รายงานการวิจัยhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4132024-03-28T15:07:43Z2024-03-28T15:07:43Zการพัฒนาระบบสารสนเทศงานราชภัฏวิจัย ครั้งที่ ๔ และงานมหกรรมวิชาการ และวัฒนธรรมนานาชาติครั้งที่ ๒ กรณีศึกษา : ระบบบริหารจัดการฐานข้อมูลรักเกียรติ, เสาร์วงศ์http://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/42232018-07-06T07:49:40Z2017-01-01T00:00:00Zการพัฒนาระบบสารสนเทศงานราชภัฏวิจัย ครั้งที่ ๔ และงานมหกรรมวิชาการ และวัฒนธรรมนานาชาติครั้งที่ ๒ กรณีศึกษา : ระบบบริหารจัดการฐานข้อมูล
รักเกียรติ, เสาร์วงศ์
การพัฒนาระบบสารสนเทศนี้และวัฒนธรรมนานาชาติครั้งที่ ๒ กรณีศึกษา : ระบบบริหารจัดการ
ฐานข้อมูล จัดทำเพื่อสะดวกในการส่งบทความวิจัย ให้สามารถรับส่งติดต่อสื่อสารกันได้ทางออนไลน์ การ
พัฒนานี้ใช้โปรแกรม PHP ในการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชั่น ใช้ Microsoft Access บริหารจัดการระบบ
ฐานข้อมูล เพื่อนำมาพัฒนาเป็นเว็บแอปพลิเคชั่น หลังจากที่ได้ระบบสารสนเทศขึ้นมา ระบบช่วยให้ผู้วิจัย
สมัครเข้าร่วมส่งบทความวิจัยทางระบบออนไลน์ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏ
บุรีรัมย์ทำงานได้สะดวกขึ้น ส่งผลให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำสำคัญ (key word) ระบบบริหารจัดการฐานข้อมูล
หลั
2017-01-01T00:00:00Zผลการใช้แบบฝึกทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3สิริ์กาญจน์, สิงห์เสนhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/27052017-10-01T04:42:41Z2556-01-01T00:00:00Zผลการใช้แบบฝึกทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
สิริ์กาญจน์, สิงห์เสน
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายดังนี้ 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกหัดทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนกับหลังเรียนด้วย STADสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะกาเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ปีการศึกษา2554 โรงเรียนอนุบาลโนนสุวรรณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 จำนวน 32 คน ไดมาโดยการสุ่มอยางง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษโยการจัดกิจกรรมารเรียนรู่แบบร่วมมือเทคนิค STAD ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมือเทคนิค STAD จำนวน 5 แผน 3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 25 ข้อ มีค่าความยาก (P) ระหว่าง 0.47 -0.63 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (B) ระหว่าง 0.36 -0.69 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่กับ 0.86 และ 4)แบบความพึงพอใจ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าระดับ จำนวน 10 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.78 -0.98 ละค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แลทดสอบสมมติฐานด้วย Dependent Samples t- test ผลการวิจัยพบว่า 1. แบบฝึกทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากกับ 90.05/85.88 ซึ่งสุงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบฝึกหัดทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.7859 ซึ่งหมายความว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 78.59 4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยูในระดับมาก
2556-01-01T00:00:00Zการพัฒนาเว็บไซต์ศูนย์ท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์วีราพัชร์, ปุญญพัฒนศิริhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4232017-08-29T04:36:06Z2017-06-19T00:00:00Zการพัฒนาเว็บไซต์ศูนย์ท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์
วีราพัชร์, ปุญญพัฒนศิริ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ข้อมูลท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อระบบเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้พัฒนาระบบประกอบด้วยโปรแกรมการจัดการฐานข้อมูลมายเอสคิวแอล โปรแกรม WordPress ประเมินความพึงพอใจด้วยแบบสอบถาม จากผู้ใช้บริการเว็บไซต์ข้อมูลท้องถิ่น จำนวน 665 คนสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบความแตกต่างโดยใช้ค่าสถิติที (t-test) ผลการวิจัยพบว่าการศึกษาค้นคว้า พบว่า การพัฒนาเว็บไซต์ศูนย์ท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถใช้งานได้จริง จากการศึกษาความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงาน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ยรวมที่ 3.63)
2017-06-19T00:00:00Zการศึกษาความพึงพอใจของบุคคลภายนอกต่อเว็บไซต์มหาวิทยาลัย ราชภัฏบุรีรัมย์สุธาทิพย์, สาทพลกรังสัญชัย, ครบอุดมhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4212017-08-24T03:02:24Z2558-01-01T00:00:00Zการศึกษาความพึงพอใจของบุคคลภายนอกต่อเว็บไซต์มหาวิทยาลัย ราชภัฏบุรีรัมย์
สุธาทิพย์, สาทพลกรัง; สัญชัย, ครบอุดม
การวิจัยเรื่องการศึกษาความพึงพอใจของบุคคลภายนอกต่อเว็บไซต์มหาวิทยาลัย ราชภัฏบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจของบุคคลภายนอกต่อเว็บไซต์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ที่มาใช้ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ศูนย์คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปี 2558 จำนวน 312 คน เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจของบุคคลภายนอกต่อเว็บไซต์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ใช้บริการส่วนเป็นเพศหญิง ร้อยละ 66.70 ส่วนใหญ่อายุอยู่ระหว่าง 21-30 ปี ร้อยละ 38.80 และน้อยที่สุด คือ อายุ 41-50 ปี ร้อยละ 24.00 ระดับการศึกษาส่วนใหญ่ระดับปริญญาตรี ร้อยละ 49.70 และน้อยที่สุดระดับ คือ ปริญญาโท ร้อยละ 20.50 ความถี่ในการเข้าใช้ ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับความจำเป็น ร้อยละ 53.50 และน้อยที่สุด คือ ทุกเดือนร้อยละ 13.50 จากผลการวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาความพึงพอใจของบุคคลภายนอกต่อเว็บไซต์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยภาพรวมมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (x-bar = 4.58) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 3 ด้าน คือ ด้านคุณภาพเนื้อหา (x-bar = 4.59) ด้านการออกแบบและการจัดรูปแบบเว็บไซต์ (x-bar = 4.58) และด้านความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล ( x-bar = 4.59) ส่วนความพึงพอใจโดยภาพรวม (x-bar = 4.40) ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
The research entitled the Study of Outsiders’ Satisfaction towards Website of Buriram Rajabhat University aimed to study the satisfaction of outsiders towards website of Buriram Rajabhat University. The subjects were 312 outsiders who used the service of the Computer Rooms of Computer and Internet Center, Office of Academic Resources and Information Technology, Buriram Rajabhat University. The research instrument was questionnaire. The data obtained were analyzed by frequency, percentage, mean, and standard deviation.
The results revealed that most of the respondents were female with 66.70%. In term of ages, the age during 21-30 years old was the most or 38.80%, while the age 41 -50 years old or 24.00% was the least. For educational level, bachelor degree was the most or 49.70%, whereas master degree was the least or 20.50%. Considering the frequency of the use of service, the results showed that the frequency of depending on the necessary aspect was the most or 53.50%, while every month was the least or 13.50%. From the results of the study, the satisfaction of the outsiders towards website of Buriram Rajabhat University as a whole was at the most level (x-bar = 4.58). Considering in each aspect, there were 3 aspects satisfied at the most level: the quality of content (x-bar = 4.59), design and layout of the website (x-bar = 4.58), the access of information (x-bar = 4.59). This may be caused from the contents of website were presented in order for the users to choose their own interesting topics, then they can access to read for more details. While reading, they can leave for another topic. For the overall satisfaction, it was at the most level (x-bar = 4.40).
2558-01-01T00:00:00Zการศึกษาความพึงพอใจของบุคลากรและนักศึกษาที่มีต่อระบบสารสนเทศและการให้บริการสารสนเทศ (ICT) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์สัญชัย, ครบอุดมสุธาทิพย์, สาทพลกรังhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4202017-09-03T09:26:36Z2558-01-01T00:00:00Zการศึกษาความพึงพอใจของบุคลากรและนักศึกษาที่มีต่อระบบสารสนเทศและการให้บริการสารสนเทศ (ICT) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
สัญชัย, ครบอุดม; สุธาทิพย์, สาทพลกรัง
การวิจัยเรื่องการศึกษาความพึงพอใจของบุคลากรและนักศึกษาที่มีต่อระบบสารสนเทศและการให้บริการสารสนเทศ (ICT) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจของบุคลากรและนักศึกษาที่มีต่อระบบสารสนเทศและการให้บริการระบบสารสนเทศ (ICT) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จำนวน 377 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจของบุคลากรและนักศึกษาที่มีต่อระบบสารสนเทศและการให้บริการระบบสารสนเทศ (ICT) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 69.80 เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ร้อยละ 40.10 คณะวิทยาการจัดการ ร้อยละ 18.00 ความถี่ในการเข้าใช้งานมากกว่า 10 ครั้ง/สัปดาห์ ร้อยละ 52.80 จากการวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาความพึงพอใจของบุคลากรและนักศึกษาที่มีต่อระบบสารสนเทศและการให้บริการระบบสารสนเทศ (ICT) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยภาพรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( x-bar = 4.14) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก จำนวน 3 ด้าน คือ ด้านการให้บริการระบบสารสนเทศ ( x-bar = 4.18) ด้านการบริหารจัดการและประสิทธิภาพของระบบสารสนเทศ ( x-bar = 4.17) และด้านความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ (x-bar = 4.15)
The research entitled ‘Satisfaction of Staff and Students towards Information System and ICT Service of Buriram Rajabhat University’ aimed to study the satisfaction of staff and students towards the information system and ICT service of Buriram Rajabhat University. The subjects were 377 staff and students. The research instrument was questionnaire. The data obtained were analyzed by frequency, percentage, mean, and standard deviation.
The results revealed that 69.80% of the respondents were female. 40.10% of them were students of Buriram Rajabhat University. 18.00% of the respondents were from Faculty of Management Science. In term of the frequency of the use of service, the results showed that 52.80% of the users use the service provided more than 10 times a week. From the results of the study, the satisfaction of the staff and students towards information system and ICT service of Buriram Rajabhat University as a whole was at the much level ( x-bar = 4.14). When considering in each aspect, there were 3 aspects satisfied at the much level: the service of information system (x-bar = 4.18), the management and efficiency of the information system (x-bar = 4.17), the security of information system (x-bar = 4.15).
2558-01-01T00:00:00Zความพึงพอใจการให้บริการของสถาบันภาษา สำนักวิทยบริการและ เทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์บำรุง, กันรัมย์สุธาทิพย์, สาทพลกรังสิปปนนท์, ตั้งชูกุลhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4192017-08-23T13:37:06Z2556-01-01T00:00:00Zความพึงพอใจการให้บริการของสถาบันภาษา สำนักวิทยบริการและ เทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
บำรุง, กันรัมย์; สุธาทิพย์, สาทพลกรัง; สิปปนนท์, ตั้งชูกุล
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจการให้บริการของสถาบันภาษา สำนักวิทยาบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักศึกษาที่เรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน จำนวน 269 คน โดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย ซึ่งได้ทำการเก็บแบบสอบถามจำนวน 269 ฉบับ และได้รับแบบสอบถามกลับคืนมาจำนวน 243 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 90.33 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า
1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 74.07 สังกัดคณะครุศาสตร์ ร้อยละ 54.32 ชั้นปีที่ 2 ร้อยละ 53.09 จำนวนครั้งในการเข้าใช้บริการสถาบันภาษา 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์ ร้อยละ 46.50 เวลาที่เข้าใช้บริการสถาบันภาษาไม่แน่นอน ร้อยละ 41.56 และประเภทของบริการที่ใช้บริการฝึกทักษะภาษาอังกฤษด้วยตนเอง Tell me moreร้อยละ 87.24
2) ความพึงพอใจการให้บริการของสถาบันภาษา สำนักวิทยาบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านห้องสำนักงานสถาบันภาษา (ห้อง 17403) เช่น สถานที่ให้บริการสะอาดและเป็นระเบียบ สถานที่ตั้งของสำนักงาน และระยะเวลาในการเปิดให้บริการ (08.00 น. – 17.00 น.) ด้านห้องปฏิบัติการทางภาษา (ห้อง 17205 และ 17206) เช่น แสงสว่างภายในห้องปฏิบัติการ ฯ ความสะอาดของห้องปฏิบัติการ ฯ สถานที่ตั้งของห้องปฏิบัติการทางภาษา และจำนวนเครื่องปรับอากาศ และด้านการให้บริการของบุคลากร เช่น กริยามารยาทของบุคลากร ความมีมนุษยสัมพันธ์ การมีท่าทางเป็นมิตร ติดต่อได้ง่ายสะดวกของบุคลากร และความรับผิดชอบของบุคลากรในการปฏิบัติงาน
3) ปัญหาและความต้องการการใช้บริการของสถาบันภาษา ด้านห้องปฏิบัติการทางภาษา ได้แก่ จำนวนของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการมีไม่เพียงพอกับความต้องการ การจัดระบบการใช้ห้องปฏิบัติการยังไม่ดี จำนวนโปรแกรมเรียนภาษามีให้เลือกน้อยเกินไป และไม่มีสื่อสนับสนุนการเรียนรู้ เช่น พจนานุกรม
The objective of this research was to study students’ satisfaction towards the Language Institute services, Academic Resources and Information Technology, Buriram Rajabhat University. The data were collected from 269 students who registered fundamental English courses in Academic Year 2013 with Simple sampling. The instrument used was 269 copies of questionnaires and was returned 243 copies or 90.33 %. The data was analyzed using SPSS for Windows Program to reveal some basic statistics: Frequency, Percentage, Mean, and Standard Deviation.
The results of the study revealed that:
1) Regarding to the personal information of respondents, most of them were 74.07% of female, 54.32% of Faculty of Education, 53.09 % were in the second year, 46.50% using the language lab 1-2 times a week, 41.56% were uncertain for time spending, and practicing language program Tell Me More was about 87.24%.
2) When considering students’ satisfaction towards Language Institute services, the students rated at a very high level as the whole in the aspects of Language Institute office: the clean and neatness of place, the location of the office, and office hours; In the aspects of the Language Laboratory: the brightness, the clean, the location of the lab, and the numbers of air conditioner; in the aspects of officer: the manner, the human relationship, friendliness, easy to contact, and the service mind of responsibility.
ง
3) In terms of problems and the needs in using Language Institute services on Language Laboratory, the findings showed that the amount of computers was insufficient to a number of users, the manage system was not good, there was a little of language study program, and there was no supplementary material such as dictionary for promoting the learning.
2556-01-01T00:00:00Zการสำรวจความต้องการเพื่อรับบริการทางวิชาการของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์สุธาทิพย์, สาทพลกรังhttp://dspace.bru.ac.th/xmlui/handle/123456789/4182017-09-03T09:31:46Z2555-01-01T00:00:00Zการสำรวจความต้องการเพื่อรับบริการทางวิชาการของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
สุธาทิพย์, สาทพลกรัง
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความต้องการของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ในการรับบริการทางวิชาการของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กลุ่มตัวอย่างได้จากการสุ่มจากประชากร ประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของเครจซี่ และมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 384 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม มี 3 ลักษณะ คือ แบบตรวจสอบรายการ แบบมาตราส่วนประมาณค่า และแบบคำถามปลายเปิด สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มีความต้องการในการรับบริการทางวิชาการด้านเนื้อหาในการบริการทางวิชาการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x-bar = 3.81) ด้านรูปแบบในการรับบริการทางวิชาการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x-bar = 3.76) ด้านสถานที่ในการบริการทางวิชาการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x-bar= 4.15) ด้านหลักสูตรในการบริการทางวิชาการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x-bar=3.82) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยมาก 5 ลำดับแรก ดังนี้ การซ่อมบำรุงเครื่องใช้ไฟฟ้า และการพัฒนาความเป็นผู้นำ (x-bar = 4.01) การพัฒนาเว็บไซต์และระบบสารสนเทศ (x-bar = 3.94) การพัฒนาทักษะผู้บริหารเพื่อการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ความเป็นเลิศ และการประหยัดพลังงาน (x-bar= 3.92) การสร้างเว็บไซต์ และการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป(x-bar = 3.91) การซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศ/การตรวจเช็คและล้างเครื่องปรับอากาศ (x-bar = 3.88)
The objective of this research was to survey the needs for using academic service of Buriram Rajabhat University of people in Muang-Buriram District area, Buriram Province. The samples were 384 representatives of Muang-Buriram District people which were determined by using Krejcie and Morgan table sampling size. The research instrument was questionnaire with 3 components: check-lists, rating scales, and open-ended questions. The data were analyzed by percentage, mean, and standard deviation (S.D.).
The findings expressed that people in Muang-Buriram District, Buriram Province, need the use of academic services as a whole at high level for the aspects of content (x-bar= 3.81), service patterns (x-bar = 3.76), place (x-bar = 4.15), and curriculum (x-bar=3.82). When considering the first 5 highly aspects needed, there were the electrical appliance maintenance and the leadership development (x-bar= 4.01), the development of website and information technology (x-bar= 3.94), the skill development of administrators for changing the organization to be excellence and saving energy (x-bar= 3.92), web design and the use of ready program (x-bar= 3.91), air-conditioner maintenance (x-bar= 3.88).
2555-01-01T00:00:00Z