บทความ (Articles)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/196
2024-03-29T08:19:15Zการสกัดข้อมูลผลการแข่งขัน ROV ด้วยเทคโนโลยี OCR
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8761
การสกัดข้อมูลผลการแข่งขัน ROV ด้วยเทคโนโลยี OCR
วรรณตรง, นางสาวณปภัช; บุษบง, สกรณ์
The esports industry in Thailand has gained widespread attention, with several organizations starting to organize RoV tournaments to enhance the excitement of the competitions. Consequently, statistics of each match arecollected and utilized as data for promoting each round of the competition. Conventionally, the method of data collection involves capturing images of the match results and manually inputting the information for further analysis. However, this process often leads to errors or delays, particularly when dealing with a large volume of data. To address these issues, the researchers explore the use of Optical Character Recognition (OCR) for data extraction from images, aiming to reduce errors associated with manual data entry and improve the convenience and efficiency of data collection. A comparative analysis of image data extraction performance between pytesseract and easyOCR reveals that pytesseract provides superior data extraction results and requires lesstime for the extraction process.
2023-01-01T00:00:00Zการทำนายโอกาสการเลื่อนชั้นของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาด้วยอัลกอลิทึม การเรียนรู้ของเครื่อง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8760
การทำนายโอกาสการเลื่อนชั้นของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาด้วยอัลกอลิทึม การเรียนรู้ของเครื่อง
แสงสว่าง, จารุมาศ; วรรณตรง, นางสาวณปภัช
งานวิจัยนี้นำเสนอการทำนายข้อมูลโอกาสที่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จะได้เลื่อนชั้นขึ้นชั้นปีที่ 2 โดยใช้การเรียนรู้ของเครื่อง ในบริบทการศึกษาระดับอุดมศึกษา มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อสร้างแบบจำลองทำนายโอกาสการได้ขึ้นชั้นปี 2 ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และ 2) เพื่อพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันทำนายโอกาสการได้ขึ้นชั้นปี 2 ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
ผลการสร้างแบบจำลองทำนายโอกาสการได้ขึ้นชั้นปี 2 ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม นักศึกษาสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ชั้นปีที่ 1-4 มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์จำนวน 125 คน และรวบรวบข้อมูลจากสำนักวิชาการและงานทะเบียนของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปรับข้อมูลที่ไม่สมดุลด้วยเทคนิค SMOTE และสร้างแบบจำลองจากอัลกอลิทึม 3 ได้แก่ เทคนิคการวิเคราะห์การถดถอยโลจีสติก เทคนิคป่าไม้ตัดสินใจ และเทคนิคต้นไม้ตัดสินใจ วัดประสิทธิภาพแต่ละอัลกอลิทึมด้วยค่าความถูกต้อง และค่าความคลาดเคลื่อนของเครื่องมือ ผลการวัดประสิทธิภาพของแบบจำลอง พบว่า แบบจำลองที่ใช้เทคนิคการวิเคราะห์การถดถอยโลจีสติกมีประสิทธิภาพในการทำนายที่สูงที่สุด
ผลการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันทำนายโอกาสการได้ขึ้นชั้นปี 2 ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ นำแบบจำลองที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมาพัฒนาในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชันที่ใช้ในการทำนายด้วยภาษา Python และ Django Framework และใช้โปรแกรม Postgresql เป็นฐานข้อมูล ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อเว็บแอปพลิเคชันพบว่า ผู้ใช้มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.59 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.55
2023-12-28T00:00:00Zการพัฒนาระบบงานชมรมนักศึกษา กรณีศึกษา กองพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8571
การพัฒนาระบบงานชมรมนักศึกษา กรณีศึกษา กองพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
วรรณตรง, ณปภัช; กระออมแก้ว, สมพร; บำเรอสงค์, ปิ่นฤดี
โครงงานการพัฒนาระบบงานชมรมนักศึกษา มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ และพัฒนาระบบงานชมรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบงานชมรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาคือ โปรแกรม XAMPP และโปรแกรม VS code และภาษาที่ใช้ในการพัฒนา คือ ภาษาโปรแกรม PHP ภาษาโปรแกรม HTML5 ภาษาโปรแกรม JavaScript และภาษาโปรแกรม CSS
ผลการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันระบบงานชมรม เป็นไปตามที่ตั้งขอบเขตไว้ มีการใช้งานง่าย และสะดวกต่อการใช้งาน โดยจากการสำรวจความพึงพอใจของเว็บแอปพลิเคชัน พบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจ ของผู้ดูแลระบบ มีค่าเฉลี่ย (x ̅) เท่ากับ 4.33 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.84 อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด ผลการประเมินความพึงพอใจ อาจารย์ เจ้าหน้าที่กองพัฒนานักศึกษา และผู้บริหารกองพัฒนานักศึกษา มีค่าเฉลี่ย (x ̅) เท่ากับ 4.61 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.6 อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด และผลการประเมินความพึงพอใจ นักศึกษา มีค่าเฉลี่ย (x ̅) เท่ากับ 4.26 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.80 อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด
2023-01-01T00:00:00Zการพัฒนาแชทบอทสำหรับสำนักงานเกษตรอำเภอลำทะเมนชัย
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/8346
การพัฒนาแชทบอทสำหรับสำนักงานเกษตรอำเภอลำทะเมนชัย
วรรณตรง, ณปภัช
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแชทบอทสำหรับสำนักงานเกษตรอำเภอลำทะเมนชัย 2) เพื่อพัฒนาแชทบอทสำหรับสำนักงานเกษตรอำเภอลำทะเมนชัย และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการใช้งานแชทบอทสำหรับสำนักงานเกษตรอำเภอลำทะเมนชัย
สำนักงานเกษตรอำเภอลำทะเมนชัย เป็นหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีหน้าที่ให้บริการด้านการเกษตรแก่เกษตรกร และบริการหนึ่ง คือ การตอบคำถามเกษตรกร ซึ่งบางครั้งอาจเป็นคำถามซ้ำ ๆ ทำให้เจ้าหน้าที่อาจต้องตอบคำถามเดิมซ้ำๆ และไม่สามารถให้บริการเกษตรกรได้ตลอดเวลา ระบบที่พัฒนาขึ้นมานั้นจะทำให้เกษตรกรสามารถสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลเกษตรได้ตลอดเวลาตามที่เกษตรกรต้องการผ่านแชทบอท ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาที่สำนักงานเกษตรอำเภอลำทะเมนชัย อีกทั้งทำให้เจ้าหน้าที่ประหยัดเวลาในการตอบคำถามอีกด้วย (เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอลำทะเมนชัย, 2564)
โปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์ คือ Visual Studio Code โปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาแชทบอท ได้แก่ Dialogflow, Line Developer และใช้ Firebase เป็นระบบจัดการฐานข้อมูล ภาษาที่ใช้พัฒนา คือ HTML, JavaScipt, และ CSS และเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง
จากการสำรวจผลการประเมินความพึงพอใจพบว่า 1) ในส่วนของเกษตรกรจำนวน 15 คน มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 4.09 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.60 อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก 2) ในส่วนของเจ้าหน้าที่จำนวน 3 คน มีค่าเฉลี่ย (X) เท่ากับ 4.17 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.28 อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก
2022-03-18T00:00:00Zการพัฒนาอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ยาโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7874
การพัฒนาอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ยาโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง
รังสิมาเทวัญ, ชลัท; จอสูงเนิน, วราวุธ; สติพา, อภิสิทธิ์; นอกไธสง, สหภาพ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบรรจุภัณฑ์ยาทั้งชนิดเม็ด และแคปซูล โดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง โดยในการทำงาน ผู้ใช้ระบบจะสั่งงานและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ผ่านหน้าเว็บไซต์ และยังสามารถทราบถึงลำดับกระบวนการ และสถานะของอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ระบบที่เกี่ยวข้องกับการบรรจุภัณฑ์ยาสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาเป็นอุปกรณ์ที่จำลองกระบวนการบรรจุภัณฑ์ยา และใช้ฮาร์ดแวร์ ได้แก่ ArduinoUno , Sensor E3F-DS10C4 , L298N Dual H-Bridge Motor Controller และ Servo Motor รวมไปถึงการนำ NETPIE IoT Cloud Platform เข้ามาช่วยในการควบคุมการทำงาน และแสดงผลของอุปกรณ์ 2) เพื่อศึกษาผล ประเมินผล และวัดประสิทธิภาพของการพัฒนาอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ยา และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ยาโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง
ผลการศึกษาพบว่า อุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ยาโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง ที่พัฒนาขึ้นสามารถจ่ายยาได้ทั้งชนิดเม็ด และแคปซูล ได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้อง
พร้อมกับระบบในการบันทึกข้อมูลที่สามารถนำไปวิเคราะห์และจัดทำรายงาน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการจ่ายยา เมื่อเปรียบเทียบกับกระบวนการจ่ายยาในรูปแบบเดิม โดยมีค่าความพึงพอใจของระยะเวลาในการนับยาอยู่ในระดับพึงพอใจมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.14; The objectives of this research were 1) to develop a device used for packaging both tablets and capsules by using Internet of Things technology. by working System users will order and control the operation of the device through the website. and can also know the sequence of processes And the status of various devices to make it easier for system users involved in drug packaging to access and manage information. The development tool is a device that simulates the packaging process of a drug. and using hardware such as ArduinoUno, Sensor E3F-DS10C4, L298N Dual H-Bridge Motor Controller and Servo Motor, include bringing the NETPIE IoT Cloud Platform to help control the operation and display the results of the device. 2) To study the results, evaluate and measure the efficiency of drug packaging equipment development and 3) To study the satisfaction of users of the drug packaging equipment system using Internet of Things technology.
The results showed that Medicine Packaging Equipment by using The Internet of Things Technology developed to be able to dispense both tablets and capsules quickly and accurately along with a system to record data that can be analyzed and produced reports. It can also increase the efficiency of the dispensing process. Compared to the traditional drug dispensing process The satisfaction of the drug counting period was at a very satisfactory level. has a mean of 4.14
2021-05-01T00:00:00Zการพัฒนาแอปพลิเคชันเรียกใช้บริการรถไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7848
การพัฒนาแอปพลิเคชันเรียกใช้บริการรถไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
Thanajiranthorn, Chartwut; Boontem, Thapakorn; Wanatrong, Napaphat
Application for the use of the internal rail service. Buriram Rajabhat University The purpose of this project is to provide the users and staffs with fast and convenient access to the Buriram Rajabhat University. To call the Metro to travel to various places or buildings. Buriram Rajabhat University More convenient. The program used in the development is Flutter Spring boot and use PostgreSQL as a database management system check the data. The language used in the development is Dart. To do application
The sample used in the research include 15 users divided into 3 group: 5 drivers, 10 service users, and 1 application moderator. The results showed that the satisfaction of user on the applications for running electric carts in Buriram Rajabhat University was at satisfied level (x ̅=4.3, S.D.=0.1).
2021-02-20T00:00:00Zแอปพลิเคชันแนะน ำสถำนที่ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7817
แอปพลิเคชันแนะน ำสถำนที่ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality
ณปภัช วรรณตรง และณัฐพล อัครพิเชษฐ
โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแอปพลิเคชันแนะน าสถานที่ด้วยเทคโนโลยี Augmented
Reality 2) เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันแนะน าสถานที่ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้
ต่อแอปพลิเคชันแนะน าสถานที่ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality ในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้ใช้โปรแกรม Android
studio ภาษาที่ใช้ในการเขียน ได้แก่ JAVA และได้มีการน าเทคโนโลยี Augmented Reality มาประยุกต์ใช้กับ GPS
(Global Positioning System) ของ Google Maps เพื่อให้แอปพลิเคชันมีความน่าสนใจมากขึ้น และน า Gyroscope มา ช่วยท าให้ต าแหน่งของ Augmented Reality มีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น
ผลประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานแอปพลิเคชันในฟังก์ชันต่าง ๆ ซึ่งได้น าไปให้นักศึกษาและบุคคลกรภายใน
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ได้ใช้งานพบว่าด้านการใช้งานแอปพลิเคชัน ด้านการส่วนการติดต่อกับผู้ใช้ และด้านฟังก์ชันการ
ท างานของแอปพลิเคชันพบว่าผู้ใช้งานมีความพึงพอใจต่อแอปพลิเคชันในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน
พบว่าทุกด้านอยู่ในระดับมากเช่นกัน
2021-01-01T00:00:00Zระบบจองรถเพื่อการเกษตรออนไลน์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7815
ระบบจองรถเพื่อการเกษตรออนไลน์
สมพร กระออมแก้ว กิตติ์ดนัย สกุลวรเกียรติ์ ณปภัช วรรณตรง3
ระบบจองรถเพื่อการเกษตรออนไลน์ พัฒนาขึ้นมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบจองรถเพื่อการเกษตรออนไลน์ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบจองรถการเกษตรออนไลน์ ซึ่งทางผู้พัฒนาระบบพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรใช้ในการเข้าไปจองรถการเกษตรที่ต้องการ ทำให้เกิดความสะดวกสบาย และจะได้แก้ปัญหาความล่าช้าในการไปติดต่อกับเจ้าของรถ
ระบบที่จะพัฒนาขึ้นมานั้นจะทำให้เกษตรกรสามารถเข้าระบบไปทำการจองรถที่เกษตรกรต้องการได้ และเจ้าหน้าที่สามารถออกรายงานต่าง ๆ โปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนา คือ Visual Studio Code และใช้โปรแกรม MySQL Server เป็นระบบจัดการฐานข้อมูล ภาษาที่ใช้ในการพัฒนา คือ PHP, HTML5, Bootstrap 4 และ CSS จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้งาน จำนวน 30 คน เป็นผู้ใช้บริการ 23 คน คิดเป็นร้อยละ 76.67 เจ้าของรถ 5 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67 และผู้ดูแลระบบ 2 คน คิดเป็นร้อยละ 6.67 ผลสรุปจากการประเมินความพึงพอใจ โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.20 อยู่ในเกณฑ์ความพึงพอใจมาก
2021-01-01T00:00:00Zแอปพลิเคชันเกมฝึกทักษะการดีดกีต้าร์ตามโน้ตเพลงบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7459
แอปพลิเคชันเกมฝึกทักษะการดีดกีต้าร์ตามโน้ตเพลงบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
11) ณปภัช วรรณตรง และวริศ เฮงประกอบ.
โครงงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแอปพลิเคชันฝึกทักษะการดีดกีต้าร์ตามโน้ตเพลงบนระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ 2) เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันฝึกทักษะการดีดกีต้าร์ตามโน้ตเพลงบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3) เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้แอปพลิเคชันฝึกทักษะการดีดกีต้าร์ตามโน้ตเพลงบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา คือ Javascript, C#, Unity, และ Photoshop และแบบสอบถามเพื่อประเมินประสิทธิภาพแอปพลิเคชัน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่กลุ่มนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 30 คน เลือกแบบเจาะจง โดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการพัฒนาโครงงานพบว่า
1) การวิเคราะห์และออกแบบแอปพลิเคชันประกอบด้วย Cause and Effect Diagram, Flowchart โดยกำหนดการทำงานดังนี้ การทำงานของแอปพลิเคชัน การทำงานแอปพลิเคชันในโหมดการเล่นระดับง่าย ปานกลาง และยาก การทำงานโหมดการใช้กีต้าร์ และการทำงานการตั้งค่าเสียง
2) การพัฒนาแอปพลิเคชัน สามารถเลือกระดับความยากง่ายในการเล่นเกมฝึกทักษะการดีดกีตาร์ สามารถใช้กีต้าร์จริงเล่นเกม สามารถแสดงตัวโน้ตที่เกิดจากการสุ่มค่า สามารถตั้งค่าเสียงที่มีทั้งการตั้งค่าจากการฟังเสียงในแอปพลิเคชัน ตั้งค่าจากการตรวจจับความถี่จากกีต้าร์จริงให้ตรงกับความถี่ที่ตั้งค่าไว้ และสามารถแสดงผลคะแนนเมื่อเล่นจบเกม
3) การประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้แอปพลิเคชันเกมฝึกทักษะระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยในส่วนของแอปพลิเคชันอยู่ในระดับมาก
2019-03-01T00:00:00Zการพัฒนา Mobile Application ร้านไอศกรีม ด้วย Android Studio และ QR Code
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7458
การพัฒนา Mobile Application ร้านไอศกรีม ด้วย Android Studio และ QR Code
ณปภัช วรรณตรง และชลลดา มีพวงผล
โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์และออกแบบ Mobile Application ร้านไอศกรีม ด้วย Android Studio และ QR Code 2) เพื่อพัฒนา Mobile Application ร้านไอศกรีม ด้วย Android Studio และ QR Code 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้ Mobile Application ร้านไอศกรีม ด้วย Android Studio และ QR Code กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เจ้าของร้าน พนักงาน และลูกค้าที่มาใช้บริการร้านไอศกรีม จำนวน 13 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินความพึงพอใจ ได้แก่ 1) แบบสอบถามการประเมินความพึงพอใจโมบายแอปพลิเคชันในส่วนของเจ้าของร้านและพนักงาน 2) แบบสอบถามการประเมินความพึงพอใจโมบายแอปพลิเคชันในส่วนของลูกค้าที่มาใช้บริการร้านไอศกรีม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการพัฒนาโครงงานนี้พบว่า
1) การวิเคราะห์และออกแบบ Mobile Application ร้านไอศกรีม ตามหลักการของทฤษฎีวงจรการพัฒนาระบบ (SDLC) จัดทำ Data Flow Diagram เพื่อแสดงการไหลข้อมูลในระบบ ประกอบด้วยโปรเซส
การจัดการข้อมูลหลัก โปรเซสการสั่งไอศกรีม โปรเซสการจัดการออเดอร์ โปรเซสการชำระเงิน และออกแบบ Data Dictionary ประกอบด้วย ตารางข้อมูลสินค้า ข้อมูลประเภทสินค้า ข้อมูลพนักงาน ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการสั่งซื้อ และข้อมูลรายละเอียดการสั่งซื้อ
2) การพัฒนา Mobile Application ร้านไอศกรีม พัฒนาขึ้นโดย Android Studio ระบบสามารถสร้าง QR Code และ สแกน QR Code และใช้ Mysql เป็นฐานข้อมูล
3) การประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้ Mobile Application ร้านไอศกรีม พบว่า เจ้าของร้านและพนักงานมีความพึงพอใจใน Mobile Application ร้านไอศกรีม อยู่ในระดับมากที่สุด (x ̅ = 4.54, S.D = 0.47) และลูกค้ามีความพึงพอใจใน Mobile Application ร้านไอศกรีม อยู่ในระดับมาก (x ̅ = 4.47, S.D = 0.58)
2018-12-01T00:00:00Zการพัฒนาแอปพลิเคชันเรียกใช้บริการรถไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7457
การพัฒนาแอปพลิเคชันเรียกใช้บริการรถไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ฐาปกรณ์ บุญเต็ม ณปภัช วรรณตรง และ ชาติวุฒิ ธนาจิรันธร
การพัฒนาแอปพลิเคชันการเรียกใช้บริการรถไฟฟ้าภายใน มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้
ผู้ใช้บริการและพนักงานขับรถได้รับความสะดวกและรวดเร็วในการใช้บริการรถไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ใน
การกดเรียกรถไฟฟ้าเพื่อที่จะเดินทางไปยังสถานที่ หรืออาคารต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
โปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนา คือ Flutter SpringBoot และใช้ระบบฐานข้อมูล PostgreSQL เพื่อเก็บข้อมูล ตรวจสอบ
วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ภาษาที่ใช้ในการพัฒนา คือ Dart ในการทำแอปพลิเคชั่น
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ใช้ทั้งหมดจำนวน 16 คน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มของพนักงานขับรถ 5 คน
กลุ่มผู้ของใช้บริการ 10 คน และ กลุ่มผู้ดูแลแอปพลิเคชัน 1 คน ผลการศึกษาความพึงพอใจผู้ใช้พบว่า มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.3
และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.1 แสดงว่าแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นอยู่ในเกณฑ์พึงพอใจมาก
2021-03-13T00:00:00Zระบบบันทึกการประชุมและจัดการเอกสารหลังการประชุมโดยใช้แพลตฟอร์ม Ai for Thai ร่วมกับ Google Speech API กรณีศึกษา คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์จังหวัดบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/7456
ระบบบันทึกการประชุมและจัดการเอกสารหลังการประชุมโดยใช้แพลตฟอร์ม Ai for Thai ร่วมกับ Google Speech API กรณีศึกษา คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์จังหวัดบุรีรัมย์
อาทิตยา บุญตรี ญาติมา ครองชื่น สกรณ์ บุษบง และณปภัช วรรณตรง, Athitaya Boontree, Yatima Krongchuen, Zagon Bussabong, and Napaphat Wannatrong
โครงการนี้เป็นการพัฒนาระบบบันทึกการประชุมและจัดการเอกสารหลังการประชุมด้วย AI for Thai ร ่วมกับ
Google Speech API กรณีศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จัดท าขึ้นเพื่อลดเวลาในการ
จัดท ารายงานการประชุม โดยการถอดเสียงบันทึกการประชุมออกมาเพื่อจัดท ารายงานการประชุม และตัดค าด้วย Lexto+
ของแพลตฟอร์ม AI for Thai ส าหรับท าสรุปใจความส าคัญ (Text Summarization) และออกรายงานการประชุมได้ ท าให้
เกิดความสะดวก ลดข้อผิดพลาดและทรัพยากร เช่น กระดาษในการออกรายงานการประชุม โดยการท างานของระบบหลัก ๆ
ประกอบด้วย การอัปโหลดไฟล์เสียง ไฟล์เอกสารประกอบการประชุม การตั้งค่าการประชุมตั้งแต่ ผู้เข้าร่วม หัวข้อวาระการ
ประชุม ต าแหน่งการประชุมและการออกรายงานการประชุมในรูปแบบไฟล์PDF การส่งแจ้งเตือนการประชุมผ่านโปรแกรม
LINE การถอดเสียงบันทึกการประชุมออกมาเป็นข้อความ (Speech to text) ด้วยไลบรารีSpeechRecognition จาก
Python และการตัดค า (Word Segmentation) ด้วยแพลตฟอร์ม AI for Thai โปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาคือ Visual Studio
Code และใช้โปรแกรม phpMyAdmin เป็นระบบจัดการฐานข้อมูล ภาษาที ่ใช้ในการพัฒนาคือ PHP, HTML, CSS,
JavaScript และ Python ซึ่งระบบสามารถน าไปประยุกต์ใช้ในการถอดเสียงการประชุมและออกรายงานการประชุมได้จริง
ท าให้เกิดความสะดวกและเป็นประโยชน์ในการท างานให้เกิดประสิทธิภาพ
2021-03-13T00:00:00Zการวิจัยและพัฒนารูปแบบชุมชนออนไลน์ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายสังคมเมือง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6106
การวิจัยและพัฒนารูปแบบชุมชนออนไลน์ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายสังคมเมือง
Napaphat Wannatrong, Sujitra Yoannok and Kulganya Srisuk; Napaphat Wannatrong, Sujitra Yoannok and Kulganya Srisuk
Abstract— The research of the Study and Develop Online Communities to promote quality of life for the elderly in Urban Society is a research and development by integrating qualitative and quantitative methods. The objectives of the study are: 1) to study the problems and needs of the urban elderly in Nang Rong Municipality, Nang Rong District, Buriram Province. 2) to analyze and to design an online community to promote quality of life for the elderly in urban society of Nang Rong Municipality, Nang Rong District, Buriram Province and 3) to develop an online community model for promoting the quality of life of the urban elderly in Nang Rong municipality, Nang Rong District, Buriram Province. The population in this study were the elderly in Nang Rong municipal area, Nang Rong Subdistrict, Nang Rong District, Buriram Province (Young-old persons aged. 60 to 69) by using purposive sampling method and the chosen population were the retired teachers having experience in using online media, the senior school instructors, doctors, and senior welfare officers. The instruments used in this research were questionnaires for collecting quantitative data and interview, group discussion, lesson conclusion, and participant observation were the methods for collecting qualitative data. The statistics used to analyze data were the average and the standard deviation. For the result of the online life-quality promoting in the online model for the urban elderly, it was found that the elderly can post pictures, write blogs, send messages to the senior school instructors, doctors, and senior welfare officers, read press releases from the elderly welfare department, attend elderly school, read health articles, read community blogs, create polls and write a trading post in the online market. And the overall result of the online community performance and satisfaction to promote the quality of life of the elderly in the urban society from the local elderly, the senior school instructors, doctors, and senior welfare officers is a high level
2018-01-01T00:00:00Zการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรม Game Maker Hunter Soul
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6063
การพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรม Game Maker Hunter Soul
จอสูงเนิน, วราวุธ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาเกมให้มีประสิทธิภาพและน่าสนใจ 2) ประเมินประสิทธิภาพเกมคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรม Game Maker Hunter Soul 3) ประเมินความพึงพอใจการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรม Game Maker Hunter Soul โดยเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา คือ โปรแกรม Photoshop ใช้ในการออกแบบตัวเกม ตัวละคร ฉาก และองค์ประกอบภายในเกม โปรแกรม Game Maker Studio ใช้ในการสร้างระบบของเกม รวมทั้งประมวลผลออกมาในรูปของตัวเกมสำเร็จ โปรแกรมภาษาที่ใช้ในการพัฒนา คือ Game Maker Language ซึ่งเป็นโปรแกรมภาษาเฉพาะของตัวโปรแกรม Game Maker ที่สามารถใช้งานได้ง่าย และได้งานที่มีคุณภาพ โดยใช้เวลาในการพัฒนาไม่มาก
ผลการประเมินประสิทธิภาพเกมคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรม Game Maker Hunter Soul และผลการประเมินความพึงพอใจของเกมที่พัฒนา พบว่า ผู้ใช้งานเกม จำนวน 20 คน ผลสรุปภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 3.64 อยู่ในเกณฑ์ความพึงพอใจมาก
2020-03-12T00:00:00Zการพัฒนาระบบปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ด้วยสมองกลฝังตัวผ่าน NETPIE
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/6061
การพัฒนาระบบปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ด้วยสมองกลฝังตัวผ่าน NETPIE
จอสูงเนิน, วราวุธ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและพัฒนาชุดควบคุมการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ด้วยเทคโนโลยี IoT โดยแสดงค่าในแปลงผักไฮโดรโปนิกส์ สถานะของอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้เกษตรกรที่ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น และยังสามารถสั่งงานผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ เครื่องมือที่ใช้พัฒนาประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์ ได้แก่ บอร์ด Arduino Uno R3, บอร์ด Node MCU ESP8266, เซ็นเซอร์ pH, เซ็นเซอร์ TDS, ปั๊มน้ำ 12V, Dosing Pump 12V, Switching Power Supply 12V, จอ LCD แบบ I2C, หลอดไฟ LED, Selector Switch, และ Relay 5V 4 ช่อง และซอฟต์แวร์ ได้แก่ Arduino IDE, NETPIE IoT Cloud Platform และระบบปฏิบัติการ Windows 10 2) ศึกษาผลการทดลองใช้ชุดควบคุมการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ด้วยเทคโนโลยี IoT
ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาระบบปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ด้วยสมองกลฝังตัวผ่าน NETPIE สามารถอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรในการให้ปุ๋ยผักไฮโดรโปนิกส์และปรับสภาพน้ำ แล้วยังสามารถแสดงสถานะค่า EC และ ค่า pH ของแปลงผักไฮโดรโปนิกส์ได้แบบ Real–Time 2) การศึกษาผลการทดลองใช้ชุดคอนโทรลเลอร์ ในการควบคุมการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ด้วยเทคโนโลยี IoT โดยแยกเป็นจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ 5 คน และเกษตรกรปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ 20 คน โดยมีการสอบถามความพึงพอใจของผู้เชี่ยวชาญ และเกษตรกรปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ที่มีผลต่อระบบจากนั้นนำผลมาวิเคราะห์ด้วยค่าสถิติพื้นฐานเทียบกับเกณฑ์ด้านเว็บแอพพลิเคชั่น (NETPIE Freeboard) ด้านชุดคอนโทรลเลอร์ และด้านภาพรวมของระบบ พบว่าการใช้งานระบบในส่วนของผู้เชี่ยวชาญ และเกษตรกรไฮโดรโปนิกส์ มีค่าเฉลี่ยที่ 4.32 อยู่ในเกณฑ์ระดับมาก
2020-03-12T00:00:00Zแอปพลิเคชันการเรียนรู้เรื่องฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยี AR
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5698
แอปพลิเคชันการเรียนรู้เรื่องฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยี AR
chosungnoen, warawut
2019-03-09T00:00:00Zระบบขออนุญาตไปราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5697
ระบบขออนุญาตไปราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
chosungnoen, warawut
2019-03-09T00:00:00Zการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพของผู้บริหารสถานศึกษากับการทำงานเป็นทีมในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5662
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพของผู้บริหารสถานศึกษากับการทำงานเป็นทีมในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3
รุ่งฤดี, เรืองสิน; สมศักดิ์, จีวัฒนา; เผ่าพงษ์พัฒน์, บุญกะนันท์
2562-01-01T00:00:00Zการบริหารแบบมีส่วนร่วมในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5661
การบริหารแบบมีส่วนร่วมในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1
เดือนเพ็ญ, ยลไชย; สมศักดิ์, จีวัฒนา; โกวิท, วัชรินทรางกูร
2562-01-01T00:00:00Zสภาพและแนวทางการพัฒนาครูตามมาตรฐานวิชาชีพในโรงเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5660
สภาพและแนวทางการพัฒนาครูตามมาตรฐานวิชาชีพในโรงเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1
นิ่มมา, ปรเมศว์; จีวัฒนา, สมศักดิ์; จุโฑปะมา, ศิราณี
2562-01-01T00:00:00Zการพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5646
การพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ
รัฐศาสตร์ รอดไธสง ญาศุมินทร เย็นสกุล ณปภัช วรรณตรง
โครงงานวิจัยระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และออกแบบระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ และเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ โปรแกรมที่ใช้พัฒนาคือ Visual Studio Code, Photoshop, Android Studio และ Filezilla ภาษาที่ใช้ในการพัฒนา คือ PHP, HTML, CSS และ JavaScript เฟรมเวิร์คที่ใช้ในการพัฒนา คือ Codeigniter Framework ระบบจัดการฐานข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนา คือ MySQL การเชื่อมต่อกับโปรแกรมอื่น ๆ คือ API PayPal, API Mailgun และ API Facebook
ผลของการพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ สามารถเพิ่ม ลบ แก้ไขข้อมูลสินค้า ข้อมูลสมาชิก ข้อมูลการซื้อ ข้อมูลการขาย ข้อมูลการชำระเงิน ข้อมูลการจัดส่ง ข้อมูลการประเมินคะแนนสินค้า ค้นหาสินค้า และมีการออกแบบเพื่อรองรับในส่วนการใช้งานของผู้สูงอายุ
ผลการประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ จำนวน 43 คน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ใช้ผู้สูงอายุ 20 คน กลุ่มบุคคลทั่วไป 20 คน และ กลุ่มผู้ดูแลระบบ 3 คน มีค่าเฉลี่ย 4.57 อยู่ในเกณฑ์ความพึงพอใจมากที่สุด
2019-01-01T00:00:00Zระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5645
ระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์
ไอรดา แป้นเงิน วีรดา ปะทิรัมย์ และณปภัช วรรณตรง
ระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ คือ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในสำนักงาน โครงงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และออกแบบระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพัฒนาระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจผู้ใช้ที่มีต่อระบบ เพื่อให้เกิดการทำงานที่สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายในด้าน เอกสาร เพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงเอกสาร และอำนวยความสะดวกในการจองห้องประชุม และการจัดอบรม ส่วนของโปรแกรมพัฒนาโดยใช้ภาษา C# และโปรแกรม Visual Studio 2013 และใช้โปรแกรม Microsoft SQL Server 2012 เป็นระบบจัดการฐานข้อมูล
จากการประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ใช้งานระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 10 คน ค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.07 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.18 แสดงว่า ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจระบบอยู่ในระดับความพึงพอใจมาก
2018-01-01T00:00:00Zระบบซื้อ-ขายออนไลน์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์หัตถกรรมบ้านหนองบอน
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5643
ระบบซื้อ-ขายออนไลน์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์หัตถกรรมบ้านหนองบอน
เยาวลักษณ์ ศรีมาต ณปภัช วรรณตรง
โครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์และออกแบบระบบซื้อ-ขายออนไลน์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากไม้ตาลบ้านหนองบอน 2) พัฒนาระบบซื้อ-ขายออนไลน์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์จากหัตถกรรมจากไม้ตาลบ้านหนองบอน 3) ศึกษาความพึงพอใจในการใช้งานระบบซื้อ-ขายออนไลน์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากไม้ตาลบ้านหนองบอน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เจ้าของร้าน และลูกค้าทั่วไป จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ ระบบซื้อ-ขายออนไลน์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์จากหัตถกรรมจากไม้ตาลบ้านหนองบอน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า 1) จากการวิเคราะห์และออกแบบและพัฒนาระบบซื้อ-ขายออนไลน์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากไม้ตาลบ้านหนองบอน ประกอบด้วย สถานะผู้ใช้งาน 2 ระดับดังนี้ ผู้ดูแลระบบ (เจ้าของร้าน) และลูกค้า ซึ่งมีตารางบันทึกข้อมูลดังนี้ ข้อมูลสมาชิก ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลผู้ใช้งาน ข้อมูลการติดต่อจัดส่งสินค้า ข้อมูลสินค้า ข้อมูลประเภทสินค้า ข้อมูลชนิดสินค้า ข้อมูลแบบสินค้า ข้อมูลขนาดสินค้า ข้อมูลการสั่งซื้อ ข้อมูลรายละเอียดการสั่งซื้อ ข้อมูลการสั่งทำ ข้อมูลการรับสินค้าเข้า ข้อมูลการจัดส่ง ข้อมูลน้ำหนักการจัดส่ง ข้อมูลการชำระ และข้อมูลบัญชีธนาคาร 2) ผลการศึกษาประสิทธิภาพความพึงพอใจในการใช้โปรแกรมระบบซื้อ-ขายออนไลน์ จากผู้ใช้งาน 3 กลุ่มได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ เจ้าของกิจการ และผู้ใช้งานทั่วไป พบว่า พบว่า ผู้ใช้งานมีระดับความพึงพอใจต่อระบบโดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมากเช่นกัน
2017-01-01T00:00:00Zการวิจัยและพัฒนารูปแบบชุมชนออนไลน์ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายสังคมเมือง
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5641
การวิจัยและพัฒนารูปแบบชุมชนออนไลน์ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายสังคมเมือง
Napaphat Wannatrong, Sujitra Yoannok and Kulganya Srisuk
The research of the Study and Develop Online Communities to promote quality of life for the elderly in Urban Society is a research and development by integrating qualitative and quantitative methods. The objectives of the study are: 1) to study the problems and needs of the urban elderly in Nang Rong Municipality, Nang Rong District, Buriram Province. 2) to analyze and to design an online community to promote quality of life for the elderly in urban society of Nang Rong Municipality, Nang Rong District, Buriram Province and 3) to develop an online community model for promoting the quality of life of the urban elderly in Nang Rong municipality, Nang Rong District, Buriram Province. The population in this study were the elderly in Nang Rong municipal area, Nang Rong Subdistrict, Nang Rong District, Buriram Province (Young-old persons aged. 60 to 69) by using purposive sampling method and the chosen population were the retired teachers having experience in using online media, the senior school instructors, doctors, and senior welfare officers. The instruments used in this research were questionnaires for collecting quantitative data and interview, group discussion, lesson conclusion, and participant observation were the methods for collecting qualitative data. The statistics used to analyze data were the average and the standard deviation. For the result of the online life-quality promoting in the online model for the urban elderly, it was found that the elderly can post pictures, write blogs, send messages to the senior school instructors, doctors, and senior welfare officers, read press releases from the elderly welfare department, attend elderly school, read health articles, read community blogs, create polls and write a trading post in the online market. And the overall result of the online community performance and satisfaction to promote the quality of life of the elderly in the urban society from the local elderly, the senior school instructors, doctors, and senior welfare officers is a high level.
2018-01-01T00:00:00Zระบบบริหารจัดการร้านบูมสปอร์ต
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5638
ระบบบริหารจัดการร้านบูมสปอร์ต
อรรถพล ลาดศรีลา ณปภัช วรรณตรง วราวุธ จอสูงเนิน
โครงงานระบบบริหารจัดการร้านบูมสปอร์ต จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และออกแบบระบบบริหารจัดการร้านบูมสปอร์ต เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการร้านบูมสปอร์ต และเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบบริหารจัดการร้านบูมสปอร์ต ผลการวิจัยพบว่า ระบบที่พัฒนาขึ้นใช้ในการจัดการการรับออเดอร์จากลูกค้า การบันทึกข้อมูลการสั่งออเดอร์ ข้อมูลการชำระเงิน โดยมีการเก็บข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาทำรายการกับทางร้านอย่างเป็นระบบ มีการใช้ Barcode Reader ในการรับออเดอร์จากลูกค้าเพื่อการตรวจสอบได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อนำไปออกรายงานต่าง ๆ โปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนา คือ PHPstorm, XAMPP และใช้โปรแกรม phpMyAdmin เป็นระบบจัดการฐานข้อมูล ภาษาที่ใช้ในการพัฒนา คือ PHP, HTML, CSS, Laravel framework จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้งาน จำนวน 5 คน ผลสรุปจากการประเมินความพึงพอใจผู้ใช้ที่มีต่อระบบบริหารจัดการร้านบูมสปอร์ต มีค่าเฉลี่ย 3.83 อยู่ในเกณฑ์ความพึงพอใจระดับมาก
2018-01-01T00:00:00Zเว็บไซต์ขายพันธุ์ไม้โดยใช้เทคนิคการส่งสินค้าด้วย Google Maps API (กรณีศึกษา ร้านเพ็ญศรีพันธุ์ไม้)
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5634
เว็บไซต์ขายพันธุ์ไม้โดยใช้เทคนิคการส่งสินค้าด้วย Google Maps API (กรณีศึกษา ร้านเพ็ญศรีพันธุ์ไม้)
ภัทรกันยา เสาเปรีย ณปภัช วรรณตรง
โครงงานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อวิเคราะห์และออกแบบเว็บไซต์ขายพันธุ์ไม้โดยใช้เทคนิคการส่งสินค้าด้วย Google Maps API (กรณีศึกษา ร้านเพ็ญศรีพันธุ์ไม้) 2) เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ขายพันธุ์ไม้โดยใช้เทคนิคการส่งสินค้าด้วย Google Maps API (กรณีศึกษา ร้านเพ็ญศรีพันธุ์ไม้) 3) เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจเว็บไซต์ขายพันธุ์ไม้โดยใช้เทคนิคการส่งสินค้าด้วย Google Maps API (กรณีศึกษา ร้านเพ็ญศรีพันธุ์ไม้) เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ เว็บไซต์ขายพันธุ์ไม้โดยใช้เทคนิคการส่งสินค้าด้วย Google Maps API และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาโครงงานวิจัย พบว่า 1) การวิเคราะห์และออกแบบระบบเว็บไซต์ขายพันธุ์ไม้โดยใช้เทคนิคการส่งสินค้าด้วย Google Maps API ประกอบด้วย สถานะผู้ใช้งาน 3 ระดับดังนี้ เจ้าของร้าน พนักงาน และลูกค้า ซึ่งมีการบันทึกข้อมูลดังนี้ ข้อมูลสมาชิก ข้อมูลผู้ใช้ระบบ ข้อมูลสินค้า ข้อมูลประเภทสินค้า ข้อมูลการขาย ข้อมูลรายละเอียดการขาย ข้อมูลการปรับสต็อก และข้อมูลรายละเอียดการปรับสต็อก 2) ผลการพัฒนาเว็บไซต์ขายพันธุ์ไม้โดยใช้เทคนิคการส่งสินค้าด้วย Google Maps API (กรณีศึกษา ร้านเพ็ญศรีพันธุ์ไม้) พบว่า ระบบสามารถแสดงรายละเอียดข้อมูลสินค้า สั่งซื้อสินค้า เพิ่ม ลบ แก้ไขข้อมูลต่าง ๆ และสามารถออกรายงานได้อย่างถูกต้อง 3) การศึกษาความพึงพอใจจากการทดลองใช้เว็บไซต์ขายพันธุ์ไม้โดยใช้เทคนิคการส่งสินค้าด้วย Google Maps API (กรณีศึกษา ร้านเพ็ญศรีพันธุ์ไม้) พบว่า ความพึงพอใจของผู้ใช้ ระบบในโดยรวมทุกด้านมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ด้านการนำไปใช้ประโยชน์ พบว่าผู้ใช้มีระดับความพึงพอใจในการใช้งานระบบโดยรวมอยู่ในระดับที่มาก และมีความพอใจในเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย อยู่ในระดับสูงสุด
2018-01-01T00:00:00Zการเสริมสร้าง Pitch Class Profile ในการเรียนรู้และจดจำคอร์ด ด้วย Convolution Neural Network
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/5631
การเสริมสร้าง Pitch Class Profile ในการเรียนรู้และจดจำคอร์ด ด้วย Convolution Neural Network
ลิตา วรรณตรง ณปภัช วรรณตรง
คอร์ด คือเสียงโน้ตที่หลากหลายซึ่งสามารถเล่นให้เกิดเสียงได้ในเวลาเดียวกัน การแกะคอร์ดเป็นงานที่ยุ่งยากที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ จึงได้มีงานวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาการเรียนรู้และจดจำคอร์ด (chord recognition) เพื่อช่วยในการแกะคอร์ดอัติโนมัติ PCP เป็นวิธีหนึ่งที่นิยมใช้ในการเรียนรู้และจำแนกคอร์ด แต่ยังทำได้ได้ไม่ดีนักเนื่องจากยังไม่สามารถขจัดสัญญาณที่ไม่ใช่ฮาร์โมนิค (non-harmonic)ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ ส่งผลให้ความถูกต้องในการจำแนกคอร์ดลดลง งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความสามารถ PCP เพื่อที่จะแก้ไขข้อจำกัด โดยจะนำเสนอวิธี Learning Feature โดยการสกัดคุณลักษณะ (Feature extraction)และจำแนกคอร์ด (Classification Feature) ไปพร้อม ๆ กันด้วย Convolution Neural network โดยงานวิจัยนี้ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกใช้ PCP ที่เพิ่มส่วนการกรองคอร์ด (chord filter) เข้าไป ขั้นตอนที่สองคือ learning feature ใน PCP ที่มีกระบวนการกรองคอร์ด การเรียนรู้และจดจำคอร์ดโดยPCP ที่มีกระบวนการกรองคอร์ดด้วย Convolution Neural network ให้ค่าความถูกต้องที่มากกว่าPCP ที่ไม่มีกระบวนการกรองคอร์ด 2.1%
2017-01-01T00:00:00Zการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทางสัณฐานวิทยาและพันธุศาสตร์เซลล์ของจิ้งเหลนสกุล Eutropis
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/1154
การพัฒนาระบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทางสัณฐานวิทยาและพันธุศาสตร์เซลล์ของจิ้งเหลนสกุล Eutropis
somsak, jeewattana; Chaluch, Rungsimathewan; Napaphat, Wannatrong
The purpose of this research was to develop of morphological and cytogenetics database system of skinks in the genus Eutropis under primary research morphology and cytogenetics of skinks in the genus Eutropis. In the development of an electronic database, the research results of morphology and cytogenetics about 3 types of skinks were gathered namely, Eutropis multifasciata, Eutropis longicaudata and Eutropis macularia in Northeast Thailand in order to save data in a database published on website providing information for teaching and general interests. The target groups for assessing the satisfaction with the performance of the database included teacher and students in Biology program, Faculty of Science, Buriram Rajabhat University totally 43 persons in 2/2557. Research tools were morphological and cytogenetics database system of Skinks in the genus Eutropis and the satisfaction rating forms. Statistics uses in the research were percentage, means and standard deviation.
The research finding shows that the development of morphological and cytogenetics database system of skinks in the genus Eutropis. Using My SQL database, users can read the screen and search on http://ss.bru.ac.th/skink/. Researchers have determined the properties of the database to make contact with the electronic database to record, improve, edit, search and maintain the data via the Internet. The satisfaction assessment with the performance of the databases three items was included design screen, content and data queries. In terms of the satisfaction of the users, they were satisfied with the database system provided as a whole at a high level. When considering in each aspect, it was found that every aspect was rated at a high level.
2559-01-10T00:00:00ZConstructing ICT Leadership Indicators for Staff in Basic Education Institutions
http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/398
Constructing ICT Leadership Indicators for Staff in Basic Education Institutions
jeewattana, somsak
The purposes of this research were: 1) to construct ICT leadership indicators for staff in basic education institutions, and 2) to test the validity of the linear-structured model of ICT leadership indicators for staff in basic education institutions with explicit information. The samples were 960 educational personnel in one-district one-lab school project at southeastern, derived from 160 institutions, selected by using multi-stage random sampling technique. The research instrument was a 5-rating scale ICT leadership indicators questionnaire. The statistics used for analyzing the collected data were descriptive statistics by using frequency, percentage, standard deviation, and Pearson product-moment coefficient correlation. The first and second confirmatory factor analysis components were used by advanced statistical software packages.
The findings of this study provided ICT leadership indicators which focus on six main important components. These six components are leadership and vision, learning- teaching, modeling organizationship and professional expertise, concept and technology provision process, assessment and evaluation, and social, Legal and ethics Issues. Those components are the crucial elements of ICT leadership indicators for staff in basic education institutions. The ranking elements from the highest to the lowest percentage were learning and teaching (0.95), assessment and evaluation (0.94), productivity and professional practice (0.94), support management and operation (0.92), leadership and vision (0.88), and social, legal and ethical issues (0.86), respectively. The main six components must be practiced via 48 variables which were the ICT leadership indictors. These indicators consist of 9 leadership and vision indicators, 9 learning teaching indicators, 7 modeling productivity and professional practice indictors, 8 support management and operation indicators, 8 assessment and evaluation indicators, and 7 social, social, legal and ethical issues indicators.
The findings from the validity test of the linear-structured model of ICT leadership indicators for staff in basic education institutions by using Chi-square value, concordance-measured index, and revised concordance-measured index were found that the model was validated with explicit data statistically significant different. Also, the convergent validity test indicated that the indicators was able to measure the validity of latent variables. The discriminant validity then found that each of latent variable indicator be able to specific measure separately and did not mix with other gauges.
2017-01-01T00:00:00Z