาด้านช่องทางการใช้เว็บไซต์ออนไลน์มีค่าเฉลี่ยโดยรวม
4.46%ความพึงพอใจของระบบในส่วนเนื้อหาด้านเนื้อหามีค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.40 %
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านเสื้อ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6329
ระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านเสื้อ
ชานนท์, โภคทรัพย์; ณัฐทมน, กิ่งแก้ว
โครงงานระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษาร้านเสื้อFrem Shop
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา เนื่องจากทางร้านมีเฉพาะกลุ่มลูกค้าเพียงแค่บางส่วน
ผู้ประกอบการจึงต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น โดยจะต้องทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์
ให้มากขึ้นกว่าเดิมหรือการขยายสาขาของธุรกิจ
โครงงานนี้ได้จัดทำระบบระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์และได้มีการสำรวจ ความพึงพอใจ
นักศึกษาที่เป็นกลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาศึกษาระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ ได้แก่
นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จำนวน 42 คน
สรุปได้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจ ทั้งหมด จำนวน 42 คน คิดเป็นร้อยละ 100.0 ส่วนมากเป็นเพศหญิง
จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 57.1 และเพศชาย จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 42.9
ตามลำดับผลการประเมินความพึงพอใจของเว็บไซต์จากกลุ่มตัวอย่าง พบว่า
ผู้ใช้มีความพึงพอใจด้านการออกแบบและการจัดการรูปแบบเว็บไซต์ อยู่ในระดับดีมากมีค่าเฉลี่ย
เท่ากับ 4.33 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 0.51 อยู่ในเกณฑ์ดีมาก
ด้านเนื้อหาและความถูกต้องมีความพึงพอใจภาพรวม อยู่ในระดับดีมากมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.24
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 0.60 อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ด้านประโยชน์และการนำไปใช้
มีความพึงพอใจภาพรวม อยู่ในระดับดีมากมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.21 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
0.69อยู่ในเกณฑ์ดีมาก
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบบริหารจัดการการขายสินค้าร้านฟลุ้ค & เฟรช
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6328
ระบบบริหารจัดการการขายสินค้าร้านฟลุ้ค & เฟรช
กิตติกร, พวงไธสง; ธนาวุฒิ, สุขโน
โครงงาน ระบบบริหารจัดการการขายสินค้ากรณีศึกษาร้านฟลุ้ค & เฟรช มีวัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการการขายสินค้ากรณีศึกษาร้านฟลุ้ค & เฟรช
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
โครงงานนี้ได้จัดทำระบบบริหารจัดการการขายสินค้าและได้มีการสำรวจความพึงพอใจ
นักศึกษาที่เป็นกลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาศึกษาระบบบริหารจัดการการขายสินค้าได้แก่นักศึกษาสาขาวิชา
คอมพิวเตอร์ธุรกิจคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จำนวน 40 คน
โปรแกรมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่
การหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการทดลองที่ได้สามารถสรุปได้ว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อระบบบริหาร
จัดการการขายสินค้า โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก คิดเป็นร้อยละ 4.58 %
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านHope Clothing
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6327
ระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์กรณีศึกษาร้านHope Clothing
จารุวิทย์, สุทธิประภา
โครงงานระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษาร้านHope Clothing
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา
ระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์และเพื่อประเมินความพึ่งพอใจของผู้ใช้งานระบบบริหารจัดการ
ร้านค้าออนไลน์ โครงงานนี้ได้จัดทำระบบระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์และได้มีการสำรวจ
ความพึงพอใจ นักศึกษาที่เป็นกลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาศึกษาระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ ได้แก่
ลูกค้าร้านHope Clothing ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์และเข้าใช้งานเว็บไซต์ จำนวน 45 คน
โปรแกรมที่ใช้ในการเก็บ ข้อมูลเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่
การหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วน เบี่ยงเบน มาตรฐาน
ผลการทดลองที่ได้สามารถสรุปได้ว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่ม ตัวอย่างที่มีต่อ
ระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ ด้านการออกแบระบบ มีค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.61%
ด้านประโยชน์ของระบบ มีค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.58% ด้านประโยชน์ของระบบ มีค่าเฉลี่ยโดยรวม
4.58%
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษา ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง บ้านโนนรัง – บูรพา
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6326
ระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษา ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง บ้านโนนรัง – บูรพา
สิริวิมล, ปะกะตัง; วริษา, สิงหนุต
โครงงาน ระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษา ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงบ้านโนนรัง-
บรูพา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์
โครงงานนี้ได้จัดทำระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์และได้มีการสำรวจความพึงพอใจ
ผู้ใช้งานระบบที่เป็นกลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาทดลองใช้งานและศึกษาระบบ จำนวน 100 คน
โปรแกรมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์
การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการทดลองที่ได้สามารถสรุปได้ว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อระบบบริหารจัดก
ารร้านค้าออนไลน์ของศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงบ้านโนนรัง – บูรพา โดยรวมอยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ
3.96
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษา ชุมชนบ้านเขว้า
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6325
ระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ กรณีศึกษา ชุมชนบ้านเขว้า
ธนกฤต, ภัณฑประทีป; สนธยา, สุริยวงค์ชมภู
ในปัจจุบันเนื่องจากในชุมชนบ้านเขว้า ตำบลประสุข อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา
มีนักท่องเที่ยวมากขึ้นทำให้คนในชุมชนได้ทำการคิดผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดปัญหา
เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์มากกว่าความต้องการซึ่งสินค้าจะขายได้นั้นมากจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในชุมชนเท่านั้
น ในขณะที่มีลูกค้าจำนวนมากต้องการสินค้าจากชุมชนแต่ไม่มีการเข้าถึงสินค้า
จึงทำให้สูญเสียรายได้และลูกค้าเป็นจำนวนมาก
และในยุคปัจจุบันการขายสินค้าออนไลน์มีส่วนในการทำให้การขายสินค้ามีการเข้าถึงมากขึ้น
จึงได้นำเทคโนโลยีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์คือการพัฒนาเว็บไซต์ออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสั่งซื้อสินค้าได้สะ
ดวกมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าและแม่ค้าติดต่อสอบถามกันได้สะดวกมากยิ่งขึ้นและทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
จากเดิมที่ลูกค้าจะต้องโทรติดต่อหรือต้องไปสั่งที่บ้าน
แต่เมื่อมีการทำเว็บไซต์ออนไลน์ผลิตภัณฑ์ชุมชนบ้านเขว้าก็ทำให้การซื้อขายสินค้าสะดวกยิ่งขึ้น
ดังนั้น ผู้จัดทำจึงได้แลเห็นช่องทางการจัดทำเว็บไซต์ขึ้น
เพื่อให้ผู้ที่สนใจจะซื้อสินค้าได้เข้ามาเยี่ยมชมและสั่งซื้อสินค้าอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
และแม่นยำในการสั่งซื้อสินค้าลดปัญหาการติดต่อผู้ขายที่ไม่ค่อยสะดวกได้ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าเชื่อถือมากยิ่ง
ขึ้น และทำให้ลูกค้าพึงพอใจและมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยได้มีการจัดทำแบบสอบถาม จำนวน 50 คน ผู้ชายจำนวน
33 คน คิดเป็นร้อยละ 66 ผู้หญิง 17 คน คิดเป็นร้อยละ 34 ผลจากการกรอกแบบสอบถาม ออกมาเป็น มากที่สุด
โดยคิดเป็นร้อยละ 4.88
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบบริหารจัดการการขายสินค้าสวนคุณย่า
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6324
ระบบบริหารจัดการการขายสินค้าสวนคุณย่า
มินตรา, หุ่นเมืองปัก; นฤเดช, สนทนา
สวนคุณย่าที่มีการผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารพิษที่หลากหลายแต่ยังขาดความรู้เกี่ยวกับเรื่องการนำเอ
าเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการจัดการความรู้ด้านการบริหารจัดการ
พบว่าโดยรวมมีปัญหาและอุปสรรคอยู่มากในการบริหารจัดการ
เพราะว่าเกษตรกรมีเวลาน้อยในการศึกษาค้นคว้าข้อมูลในการจัดการความรู้
ช่วงเวลาในการจัดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชุมชนมีค่อนข้างจำกัดเกษตรกรมีความรู้แต่ไม่สามารถนำค
วามรู้นั้นมาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้ จึงมีผลทำให้สินค้านั้นอาจมีการเน่าเสีย
เนื่องด้วยมีการตลาดที่แคบ
ไม่มีความรู้ในเรื่องการขายสินค้าออนไลน์ที่สามารถเปิดตลาดให้กว้างขึ้นได้
ผู้วิจัยได้ทำการพัฒนาระบบที่ผ่านเทคนิควิธีการต่าง ๆ ในการนำเทคโนโลยี Ecommerce
ที่ช่วยให้การขายเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย
เพื่อเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการการขายสินค้าออนไลน์
โครงงานนี้ได้จัดทำระบบบริหารจัดการการขายสินค้าและได้มีการสำรวจความพึงพอใจ
นักศึกษาที่เป็นกลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาศึกษาระบบบริหารจัดการการขายสินค้าสวนคุณย่า
ได้แก่นักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จำนวน
45 คน โปรแกรมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์
การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ การหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการทดลองที่ได้สามารถสรุปได้ว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อระบบบริหาร
จัดการการขายสินค้าสวนคุณย่า ความพึงพอใจของระบบในส่วนเนื้อหาด้านการออกแบบระบบ
มีค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.66 % ความพึงพอใจของระบบในส่วนเนื้อหาด้านประโยชน์ของระบบ
มีค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.67 % ความพึงพอใจของระบบในส่วนเนื้อหาด้านคุณภาพของเนื้อหา
มีค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.64 %
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบขายอาหารออนไลน์ กรณีศึกษา : ร้านชะป๊ะหม่าล่าเดลิเวอรี่
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6323
ระบบขายอาหารออนไลน์ กรณีศึกษา : ร้านชะป๊ะหม่าล่าเดลิเวอรี่
ภคพงษ์, ประจันบาล; กาญจนา, ชาตาสุ
ปัจจุบัน E-commerce มีบทบาทกับชีวิตของเราเป็นอย่างมาก
การทำธุรกิจส่วนใหญ่จึงใช้อินเตอร์เน็ตในการโฆษณา
ข้อมูลข่าวสารสามารถส่งถึงกันได้ทั่วทุกมุมโลกด้วย Social Media Marketing ที่มีต้นทุนต่ำ
และใช้เวลาไม่นาน
ผู้บริโภคในซีกโลกหนึ่งสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าและบริการในอีกซีกโลกหนึ่งได้เพียงเสี้ย
ววินาที เนื่องจากจังหวัดบุรีรัมย์เกิดการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจรวดเร็ว
จึงทำให้เกิดการแข่งขันทางการตลาดและการบริการด้านธุรกิจต่างๆมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มนักบริโภครว
มถึงร้านขายหม่าล่าจำนวนมากในพื้นที่ตัวเมืองบุรีรัมย์
ซึ่งร้านชะป๊ะหม่าล่าเดลิเวอรี่แต่เดิมไม่มีแนวทางของการขายออนไลน์มีเพียงแค่การขายหน้าร้านเท่านั้น
และทางร้านยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการของตน
ด้วยเหตุนี้ผู้ศึกษาจึงเกิดความสนใจในการสร้างระบบขายอาหารออนไลน์ร้านชะป๊ะหม่าล่าเดลิเวอรี่
เพื่อประเมินความพึงพอใจผู้บริโภคที่เข้าใช้งานระบบขายอาหารออนไลน์
กลุ่มตัวอย่างที่ผู้ศึกษาได้ทำการสำรวจการประเมินความพึงพอใจของเว็บไซต์ คือ
กลุ่มลูกค้าที่เข้าใช้งานระบบและพนักงานในร้าน สรุปได้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจ
ทั้งหมดเป็นกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการร้านชะป๊ะหม่าล่าเดลิเวอรี่ จำนวน 100 คน คิดเป็นร้อยละ 100
ส่วนมากเป็นเพศหญิง จำนวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 57 และเพศชาย จำนวน 43 คน คิดเป็นร้อยละ
43 ตามลำดับ ผลการประเมินความพึงพอใจของเว็บไซต์จากกลุ่มตัวอย่าง
ผู้ใช้มีความพึงพอใจด้านเนื้อหารวมอยู่ในระดับดีมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.49 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ
0.39 อยู่ในเกณฑ์ดี ด้านการออกแบบและการจัดรูปแบบเว็บไซต์โดยรวมมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.62
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.42 อยู่ในเกณฑ์ระดับคุณภาพดีมาก
ด้านประโยชน์และการนำไปใช้รวมมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.68 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.37
อยู่ในเกณฑ์ระดับคุณภาพดีมาก
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบขายเห็ดออนไลน์กรณีศึกษา“ฟาร์มเห็ด บ้านแคนเจริญ ตำบลตูมใหญ่ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์”
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6322
ระบบขายเห็ดออนไลน์กรณีศึกษา“ฟาร์มเห็ด บ้านแคนเจริญ ตำบลตูมใหญ่ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์”
ศิริพร, นาศพัฒน์; อาภาวรรณ, ไชยขันธ์
โครงงาน ระบบขายเห็ดออนไลน์กรณีศึกษา“ฟาร์มเห็ด บ้านแคนเจริญ ตำบลตูมใหญ่
อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์” มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการ
พัฒนาสื่อสารสนเทศเพื่อการประชาสัมพันธ์และจัดจำหน่ายก้อนเชื้อเห็ด บ้านแคนเจริญ อำเภอคูเมือง
จังหวัดบุรีรัมย์ และการศึกษาการประเมินความพึงพอใจการพัฒนาสื่อสารสนเทศ
เพื่อประชาสัมพันธ์และจัดจำหน่ายเห็ดสดจากฟาร์มเห็ดบ้านแคนเจริญ ตำบลตูมใหญ่ อำเภอคูเมือง
จังหวัดบุรีรัมย์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ
เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์และจัดจำหน่ายเห็ดสดจากฟาร์มบ้านแคนเจริญ
แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าใช้เว็บไซต์ ประชาสัมพันธ์และจัดจำหน่ายเห็ดสดบ้านแคนเจริญ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการทดลองสรุได้ว่า เว็บไซต์
ประชาสัมพันธ์และจัดจำหน่ายเห็ดสดจากฟาร์มบ้านแคนเจริญ ช่วยให้กลุ่มตัวอย่าง
ทราบเกี่ยวกับข้อมูลของฟาร์มเห็ดบ้านแคนเจริญ
และกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อเนื้อหาและประโยชน์ที่ได้รับ
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบขายสินค้าแปรรูปผ้าซิ่นตีนแดงออนไลน์บ้านเมืองน้อย อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6321
ระบบขายสินค้าแปรรูปผ้าซิ่นตีนแดงออนไลน์บ้านเมืองน้อย อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์
เพ็ญนภา, นะราชรัมย์; วชิรา, จิรพันธ์พิเชษฐ์
โครงงาน ระบบขายสินค้าแปรรูปผ้าซิ่นตีนแดงออนไลน์บ้านเมืองน้อยอำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบขายสินค้าแปรรูปผ้าซิ่นตีนแดงออนไลน์บ้านเมืองน้อยอำเภอนาโพธิ์
จังหวัดบุรีรัมย์ โครงงานนี้ได้จัดทำระบบการซื้อขายสินค้าแปรรูปผ้าซิ่นตีนแดง
ลูกค้าและได้มีการสำรวจความพึงพอใจ
ประชาชนทั่วไปที่เป็นกลุ่มตัวอย่างได้เข้ามาศึกษาระบบขายสินค้าแปรรูปผ้าซิ่นตีนแดงออนไลน์บ้านเมือ
งน้อยอำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 100 คน
โปรแกรมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่
การหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการทดลองที่ได้สามารถสรุปได้ว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อระบบขายสินค้า
แปรรูปผ้าซิ่นตีนแดงออนไลน์บ้านเมืองน้อย โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก คิดเป็นร้อยละ 4.48
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบขายของออนไลน์ของร้านแม่อรปลาทูนึ่ง สู่การพาณิชย์เชิงธุรกิจ แบบเต็มรูปแบบ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6320
ระบบขายของออนไลน์ของร้านแม่อรปลาทูนึ่ง สู่การพาณิชย์เชิงธุรกิจ แบบเต็มรูปแบบ
พิชญาพร, แตะอินทร์รัมย์; อัญชลีชา, ดำเดช
โครงงานระบบขายของออนไลน์ของร้านแม่อรปลาทูนึ่ง
สู่การพาณิชย์เชิงธุรกิจแบบเต็มรูปแบบ
โดยที่มาผู้คนจะทำการค้าขายโดยการลงตลาดซึ่งจะเป็นกลุ่มคนในระดับกลางและพนักงานระดับล่าง
ที่เงินเดือนไม่พอใช้จ่าย โดยทำการค้าขายในส่วนที่ตนเองถนัดและสามารถทำได้ดี
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะราคาสินค้าที่ขายไม่สูงมาก และการที่จะหันมาเปิดกิจการ หรือธุรกิจส่วนตัว
ผู้ประกอบการจะต้องทำการศึกษารายละเอียดวิธีการทำการขาย
และศึกษาความต้องการของตลาดในการทำกิจการนั้นต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ช่วยในการดำเ
นินงานเพื่อที่จะสร้างความดึงดูด
จากปัญหาผู้จัดทำจึงทำการออกแบบระบบขายของออนไลน์ให้กับร้านแม่อรปลาทูนึ่ง
เพื่อต่อยอดให้สินค้า และวิธีการขายให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาวิเคราะห์และออกแบบระบบขายของออนไลน์ให้กับร้านแม่อรปลาทูนึ่ง
ในรูปแบบการสั่งซื้อทางออนไลน์ เพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้ามากขึ้น
เพื่อพัฒนาระบบขายของออนไลน์ให้กับร้านแม่อรปลาทูนึ่ง
โครงงานนี้ได้มีการจัดทำแบบสำรวจความพึงพอใจ
โดยเป็นกลุ่มตัวอย่างจากคนที่เข้ามาซื้อสินค้าจากทางร้านเป็นจำนวน 100 คน
โปรแกรมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่
การหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการทดลองที่ได้สามารถสรุปได้ว่าแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อระบบขายขอ
งออนไลน์ โดยรวมอยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 4.40
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zการพัฒนาระบบฐานข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชุมชนบ้านโคกเมือง ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6319
การพัฒนาระบบฐานข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชุมชนบ้านโคกเมือง ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
จิตกัญญา, หลอมนาค; เขมินทรา, สมฤทธิ์
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ
เพื่อวิเคราะห์และออกแบบการพัฒนาระบบฐานข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชุมชนบ้านโคกเมือง
ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์
เพื่อพัฒนาระบบการพัฒนาระบบฐานข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชุมชนบ้านโคกเมือง มีวิธีการพัฒนา
ระบบตามวงจรการพัฒนาระบบ(System Development Life Cycle : SDLC) โดยใช้แผนภาพ
กระแสข้อมูล(Data Flow Diagram : DFD) และใช้แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลภายใน
ระบบในรูปแบบ IDEF 1X Diagram มีการพัฒนาระบบโดยใช้ภาษา PHP ร่วมกับระบบการจัดการ
ฐานข้อมูล My SQL และ Bootstep ในการตกแต่งโปรแกรมให้สวยงามและเหมาะสม ทำให้ได้
ระบบการพัฒนาระบบฐานข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชุมชนบ้านโคกเมือง
ผลแบบสอบถามความพึงพอใจในระบบการพัฒนาระบบฐานข้อมูลนักท่องเที่ยวบ้า
นโคกเมืองผู้ตอบแบบสำรวจส่วนมากเป็นเพศชาย จำนวน 21 คนและเพศหญิง จำนวน 38 คน ทั้ง
3 ด้าน คือ ด้านการออกแบบและจัดรูปแบบระบบ
ผลการประเมินอยู่ในระดับการตัดสินใจมากที่สุด อันดับที่ 1 ด้านคุณภาพของเนื้อหา ผลการประเมิน
อยู่ในระดับการตัดสินใจมากที่สุด อันดับที่ 2 และด้านประโยชน์การนำไปใช้ ผลการ
ประเมินอยู่ในระดับการตัดสินใจมากที่สุด อันดับที่ 3
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zกรณีศึกษาระบบซื้อขายหนังสือมือออนไลน์มือ 2 Book2Sale
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6318
กรณีศึกษาระบบซื้อขายหนังสือมือออนไลน์มือ 2 Book2Sale
ฐาปนา, กาญจนะ; พิมพ์ลดา, คิดดี
วัตถุประสงค์ของการศึกษางานวิจัยชิ้นนี้เพื่อพัฒนาระบบการซื้อขายหนังสือมือออนไลน์มือ 2
Book2Sale โดยใช้ Wordpress เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษา และได้ประเมินความพึงพอใจในการใช้สื่อ
Wordpress เป็นสื่อตัวกลางกระจายข่าวสารจากทางร้านให้ได้เป็นที่รู้จักในตลาดออนไลน์มากยิ่งขึ้น
งานวิจัยจะแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของการท าการตลาดยุคใหม่ ที่เน้นใช้ทฤษฎีแนวคิด รวมถึง
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตลาดมาประกอบกับเหตุผลเชิงพฤติกรรมการตอบรับของผู้บริโภคเพื่อให้เห็นถึงโอกาส
ของการเติบโตทางด้านเทคโนโลยีวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงปรับโครงสร้างของผู้ให้บริการด้านการตลาด
ออนไลน์รวมถึงแนวทางการเติบโตของธุรกิจ และการท าการตลาดที่ปรับเปลี่ยนตามที่ส่งผลสัมพันธ์ซึ่งกันและ
กัน งานวิจัยจะช่วยให้ผู้ที่ศึกษาได้เห็นภาพรวม และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องระหว่างธุรกิจร้านค้า และการ
เปลี่ยนของเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการใช้ตลาดออนไลน์เป็นหลัก จากการวิจัยพบว่าระบบการซื้อขายหนังสือมือ
ออนไลน์มือ 2 Book2Sale โดยแบ่งการใช้งานเป็น 3 ระบบคือเจ้าของร้าน ลูกค้าทั่วไป ลูกค้าสมาชิก
เจ้าของร้าน สามารถล็อกอินเพื่อเข้าสู่ระบบ สามารถเพิ่ม ลบ แก้ไขข้อมูล รายละเอียดต่างๆบน
เว็บไซต์ได้ตรวจสอบรายการสั่งซื้อได้สามารถเรียกดูข้อมูลทั้งหมดของสมาชิกได้
ลูกค้าทั่วไป ดูรายละเอียดข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในเว็บได้ดูรายละเอียดสินค้าได้ไม่สามารถสั่งซื้อสินค้าบน
เว็บสามารถสั่งซื้อได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ลูกค้าสมาชิก สามารถล็อกอิน เข้าสู่หน้าสมาชิกได้บันทึก เพิ่ม แก้ไขข้อมูลสมาชิกได้ตรวจสอบข้อมูล
สมาชิกได้ดูรายละเอียดข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่ในเว็บไซต์ได้สามารถค้นหาสินค้าได้สามารถสั่งซื้อสินค้าได้เพิ่ม ลบ
แก้ไขสินค้าที่มีอยู่ในตะกร้าได้ตรวจสอบราคาสินค้าได้สามารถดูรายละเอียดที่เกี่ยวกับการสั่งซื้อของตนเองได้
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6317
ระบบขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
จินตนา, พิมพาเรียน; อัจฉริยากรณ์, ศรีคุณ
การศึกษาการทำวิจัยเรื่อง ระบบขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-book)
เป็นระบบขายและซื้อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวก
เนื่องจากการผลิตหนังสือเป็นเล่มๆนั้นมีต้นทุนสูง การจัดจำหน่ายค่อนข้างยุ่งยาก ผู้วิจัยมีจุดประสงค์
ข้อ 1.เพื่อการวิเคราะห์และออกแบบระบบขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
โดยการสร้างเว็บไซต์ระบบขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
ครั้งนี้ได้พัฒนาขึ้นมาจากโปรแกรมสำเร็จรูป Wordpress ใช้ภาษา PHP ในการควบคุมระบบ,
โปรแกรม PHP MyAdmin ใช้ในการสร้างฐานข้อมูล,โปรแกรม xampp ใช้งานจริงบน Server
ระหว่างพัฒนาโปรแกรม,โปรแกรมAdobe PhotoshopCs6
ในการสร้างภาพพื้นหลังของหน้าเว็บไซต์ เนื้อหาบนเว็บไซต์ระบบขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-
book) มีดังนี้ หน้าหลัก หน้าหมวดหมู่หนังสือ ตะกร้าหนังสือ สั่งซื้อหนังสือและแจ้งชำระเงิน เป็นต้น
และวัตถุประสงค์ข้อ 2.
ศึกษาการประเมินความพึงพอใจการสร้างเว็บไซต์ระบบขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์และเข้าใช้งานเว็บไซต์ จำนวน 100 คน
โดยจะมาประเมินความพึงพอใจของเว็บไซต์ เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน คือ
แบบประเมินความพึงพอใจของเว็บไซต์ สรุปได้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจ
ทั้งหมดเป็นผู้ที่มีความสนใจเว็บไซต์ระบบขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) จำนวน 100
ผลการประเมินความพึงพอใจของเว็บไซต์จากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 100 คน พบว่า
ผู้ใช้มีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Zระบบขายอะไหล่จักรยานยนต์ ร้าน กิมไซ ไบค์เซอร์วิส
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6316
ระบบขายอะไหล่จักรยานยนต์ ร้าน กิมไซ ไบค์เซอร์วิส
อัษฎาวุธ, มาประจวบ; ตุลาการ, ประโมณะกัง
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ร้านกิมไซ
ไบค์เซอร์วิสและเพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าใช้ในระบบบริหารจัดการระบบขายอะไหล่จักรยานยนต์ ร้าน กิมไซ
ไบค์เซอร์วิส ประชากรกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ลูกค้า และกลุ่มผู้ที่สนใจ โดยมีจำนวน ประชากร
จำนวน 50 คน ใช้กลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นลูกค้า และกลุ่มผู้ที่สนใจ
โดยมีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย แบบสอบถามการประเมินความพึงพอใจ
ได้แก่ ด้านช่องทางการใช้เว็บไซต์ออนไลน์อยู่ในระดับดีมากมีค่าเฉลี่ย ()เท่ากับ 4.51 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
เท่ากับ 0.44 รองลงมา ด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดีมีค่าเฉลี่ย () เท่ากับ 4.46 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.51
ด้านประโยชน์ของระบบอยู่ในระดับดีมีค่าเฉลี่ย ()เท่ากับ 4.45 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.55
ด้านการออกแบบระบบในระดับดีมีค่าเฉลี่ย () เท่ากับ 4.31 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ
0.69ซึ่งแบบสอบถามนี้มีทั้งหมด 20 ข้อ และ เป็นแบบมาตราส่วนการประมาณค่าแบ่งระดับความพึงพอใจออกเป็น 5
ระดับ คือ ระดับความพึงพอใจมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด และการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่
การหาค่าเฉลี่ยร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการประเมินความพึงพอใจของเว็บไซต์จากกลุ่มเป้าหมาย
โดยรวมอยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 4.43
โปรเจค (บธ.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2562
2562-11-01T00:00:00Z